บทที่ 715 ขอฝ่าบาทจ่ายค่าพระกระยาหารด้วยพะย่ะค่ะ
เพียงพริบตาที่กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นปะทุ แผ่นดินพื้นที่ต้องห้ามทั้งผืนแผ่ระลอก สิ่งประหลาดที่ถือกำเนิดในพื้นที่ต้องห้ามทั้งหมดต่างหมอบกับพื้นเนื้อตัวสั่นเทา คารวะไปทางภูเขาเลือดเนื้อ
ท้องฟ้าเกิดเมฆหมอกขึ้นมาจากความว่างเปล่า เดือดพล่านอย่างรุนแรงแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นวน หมุนวนส่งเสียงครืนครันคำรามลั่น
พื้นที่ต้องห้ามในเสี้ยวขณะนี้เกิดลมพายุหอบหมุน เชื่อมต่อกับคลื่นวนบนท้องฟ้า น่าหาดกลัวสั่นสะท้านนัก
และสวี่ชิงที่เป็นต้นเหตุของทุกอย่างนี้ ตอนนี้อยู่ในพายุ ภายใต้คลื่นวนนี้ ตัวงอ สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ปากส่งเสียงคำรามที่ไม่เหมือนเสียงมนุษย์ออกมา
ความเจ็บปวดที่ยากบรรยายกวาดโหมไปยังร่างกายและวิญญาณของเขาราวฟ้าถล่มดินทลาย ฉีกทึ้งกายเทพเจ้าของเขา แผ่หมอกพิษดำมืดออกมา
หมอกนี้หนาขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ปกคลุมร่างกายสภาวะเทพขั้นที่หนึ่งของสวี่ชิงไปโดยสมบูรณ์ ก่อเป็นเงาร่างที่ยิ่งสูงใหญ่กว่าเดิม
เงาร่างนี้ค่อยๆ ยืนตรง ในพริบตาที่เงยหน้ามองไปทางผู้อาวุโสเก้าที่อยู่บนภูเขาเลือดเนื้อ รัศมีอำนาจท่วมท้นสะท้านฟ้า
ร่างที่สมบูรณ์ของเขาก็สำแดงขึ้นในเสี้ยวขณะนี้ ทั่วทั้งร่างกายมองไม่เห็นผิวหนังใดๆ ทั้งสิ้น ถูกเกราะสีดำปกคลุมไปหมด แม้แต่ศีรษะเองก็เช่นกัน
บริเวณดวงตาทั้งสองลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟเย็นเยือก ความเย็นชาปรากฏอย่างชัดเจน
มองไปทั้งร่าง ความโบราณและความมืดมิดคือสัมผัสแรกที่คนสัมผัสได้จากเงาร่างนี้
และหมอกดำเป็นกลุ่มๆ ที่ลอยอ้อยอิ่งบนเกราะ ก็รวมไปที่หลังของเขา เหมือนผ้าคลุมสีดำที่ปกคลุมฟ้าดิน
จากการสะบัดพริ้วของเสื้อคลุม ความเน่าเปื่อยและพิษร้ายแรงแผ่ซ่านไปในฟ้าดิน
คล้ายว่าพลังชีวิตทั้งหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาล้วนเหี่ยวแห้ง ล้วนดับดิ้น
ทำให้คนรู้สึกถึงความสุดโต่ง ประดุจปีศาจ
สมบัติเทพข้างหลังเขาตอนนี้เหลือเพียงพระจันทร์สีม่วงเท่านั้น
ผู้อาวุโสเก้าหวั่นไหว
สภาวะเทพขั้นที่หนึ่งของสวี่ชิงเขาแค่พยักหน้า แต่ขั้นที่สองตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นระลอกคลื่นอารมณ์
“ข้าเหมือน…เคยเห็นมาก่อน”
ผู้อาวุโสเก้าพึมพำในใจ ก้มหน้าเล็กน้อย จ้องมองสวี่ชิง สิ่งที่สังเกตโดยเฉพาะคือระลอกคลื่นวิญญาณของสวี่ชิง จากนั้นก็ใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำทุ้ม
“บอกข้ามา นามที่แท้จริงของเจ้า”
ประโยคนี้คล้ายว่าแฝงไว้ด้วยพลังลึกลับอะไรบางอย่าง ดังก้องไปในพื้นดิน ซัดหอบระลอกคลื่น
ผู้อาวุโสเก้ากำลังพิสูจน์ คนข้างหน้าคนนี้คือสวี่ชิงหรือไม่
สวี่ชิงยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองตาประสานกับผู้อาวุโสเก้า หลังจากนั้นครู่หนึ่งเปลวไฟเย็นเยือกในดวงตาไหววูบ ปากส่งเสียงแหบแห้งออกมา
“สวี่ชิง”
ผู้อาวุโสเก้าได้ยินก็พยักหน้า
“ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไร”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง สัมผัสสภาวะตอนนี้อย่างละเอียด นั่นเป็นความคิดที่ไร้ความปรารถนา ไร้ความต้องการ ทุกอย่างล้วนเรียบเฉย อีกทั้งยังรักษาความเป็นเหตุผลไว้อย่างสูงสุด
นี่ทำให้เขานึกถึงการสัมผัสเทพในอดีต
จึงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
“ดีมาก”
ผู้อาวุโสเก้าเงียบนิ่ง จากนั้นมือขวาขณะยกขึ้น เลือดเนื้อของชื่อหมู่ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง มองสวี่ชิง เอ่ยเสียงต่ำทุ้มออกมา
“เจ้าอยากสัมผัสสภาวะเทพขั้นที่สามของเจ้าสักหน่อยหรือไม่”
สวี่ชิงได้ยินก็สะบัดมือ เลือดเนื้อของชื่อหมู่ที่มีขนาดเท่ากันชิ้นหนึ่งก็ปรากฏในมือเขา
“ข้าจะลองดูขอรับ”
พูดพลาง เขาก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ส่งเลือดเนื้อชิ้นนี้ไปยังสมบัติเทพพระจันทร์สีม่วงที่อยู่ข้างหลัง ในพริบตาที่จมลงไป สมบัติเทพพระจันทร์สีม่วงก็ส่งเสียงสะท้านสะเทือนฟ้า ประดุจสายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดผ่า คำรามก้องไปในฟ้าดิน
จากนั้น สมบัติเทพพระจันทร์สีม่วงก็ปะทุขึ้น พลังต้นกำเนิดเทพในนั้นทะลักมาหาสวี่ชิง ผสานไปในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ในขั้นตอนนี้ ร่างของสวี่ชิงฉีกขาดอีกครั้ง
แต่เขากลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ
ไม่ใช่ไม่รู้สึกเจ็บปวด แค่ทุกอย่างนี้ล้วนถูกสติสัมปชัญญะขั้นสูงสุดของเขาควบคุมเอาไว้
ร่างของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า อันดับแรกคือผมยาวข้างล่างเกราะ ยาวอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ร่วงลงบนพื้น แผ่ปกคลุมไปรอบๆ
สีเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือหลังของเขาจากการฉีกทึ้งนี้ก็เหมือนมีขนนกปรากฏขึ้น และยังมีพระจันทร์สีม่วงดวงหนึ่งด้วย คล้ายว่ากำลังจะลอยตามขึ้นมา
กลิ่นอายที่น่ากลัวยิ่งกว่าสภาวะเทพขั้นที่สองในเสี้ยวขณะนี้ปะทุขึ้นมาจากร่างของสวี่ชิงอย่างน่าสะพรึงกลัว
บนท้องฟ้ามีสายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้น พาดผ่านเป็นทางๆ ทำให้คนรู้สึกถึงพลังต้องห้ามอย่างรุนแรง
ฟ้าดินเปลี่ยนสีเพื่อเขา ร่างของผู้อาวุโสเก้ายิ่งยืนขึ้นมาบนภูเขาเลือดเนื้อ จ้องมองสวี่ชิง ในดวงตาฉายระลอกคลื่นอารมณ์รุนแรง
‘เขากำลัง…ยกระดับคุณสมบัติอย่างนั้นหรือ!’
ในขณะที่ผู้อาวุโสเก้าในใจเกิดคลื่นซัดโหม สวี่ชิงร่างพลันสะท้านเฮือก ร่างเกิดรอยดับสลาย กระทั่งว่ามีเลือดเนื้อส่วนหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นเถ้าธุลี กำลังสลายไป
สภาวะเทพขั้นที่สามยังไม่ได้สำแดงโดยสมบูรณ์ แต่เขามาถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว
“วิญญาณและร่างกายไม่อาจทนรับได้ หากดำเนินต่อไป จะดับสลายเป็นเถ้าธุลี”
สวี่ชิงเอ่ยปากเรียบนิ่ง เหมือนว่าคนที่พูดถึงไม่ใช่ตัวเอง จากนั้นก็พ่นลมหายใจสีม่วงออกมา
และจากการพ่นลมหายใจนี้ออกมา ก็เหมือนเวลาไหลย้อนกลับ ผมยาวของเขาหดกลับไปอย่างรวดเร็ว พระจันทร์สีม่วงข้างหลังลาลับไป กลิ่นอายก็ลดลง
เสี้ยวขณะต่อมา เขาก็เหมือนกลับไปยังสภาวะเทพขั้นที่สอง
พลังต้นกำเนิดเทพที่ผสานในร่างแผ่ออกไปในขั้นตอนนี้ แปรเปลี่ยนเป็นสมบัติเทพพระจันทร์สีม่วงข้างหลังอีกครั้ง
สภาวะเทพขั้นที่สามสำแดงล้มเหลว
ด้วยพลังรากฐานของสวี่ชิงในตอนนี้ ต่อให้มีเลือดเนื้อของชื่อหมู่ก็ยังคงยากที่จะทำให้ขั้นที่สามก่อขึ้นมาได้สำเร็จ
ในขณะเดียวกัน สภาวะเทพขั้นที่สองของเขาก็มาถึงขีดจำกัดสูงสุดเช่นกัน เกราะบนร่างของเขาหลอมละลาย กลายเป็นพลังต้นกำเนิดเทพพิษต้องห้าม พร้อมกับพลังพิษต้องห้ามที่เป็นทุกอย่างในร่างของเขาล้วนปลดออกมา รวมอยู่ข้างหลังเขา ทำให้สมบัติเทพพิษต้องห้ามก่อขึ้นใหม่อีกครั้ง
มีเพียงสภาวะเทพขั้นที่หนึ่งเท่านั้นที่ยังคงสมบูรณ์
ส่วนจิตใจของสวี่ชิง จากการเปลี่ยนแปลงพวกนี้ก็เกิดอารมณ์ที่เป็นมนุษย์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ลมหายใจเปลี่ยนมาหอบถี่ ระลอกคลื่นอารมณ์ในใจมหึมา โค้งคารวะผู้อาวุโสเก้าที่จ้องมองตน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา