บทที่ 738 สวี่ชิงเป็นน้องชายของเจ้ากระมัง
หากเป็นเวลาอื่น ต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางเข้าร่วมเรื่องศึกชิงบัลลังก์เช่นนี้เด็ดขาด
ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นยุคไหน เผ่าพันธุ์ใด ศึกชิงบัลลังก์ล้วนเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่ที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้ ชนะเดิมพันก็จะรุ่งโรจน์ไม่สิ้นสุด และหากแพ้ก็จะพินาศย่อยยับอย่างไม่อาจย้อนคืน
ดังนั้นสำหรับต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์แล้ว อยู่อย่างอิสระเสรีในแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ทว่าวันนี้เขาทำไม่ได้แล้ว
เขตปกครองผนึกสมุทรเป็นตัวแทนของแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้หากเขายังคิดจะปลีกตัวอยู่สงบเพียงลำพังนั่นเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้…แดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ยังติดอยู่กับแดนใหญ่เซ่นจันทรา…
ดังนั้น เขาไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ต้องผูกติดกับเขตปกครองผนึกสมุทรเท่านั้น
แม้ว่าอ๋องเทียนหลันตายอยู่ที่นี่ก็ตาม
‘นี่ก็เป็นส่วนที่หลักแหลมของเขตปกครองผนึกสมุทร…หากเป็นเวลาอื่น อ๋องสวรรค์รบตาย เช่นนั้นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้เรื่องที่แดนใหญ่เซ่นจันทรามากพอที่จะสั่นคลอนทั่วทุกสารทิศได้ ทำให้จักรพรรดิมนุษย์ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
‘รวมกับเรื่องนี้ถูกดึงเข้าไปอยู่ในขอบเขตของการชิงบัลลังก์ ให้คำตอบกับจักรพรรดิมนุษย์ ให้คำตอบกับทางเมืองหลวง เช่นนั้นความตายของอ๋องสวรรค์ก็มีความหมายต่างออกไปแล้ว
‘จากศึกระหว่างเขตปกครองผนึกสมุทรกับอ๋องเทียนหลัน เปลี่ยนเป็นศึกระหว่างองค์ชายสิบสองและองค์ชายเจ็ด…ศึกแย่งชิงของขุนนาง เปลี่ยนเป็นเรื่องของราชวงศ์
‘เขตปกครองผนึกสมุทรมีผู้เก่งกล้า!’
ต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์สูดลมหายใจลึก เลือกที่จะสวามิภักดิ์
การเข้าร่วมของเขาทำให้แดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์รวมเป็นหนึ่งโดยสมบูรณ์!
ในตอนนี้ เขตปกครองผนึกสมุทรกลายเป็นศูนย์กลางของแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ ขั้วอำนาจทุกขั้วในแดนใหญ่ เผ่าทุกเผ่า ไม่มีความสามารถในการต่อต้าน และไม่มีความมุ่งมั่นที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย
ภายใต้พลังที่แท้จริง สวามิภักดิ์ เป็นเพียงแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า เขตปกครองผนึกสมุทรควบคุมกองทัพเผ่ามนุษย์จำนวนสิบล้านคน และขั้วอำนาจของต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ พลังเช่นนี้ทำให้เขตปกครองผนึกสมุทรยืนอยู่บนจุดสูงสุด
ส่วนสวี่ชิงน้ำขึ้นเรือย่อมลอยสูงขึ้นตาม ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
จากนั้นโองการฉบับหนึ่งก็ส่งออกจากเขตปกครองผนึกสมุทรไปทั่วแผ่นดินใหญ่
“ทุกเผ่าทุกสำนักจงฟังคำบัญชา ศึกฟ้าทมิฬเริ่มขึ้นอีกครา!”
ทันทีที่โองการนี้ประกาศออกไป ทุกสำนักทุกเผ่าในแผ่นดินใหญ่ไม่กล้าแข็งขืน
หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น ต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์จะต้องรู้สึกดูถูกอยู่แน่นอน แต่หลังจากรู้เรื่องแดนใหญ่เซ่นจันทรา รู้ว่าชื่อหมู่เทพชั้นสูงองค์นี้แตกดับไปแล้ว
อีกทั้งสวี่ชิงยังเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วม…
ทุกอย่างนี้จะให้เขาไปดูถูกอีกได้อย่างไร
ไม่ใช่แค่ไม่มีความรู้สึกดูถูก กระทั่งว่าในใจของต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ในเงาร่างของสวี่ชิงมีความลับมากมาย
เพราะเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณคนหนึ่ง ไยจึงเดินมาถึงขั้นที่คนทั้งหลายต่างเงยหน้ามองอย่างเคารพและคาดหวังได้อย่างไร
‘เรื่องที่ผิดปกติจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน สวี่ชิงคนนี้…ไม่ธรรมดา!’
ดังนั้น ปฏิกิริยาของเขาจึงทุ่มสุดตัว กองทัพใต้บัญชาการออกเคลื่อนไหวทั่วทุกสารทิศ เข้าร่วมศึกนี้
เช่นนี้เอง เวลาไหลไป ในตอนที่แดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์รวมกันเป็นหนึ่ง ผู้บำเพ็ญทุกเผ่าทุกสำนักต่างเดินทางไปยังแนวหน้า โดยมีนายท่านเจ็ดและพวกโหวเหยาทำการจัดการวางแผนต่างๆ สงครามปะทุขึ้นอีกครั้ง…
เรื่องที่แดนใหญ่เซ่นจันทราก็แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
เหตุที่เว้นระยะไปช่วงหนึ่งแล้วจึงเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ด้านหนึ่งเพราะผู้คนค่อยๆ ค้นพบหายไปของพระจันทร์สีชาด อีกด้านหนึ่ง…นั้นมาจากแผ่นหยกของแดนใหญ่เซ่นจันทราส่งออกไปทั่วทุกสารทิศ
แผ่นหยก รัฐทายาทเป็นผู้เขียน ประกาศแก่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทั้งผืน
ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์หรือเผ่าพันธุ์อื่น ส่วนใหญ่แล้วล้วนได้รับแผ่นหยกของรัฐทายาททั้งสิ้น
ในแผ่นหยกนี้บอกถึงสถานการณ์ แจ้งการตายของชื่อหมู่ ประกาศการฟื้นคืนชีพของเจ้าเหนือหัว
เรื่องนี้เขย่าทุกเผ่าพันธุ์ สั่นคลอนไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ กระทั่งว่าเทพเจ้าที่ซ่อนเร้นบางองค์หลังจากที่รู้เรื่องก็เกิดระลอกคลื่นอย่างบ้าคลั่ง
และเรื่องจริงหรือเท็จก็พิสูจน์ง่ายมาก คิดเชื่อมโยงถึงเสี้ยวหน้าเทพเจ้าลืมตาก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนแปลงของแดนใหญ่เซ่นจันทรา ทุกอย่างนี้ก็กระจ่างแจ้งแล้ว
แดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์ย่อมได้รับแผ่นหยกเช่นเดียวกัน ได้รู้เรื่องนี้
ตอนนี้ในวังหลวงเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ ในหอสูงที่อยู่ท่ามกลางเมฆหมอกลอยอวล ท่ามกลางสายลมพัดอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิมนุษย์ยืนอยู่ตรงนั้น ทอดสายตามองไปข้างหน้า
บนโต๊ะทำงานข้างหลังเขามีแผ่นหยกวางไว้สองแผ่น แผ่นหนึ่งมาจากรัฐทายาทแดนใหญ่เซ่นจันทรา แผ่นหนึ่งมาจากองค์ชายเจ็ด
ส่วนสีหน้าของเขาไร้สุขไร้ทุกข์ จุดที่สายตามองไปคือทะเลเมฆหมอกที่เดือดพล่าน
และหากมองไปอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าบริเวณที่หมอกผืนนั้นอยู่เป็น…ดวงดาวมหึมาที่ใหญ่โตเป็นที่สุด กระทั่งว่ามองไม่เห็นปลายขอบฟ้า
ดาวดวงนี้ก่อขึ้นด้วยไอหมอก บนนั้นหมอกเมฆไหลวน ราวภาพนามธรรม ยิ่งใหญ่ตระการตาน่าตื่นตะลึงนัก
นานหลังจากนั้น ข้างหลังเขาก็มีเสียงสงบนิ่งดังมา
“ฝ่าบาท แผ่นหยกทั้งสองกระหม่อมอ่านจบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สายตาของจักรพรรดิมนุษย์ดึงกลับมา เอ่ยราบเรียบ
“เป็นอย่างไร”
ที่โต๊ะทำงานข้างหลังของเขา ไม่รู้ว่ามีคนเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร
คนผู้นี้ใบหน้างดงามหล่อเหลา ผมยาวสีม่วงคลุมไหล่ สวมชุดคลุมยาวสีขาว ตอนนี้นั่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าสงบนิ่ง เป็นราชครูนั่นเอง
“ความจริงวันนั้นกระหม่อมพบว่าเวลาของตัวเองถูกยืมไปก็ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ราชครูเอ่ยเสียงแผ่วเบา หยิบจอกชาข้างๆ ขึ้นมาจิบหนึ่งอึก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา