บทที่ 78 การวางเดิมพันของจางซาน
คืนนี้ สำหรับคนของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตหลายๆ คนแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากปกติสักเท่าไร แต่สำหรับคนส่วนหนึ่งแล้วต่างออกไปเล็กน้อย
มีคนทอดถอนใจบนเรือเวท อิจฉาความไม่ธรรมดาของคนอื่น
มีคนคำรามโกรธแค้น สาบานว่าจะหาตัวสับร่างให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น
มีคนนอนเอนกายบนเก้าอี้เอนอย่างสบายอารมณ์ ข้างๆ มีเม็ดผลไม้กองเป็นภูเขา
มีคนอยู่ในโรงเตี๊ยมทุกข์ระทม จิตใจว้าวุ่นเป็นที่สุด
บางครั้งวิเคราะห์ว่าคนคนหนึ่งปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแล้วหรือไม่ ไม่ได้ไปดูที่ความสำเร็จของคนคนนั้นที่นั่น และไม่ได้ไปดูพฤติกรรมของคนคนนั้นเช่นกัน แต่ดูว่าเขาสามารถชักนำอารมณ์ของคนได้มากเท่าไร
คนที่อิจฉาความไม่ธรรมดาของคนอื่นคือลูกศิษย์ท่าเรือที่เจ็ดสิบเก้า คนที่คำรามโกรธแค้นคือผู้บำเพ็ญเผ่าเงือก คนที่เม็ดผลไม้กองเป็นภูเขาข้างๆ คือนายกองหก คนที่ในใจว้าวุ่นคือบรรพจารย์สำนักวัชระ
แต่จะอย่างไร ยามเมื่อแสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณสาดทอมา ความคิดเมื่อตอนกลางคืนก็ค่อยๆ เร้นหลบไปตามดวงอาทิตย์ที่ลอยขึ้นมา เหมือนผู้คนในคำกลอนคำกวีหลังจากที่ไม่หลับไม่นอนออกเที่ยวคึกคักทั้งคืน กับนอกบทกลอนกวีที่ออกไปจากฉากอย่างเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
ดังนั้น ยามแสงรุ่งอรุณสาดเข้ามาในเรือที่แตกร้าวส่องกระทบเปลือกตาของสวี่ชิงและเคาะเบาๆ เขาจึงลืมตาขึ้นมา ปรับอารมณ์ใต้เปลือกตากับความสว่างของโลกภายนอก
ดวงตาที่ปรากฏขึ้นในแสงอาทิตย์สะท้อนประกายวาวแววเหมือนอาทิตย์รุ่งอรุณข้างนอก มาพร้อมด้วยความคาดหวังต่ออนาคต
“ไม่รู้ว่าในทะเลเช้าตรู่จะมีชีวิตชีวามากกว่าเล็กน้อยหรือไม่” สวี่ชิงพึมพำเสียงเบา ในส่วนลึกของดวงตาแฝงไว้ด้วยความปรารถนา ลุกขึ้นยืน
วันนี้เรื่องที่เขาต้องทำมีมากมายเหลือเกิน
ก่อนอื่น เขาจะไปกรมปราบพิฆาตสักหน่อย ขอลาพักยาวเพื่อแผนการออกทะเลถัดจากนี้ ขั้นตอนนี้ที่กรมปราบพิฆาตไม่ซับซ้อน หลายครั้งลูกศิษย์ยอดเขาที่เจ็ดไม่ได้อยู่ที่ท่าเรือ ในเมื่อฝึกฝนด้วยทะเล ย่อมขาดการออกเดินทางสู่ทะเลไปไม่ได้
ดังนั้น หลังจากที่มารายงานที่กรมปราบพิฆาต สวี่ชิงทำขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ได้วันลาพักสี่สิบวัน หากกลับมาก่อนกำหนดสามารถยกเลิกวันลาได้ แต่หากเวลาเลยกำหนดต้องทำการชดเชยหลังจากนั้น
ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จก็ยังเช้าอยู่ แต่ฝีเท้าของสวี่ชิงไม่ช้าลงเลย เขาไปร้านของยอดเขาที่หก แม้จะผ่านเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้มาน่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างในวันนั้นแล้ว แต่สวี่ชิงก็ต้องทำการป้องกันเหมือนเดิม ดังนั้นจึงครุ่นคิดอย่างหนักในการเลือกร้าน
แต่สุดท้ายสวี่ชิงก็ยังคงลังเลเล็กน้อย มองร้านร้านหนึ่ง กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ เสียงของนายกองก็ดังมาจากป้ายฐานะของเขา
“สวี่ชิง ช่วงนี้เจ้าลืมเรื่องอะไรไปหรือไม่”
สวี่ชิงอึ้งตะลึง เริ่มขบคิด
“ช่างเถอะ ข้าพูดเลยก็แล้วกัน สวี่ชิง เจ้าติดข้าห้าร้อยหินวิญญาณเมื่อไรจึงจะคืน!”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง ตอบกลับไป
“หนึ่งร้อยหินวิญญาณ!”
“ก็ได้ๆ ข้าก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเจ้ามากมายแล้ว สามร้อยก็สามร้อย เจ้าจะให้ข้าเมื่อไร”
สวี่ชิงเงียบ หยิบแผ่นไม้ไผ่ที่สลักชื่อศัตรูเอาไว้ แล้วขีดฆ่าเครื่องหมายคำถามข้างหลังตัวอักษรที่เขียนว่านายกองสองตัวนั้น
“ทำไมไม่พูดอะไรแล้วเล่า ข้าเห็นเจ้ายื่นเนื่องขอลาพักที่หน่วย จะออกทะเลหนีหนี้ใช่หรือไม่ ช่างเถอะๆ ออกทะเลอันตรายมาก ต้องใช้เรือเวทที่คุณสมบัติสูงมาก เพื่อไม่ให้เจ้าตายข้างนอก ทำให้ห้าร้อยหินวิญญาณของข้าจมทะเล ข้าจะชี้แนะเจ้าสักหน่อย หากจะหลอมเรือเวทไปหาจางซาน!”
“จางซานหรือ” สวี่ชิงสงสัยนิดๆ
พูดถึงจางซาน นายกองเหมือนจะสนุกยิ่งขึ้น ชี้แนะมาในแผ่นหยกสื่อเสียง เมื่อบอกสวี่ชิงว่าต้องทำหน้าอย่างไร พูดจาอย่างไร ก็จบสิ้นการถ่ายทอดเสียง
สวี่ชิงยืนอยู่ที่เดิม นิ่งเงียบอยู่นาน สุดท้ายก็มาพร้อมด้วยความแปลกประหลาดและแปลกใจเล็กน้อย หาจางซานแห่งกรมขนส่งเจอ
ตอนที่มาถึงกรมขนส่ง จางซานย่อตัวนั่งอยู่บนกองสินค้า สูบบ้องยาสูบ สีหน้าผ่อนคลายสบายอารมณ์เหมือนคนแก่ เสพสุขกับยาสูบและแสงแดด ประเดี๋ยวๆ ก็ตะโกนขึ้นมาสักหน่อย สั่งงานให้คนงานของกรมขนส่งทำงาน
หลังจากที่เห็นเงาของสวี่ชิง เปลือกตาของจางซานก็หลุบลงเล็กน้อย เมื่อประเมินอย่างละเอียดแล้วดวงตาก็วาววาบ
“โอ๊ะ ศิษย์น้องสวี่ วันนี้ทำไมมีเวลามาหาข้าที่นี่ได้เล่า”
สวี่ชิงเดินเข้าไปใกล้ มองจางซานที่นั่งยองบนกองสินค้า ร่างแค่กระโดดก็มาอยู่บนกองสินค้าด้วย แต่ครั้งนี้ไม่รอให้เขารักษาระยะห่าง จางซานก็ขยับออกไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงปรายตามองจางซานแวบหนึ่ง แล้วนั่งย่อตัวลงมา
จางซานยิ้มตาหยีพลางมองสวี่ชิงที่อยู่ใต้แสงแดด โดยเฉพาะใบหน้าด้านข้างที่มากพอจะให้เพศตรงข้ามหลงใหล ก็อดพึมพำในใจขึ้นมาไม่ได้ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกมาแม้แต่น้อย
“นั่งยองๆ สบายดีใช่ไหมล่ะ”
“อืม” สวี่ชิงพยักหน้า
“มีธุระอะไรเล่า”
“ศิษย์พี่จาง ข้าอยากหลอมยกระดับเรือเวท”
“หลอมเรือเวทหรือ ใครบอกเจ้าให้มาหาข้า นายกองของเจ้าหรือ” จางซานอึ้ง
สวี่ชิงไม่พูดอะไร หยิบผลผิงกั่วออกมาสองลูก ให้จางซานลูกหนึ่ง
จางซานรับผิงกั่วมาตามสัญชาตญาณ หลังจากที่รับมาจู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจภายหลัง อยากจะคืนกลับไปแต่สวี่ชิงไม่รับคืน
จางซานยิ้มขื่น ในดวงตาค่อยๆ ฉายแววครุ่นคิด หลังจากโยนผิงกั่วในมือเล่น เขาก็มองสวี่ชิงอีกครั้ง
สวี่ชิงก็เอียงหน้ามองเขาเช่นกัน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จางซานก็พลันหัวเราะออกมา
“เจ้ารับปากข้าเรื่องหนึ่ง ข้าจะช่วยเจ้าหลอมเรือ”
“เชิญศิษย์พี่จางพูดมาได้เลย” สวี่ชิงสังเกตคำที่อีกฝ่ายใช้ เหมือนไม่ใช่หาคนอื่นช่วยเขาหลอม แต่อีกฝ่ายจะลงมือเอง
“วันข้างหน้าเวลาเจ้ามองข้าอย่าจ้องคอข้าได้หรือไม่ อากาศร้อนๆ แบบนี้…ข้ากลัวจะหนาว” จางซานกะพริบตาปริบๆ ให้สวี่ชิง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา