บทที่ 735 เตะโดนแผ่นเหล็ก
“เขตปกครองผนึกสมุทร”
อ๋องเทียนหลันวางแผ่นหยกลง หลับตา อนุมานความเป็นไปได้ของเรื่องที่ตนคิดอยู่ในใจ
ครู่ต่อมา เขาลืมตาขึ้น เผยประกายเย็นเยียบ หันหน้าไปมองยังทิศทางของเขตปกครองผนึกสมุทร
เขาต้องการเหตุผลเพื่อปกปิดความพ่ายแพ้ของตน ขณะเดียวกันก็ต้องให้คำอธิบายแก่จักรพรรดิมนุษย์
เหตุผลดังกล่าวไม่ต้องสมบูรณ์แบบ เพราะสำหรับจักรพรรดิมนุษย์ ต่อให้อธิบายละเอียดเพียงใดก็ถูกมองออกอยู่ดี แต่นั่นไม่สำคัญ ตนในฐานะอ๋องสวรรค์ ความจริงแล้วสิ่งที่ต้องใช้อธิบายในบางขั้นตอนก็คือทัศนคติอย่างหนึ่ง
ดังนั้นตนต้องแสดงทัศนคติที่มีใจเอนเอียงไปหาจักรพรรดิมนุษย์ออกมา
อีกทั้งจักรพรรดิมนุษย์ยังให้ความสำคัญกับการได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดในสงคราม เช่นนั้นขอแค่ตนกอบกู้ความพ่ายแพ้กลับมา กำจัดความวุ่นวายให้กลับสู่สภาวะปกติได้ ปัญหาย่อมไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…
‘เขตปกครองผนึกสมุทรมีดวงตะวันแห่งแสงอรุณจริงๆ!
‘แต่พลังอำนาจยังห่างชั้นกับดวงตะวันแห่งแสงอรุณของจริงมาก แต่นี่อย่างไรก็เป็นแค่ผิวเผิน ความจริงอาจมีบางสิ่งซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้’
อ๋องเทียนหลันก้มหน้า มองแผ่นหยกในมือ ดวงตาแผ่ไอเย็นยะเยือก
‘การขาดกำลังเสริมจากเขตปกครองผนึกสมุทรเป็นสาเหตุหลักของการปราชัยในศึกครั้งนี้ ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นแอบสร้างดวงตะวันแห่งแสงอรุณขึ้นมาได้อย่างไร นี่ต่างหากคือความผิดที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่า!
‘ดังนั้น ไปเขตปกครองผนึกสมุทร ยึดดวงตะวันแห่งแสงอรุณมา แล้วเปิดศึกกับเผ่าฟ้าทมิฬอีกครั้ง ก็คือทางเลือกเพียงทางเดียว’
คิดถึงตรงนี้ อ๋องเทียนหลันไม่ลังเลอีกต่อไป เร่งออกคำสั่งเคลื่อนพลกลับไปที่แดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ มุ่งหน้าไปยังเขตปกครองผนึกสมุทร
ส่วนเขตปกครองผนึกสมุทรจะเลือกระเบิดดวงตะวันแสงอรุณที่เหลืออยู่และตายตกไปพร้อมกับอ๋องเทียนหลันหรือไม่ อ๋องเทียนหลันก็ย่อมไตร่ตรองถึงเรื่องนี้เช่นกัน
เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ขอเพียงตนไม่บีบเขตปกครองผนึกสมุทรจนถึงขั้นล่มสลาย แต่ระหว่างที่สร้างแรงกดดันในระดับหนึ่งก็เสนอให้นำดวงตะวันแห่งแสงอรุณมาละเว้นโทษ ขณะเดียวกันก็ยอมรับการปกครองตนเองของเขตปกครองผนึกสมุทร
เช่นนั้นเขตปกครองผนึกสมุทรต้องยอมก้มหัวให้อย่างแน่นอน
เว้นเสียแต่เขตปกครองผนึกสมุทรพร้อมจะทรยศเผ่าพันธุ์มนุษย์
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว
‘แต่ต้องกดดันมากพอถึงจะใช้ได้’
ด้วยเหตุนี้ อ๋องเทียนหลันจึงนำกองทัพใหญ่ออกเดินทางไปยังเขตปกครองผนึกสมุทร
มองไกลๆ กองทัพใหญ่นับล้านดูจะมีกำลังทำลายล้าง ริ้วธงเรียงรายในขบวนทัพ โบกสะบัดตามแรงลม แบ่งออกเป็นกองพันหลายสิบกอง แต่ละกองล้วนต่างกัน
บ้างขี่วิหคเหินเวหา บ้างก็นั่งขัดสมาธิบนหลังอสูรกลายพันธุ์ บ้างก็โลดโผนโจนทะยานไปไปตามปุยเมฆ…
ท้ายขบวนยังตามมาด้วยกองทัพนานาเผ่าพันธุ์ ในทัพนั้นมีทั้งยักษ์สูงหลายร้อยจั้ง สวมชุดเกราะหนา ยามก้าวย่าง พื้นดินครืนครัน
ส่วนหน้าสุดของขบวนทัพ เป็นมังกรสีดำยาวหมื่นจั้ง รูปร่างน่าเกรงขามของมันทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่บางอย่างขณะเคลื่อนที่ท่ามกลางเมฆหมอก พลานุภาพน่าตื่นตะลึง
บนยอดศีรษะของมันมีใครคนหนึ่งนั่งไขว้ขาอยู่ ซึ่งก็คืออ๋องเทียนหลันนั่นเอง เขาหลับตาลง สีหน้าเย็นชาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
เมื่อกองทัพใหญ่เคลื่อนผ่าน ลมโหมเมฆทะลัก ฟ้าดินสั่นสะเทือนพร้อมกัน ข้ามผ่านอาณาเขตของต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ และผ่านอดีตเมืองหลวงรัฐสายลมสวรรค์ที่กลายเป็นซาก กองทัพใหญ่ก็หยุดชะงักที่นี่
อ๋องเทียนหลันบนหลังมังกรดำลืมตาขึ้นทอดมองซากปรักหักพัง ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง กองทัพใหญ่จึงเคลื่อนพลต่อไป
จนกระทั่งเดินทางมาถึงชายแดนเขตปกครองผนึกสมุทร เมืองสามมณฑลที่องค์ชายเจ็ดต้องการครอบครองในทีแรก
สรรพชีวิตในเมืองสามมณฑลต่างสั่นสะท้าน ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือแม้แต่ผู้บำเพ็ญ
กองทัพขนาดใหญ่ข้ามผ่านแผ่นฟ้า รัศมีอำนาจถล่มภูเขาล่มมหาสมุทร หลายเป็นพายุพัดกวาดผืนดิน บดขยี้ไปตลอดทาง ทำให้ภูเขาถล่มดินทลาย
ค่ายกลเมืองสามมณฑลแตกพ่ายในพริบตา พวกขั้วอำนาจเผ่าต่างๆ และสำนัก หากอยู่ในเส้นทางล้วนถูกสยบราบคาบ
ส่วนกรมครองกระบี่ที่ประจำการ ณ เมืองสามมณฑล ยิ่งเป็นเช่นนี้
น่าเกรงขาม ทรงพลัง ไร้พ่าย
คำบรรยายเหล่านี้ซ้อนทับกันจนกลายเป็นรัศมีอำนาจของกองทัพกองนี้ ความน่าครั่นคร้ามปะทุ ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมพายุพัดแรงขึ้น เข้าใกล้เมืองหลวงเขตปกครองผนึกสมุทรมากขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น เขตปกครองผนึกสมุทรก็ตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยง เกิดวิกฤตไปทั่ว
เมืองหลวงเขตปกครองผนึกสมุทรย่อมได้รับข่าวคราวแล้ว ความจริงแล้วเขตปกครองผนึกสมุทรไม่ได้แปลกใจกับการมาเยือนของอ๋องเทียนหลันนัก หลังจากสยบผู้บัญชาการทหารในตอนแรก เหล่าผู้บำเพ็ญในเขตปกครองผนึกสมุทรก็รับรู้ได้ว่าวันนี้ต้องมาถึง
จึงทำการเตรียมพร้อมรับมือสงครามมาโดยตลอด
บัดนี้ทันทีที่ทราบเรื่อง ของวิเศษเวทต้องห้ามของเขตปกครองผนึกสมุทรก็ถูกเปิดใช้งาน ของวิเศษเวทของสำนักต่างๆ ก็ถูกเปิดใช้งานและมีของวิเศษเวทต้องห้ามของเมืองหลวงเขตปกครองคอยควบคุม ก่อตัวเป็นตาข่ายยักษ์ครอบคลุมอาณาเขตหลายร้อยลี้ในเขตปกครองผนึกสมุทร
นอกจากนี้ยังมีผู้บำเพ็ญจากสามวังและสำนัก สวมชุดเกราะ เตรียมพร้อมตอบโต้ ยังมีค่ายกลกะพริบวูบวาบบนพื้นดินเป็นแห่งๆ ก่อร่างสร้างพลังวิเศษ
ขณะเดียวกันก็มีการนำอาวุธเวทสงครามจำนวนมากออกมาใช้ พร้อมปะทุออกมาตลอดเวลา
ยิ่งมีหุ่นเชิดขับเคลื่อนด้วยคนจำนวนมากเป็นตัวๆ พร้อมประจันบาน
กลางท้องผ้า เรือศึกบรรพกาลของนายท่านเจ็ดลอยคว้าง ห้อมล้อมด้วยเรือเหาะของสำนักต่างๆ และตำหนักใหญ่โตหลังหนึ่งกลางท้องฟ้า นายท่านเจ็ดและโหวเหยาตลอดจนเจ้าวังทั้งสามและหวนสู่อนัตตาจากสำนักต่างๆ ล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ สวี่ชิงและนายกองก็รวมอยู่ในนั้น
พวกเขาทั้งหมดจ้องมองท้องฟ้าไกลๆ
และในเวลานี้เอง ขณะที่พวกเขาทอดสายตามองออกไป ขั้วอำนาจทั้งหลายในแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ให้ความสนใจทางนี้เช่นกัน
หากเป็นเมื่อก่อน ขั้วอำนาจเหล่านี้คงเชื่อว่าเขตปกครองผนึกสมุทรต้องโดนกวาดล้างเป็นแน่ ทว่าการปรากฏของดวงตะวันแห่งแสงอรุณในเขตปกครองผนึกสมุทรก่อนหน้านี้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศ
ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงเฝ้ามองการมาถึงของอ๋องเทียนหลัน ดูว่าเขตปกครองผนึกสมุทรจะก้าวเดินไปในทิศทางใด ท่ามกลางพายุลูกนี้
ในบรรดานั้นทางด้านต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มี่สุด เขากระจ่างแจ้งเรื่องเขตปกครองผนึกสมุทรโดยอาศัยจิตวิญญาณของตัวเอง สำหรับเขาแล้ว เขาไม่อยากยุ่งกับอ๋องเทียนหลันทางนั้น แต่ดวงตะวันแห่งแสงอรุณแห่งเขตปกครองผนึกสมุทรทำให้เขาสนใจได้ไม่น้อย
เขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองฝ่าย สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคือการถือโอกาสนี้คอยดูว่าทั้งสองฝ่ายต่อสู้ได้สูสีกันมากเพียงใด
‘น่าเสียดาย ที่สุดท้ายเขตปกครองผนึกสมุทรยังอ่อนแอเกินไป หากเขตปกครองผนึกสมุทรกล้าหาญมากกว่านี้ ระเบิดดวงตะวันแห่งแสงอรุณที่มีทั้งหมด เช่นนั้นเรื่องราวคงจะน่าสนใจ’
ต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์สีหน้าผ่อนคลาย คลี่ยิ้มน้อยๆ
เขาไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตัวเอง และไม่คิดว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบอะไรในอนาคต นอกเสียจาก…เขตปกครองผนึกสมุทรจะกล้าระเบิดออกมาจริงๆ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา