บทที่ 790 เบาะแสที่ไม่คาดคิด
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ฟ้าดินบริเวณเทือกเขาแห่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม
เทียบกับท้องฟ้ารอบๆ ที่นี่เหมือนกลายเป็นแดนต้องห้ามในชั่วพริบตา ส่งผลร้ายแรงกับสิ่งมีชีวิต ทำให้สรรพชีวิตล้มลุกคลุกคลาน ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดแห้งเหี่ยว สรรพสัตว์ทั้งมวลพากันกลายพันธุ์
และอาณาบริเวณที่มืดมิดนี้ยังแผ่ขยายออกไปทั่วสารทิศ
ทุกจุดที่พาดผ่าน ลักษณะของโลกก็เปลี่ยนไป ราวกับโหมม่านมายาขึ้นมา เผยให้เห็นความเป็นจริงด้านใน
หลุมฝังศพเรียงรายสูงต่ำไม่เท่ากัน โครงกระดูกที่เน่าเปื่อยไปแล้วไม่รู้กี่ปีหลายต่อหลายร่าง ประกอบเป็นโลกในครรลองสายตาสวี่ชิง
เขาในตอนนี้ยืนอยู่ในกพโหลกขนาดยักษ์ชิ้นหนึ่ง แผ่กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามออกมาจากร่างกาย ผมสีม่วงปลิวสยายไปด้านหลัง เส้นเลือดรายล้อมอยู่รอบๆ ยกมือขวาขึ้นคว้าคนผู้นั้นในความว่างเปล่า ร่างกายเกิดการบิดเบี้ยว
เสียงพำพึมจากความว่างเปล่าสะท้อนก้องในฟ้าดินเป็นระยะ ทันใดนั้น ท้องฟ้าครืนครัน ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน
คนที่บาดเจ็บสาหัสจนสลบไปคนนั้นก็ถูกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้กระตุ้นจนต้องลืมตาตื่น ตอนที่เห็นสวี่ชิง ดวงตาของเขาฉายแววงงงัน จากนั้นก็พรั่นพรึง สุดท้ายก็ตื่นกลัวสุดขีด
เขาเหมือนอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่อาจอ้าปาก เพียงส่งเสียงน่าสังเวชไม่ได้ศัพท์ดังลั่น จากการรุกรานของไอพลังประหลาดและเห็นเทพเจ้ากับตา
พอเทียบกับเสียงกรีดร้องอย่างโสกเศร้าของสหาย เห็นได้ชัดว่าเขาทางนี้น่าอัศจรรย์กว่า
เพราะเสียงร้องน่าสังเวชนี้ ไม่ใช่แค่เสียงเดียว แต่มีมากมายนับไม่ถ้วน…
เพราะร่างกายของเขาในตอนนี้ มีเงาซ้อนทับกันนับไม่ถ้วน ราวกับกลายเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง
ทุกหน้าก็คือร่างเงาของเขา เป็นตัวแทนอดีตของเขา รวมถึงความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัดของอนาคตเขาด้วย
แต่ละหน้าดูเหมือนจะแตกต่างกัน ทว่ากลับมีเสียงร้องน่าสังเวชดังออกมาเช่นกัน
ซึ่งรวบรวมเสียงร้องน่าสังเวชในอดีต ปัจจุบันรวมถึงอนาคตเอาไว้ ย่อมสะเทือนใจยิ่งกว่าของสหายเขา
ส่วนสวี่ชิงในสภาวะเทพเจ้า ดวงตาสงบนิ่ง เวลานี้ความเป็นเทพบนร่างเขาพวยพุ่งพรวดพราด แต่ความเป็นมนุษย์กลับไม่ได้สลายไปเพราะไหมวิญญาณ อยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างมั่นคง
สภาวะนี้ ทำให้เขามีตัวเลือกในการใช้ความเป็นเทพเจ้าทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้นตามเจตจำนงความเป็นมนุษย์
เช่นตอนนี้ เส้นเลือดนับไม่ถ้วนที่แผ่ออกมาจากร่างสวี่ชิง ลอยไปหาคนที่ส่งเสียงร้องน่าสังเวชด้านหน้าในพริบตา พลิกตัวอีกฝ่ายเบาๆ ราวกับรยางค์
ฉากแต่ละฉาก สะท้อนเข้ามาในตาสวี่ชิงอย่างชัดเจน เห็นสหายที่ตายไปของเขา
นี่ไม่ใช่การค้นวิญญาณ แต่กลับตรงไปตรงมากว่าการค้นวิญญาณมากนัก เพราะนี่คือความสามารถของเทพเจ้า
สวี่ชิงเห็นทั้งชีวิตของอีกฝ่ายผ่านอดีตของคนผู้นี้ อีกฝ่ายเป็นเหมือนกับสหายของเขา เป็นผู้ที่วิญญาณบกพร่องแต่กำเนิด
ราวกับกลุ่มลึกลับนั่น ปรารถนาจะรับคนประเภทนี้เข้ามาอย่างยิ่ง
แต่คนผู้นี้มีพรสวรรค์มากกว่าสหายของเขาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะพลังบำเพ็ญหรือว่าวิชาล้วนโดดเด่นกว่า
สายตาสวี่ชิงกวาดผ่าน ค้นต่อไป จนเห็นภาพที่เขาอยากรู้
ตำแหน่งบ้านหลังนั้น รวมถึงมือที่เล่นกับไฟในตะเกียงน้ำมันของคนชุดดำ
สวี่ชิงจ้องมองภาพนี้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง กระชากภาพเงาในอดีตฉากนี้ออกมาจากร่างคนผู้นั้นด้วยเส้นใยสีเลือดทั้งอย่างนั้น ลอยมาอยู่ตรงหน้าสวี่ชิงโดดๆ
สายตาของเขา กวาดมองคนชุดดำในภาพ ไม่ได้บุ่มบ่ามวู่ว่าม แต่วางมันไว้ข้างๆ
จากนั้นก็หันหน้าไปมองผู้บำเพ็ญที่ส่งเสียงร้องน่าสังเวชคนนั้น เป่าลมหายใจออกมา
ลมหายใจนี้เป็นหมอกสีม่วง หลังจากปกคลุมร่างอีกฝ่าย แปลงเป็นเส้นใยออกมาจากศีรษะของคนผู้นี้ แผ่ขยายไปในความว่างเปล่าทั่วสารทิศ
นั่นคือคนที่อยู่ในความทรงจำของเขาทั้งหมด
ในบรรดานี้มีเส้นใยเส้นหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง นั่นคือเส้นใยชีวิตของเขา
ทิศทางที่มันแผ่ออกไป…อยู่ทางทิศเหนือของที่แห่งนี้ ไม่ไกลนัก
“เป็นร่างแยกจริงๆ”
สวี่ชิงเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า ดึงออกมาเล็กน้อย เส้นใยชีวิตเส้นนี้ก็พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบโดยตรงกับร่างเดิม
ส่วนเจ้าเงาทางนั้นก็ปรับทิศทางไปตามเบาะแสนี้ รวบรวมร่างที่แผ่ขยายออกไปแปลงเป็นเส้นตรง ใช้วิธีการนี้ทำให้ร่างของตนยืดยาวและรวดเร็วขึ้น พุ่งไปในพริบตา
ขณะเดียวกัน ห่างจากจุดที่สวี่ชิงอยู่พันลี้ ผู้บำเพ็ญกลางคนในชุดคลุมยาวสีเทาคนหนึ่งกำลังพุ่งทะยานไปด้านหน้า คนผู้นี้หน้าตาดาษดื่น ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ หากอยู่ท่ามกลางฝูงชน ก็ถูกมองข้ามไปอย่างง่ายดาย
ดวงตาทั้งสองของเขาเล็กมาก เช่นนี้ก็บดบังแสงเยือกเย็นในยามที่ฉายวูบในดวงตาเขาได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้ ระหว่างที่เขาพุ่งทะยานไป ในใจก็กำลังวิเคราะห์แผนของตัวเอง แม้ในระดับหนึ่งแผนของเขาเกือบสมบูรณ์แบบ แต่เขาก็ทราบดีว่าจะดูถูกคนอื่นไม่ได้ ดังนั้นยังมีโอกาสที่จะถูกมองช่องโหว่ออก
‘แต่เรื่องนั้นไว้ว่ากันทีหลัง’
ชายชุดคลุมเทาพำพึมในใจ ขณะที่เร่งความเร็วก็ตรงไปยังเขตปกครองอื่นในแดนใหญ่แห่งนี้ เตรียมจากไปโดยใช้ค่ายกลส่งข้ามของต่างเผ่า หาที่ที่ดีกว่านี้ซ่อนตัว รอคำสั่งของกลุ่ม
แต่ตอนนี้เอง จู่ๆ ใจเขาก็สั่นสะท้าน โลกเบื้องหน้าค่อนข้างพร่าเลือน ราวกับฟ้าดินกำลังหมุนวน วิญญาณส่งสัญญาณสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ถัดจากนั้น เสียงหนึ่งก็ดังก้องในวิญญาณ
‘เป็นร่างแยกจริงๆ’
ประโยคนี้ ทำให้สีหน้าคนชุดคลุมเทาเปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว พันธนาการที่มาจากภายในวิญญาณก็ครอบคลุมทั้งร่าง ทำให้ร่างเขาแข็งทื่อ ร่วงลงมาจากฟ้าสู่พื้นดิน
ความพรั่นพรึงในใจเขาตอนนี้มาถึงขีดสุดแล้ว อยากจะเอาคืน แต่รอบๆ ไม่มีร่างเงาของศัตรู
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา