บทที่ 802 จักรพรรดิมนุษย์ จงถ่างตาดู
สวี่ชิงหดม่านตาลงทันที แต่สีหน้าไม่มีอาการใด ร่างกายเข้าสู่สภาวะเทพเจ้าขั้นสามในชั่วพริบตา และยังมีสภาวะเทพเจ้าขั้นสี่ที่เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งกะลังปะทุอยู่ภายในด้วย
เงานาฬิกาแดดเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือน
ดวงตะวันบรรพกาลที่ห้อยอยู่บนตัวก็เปล่งแสงจ้าขึ้นมา พลานุภาพที่น่ากลัวโหมขึ้นฉับพลันอย่างน่าตกตะลึง
เวลานี้กระบี่จักรพรรดิบนฟากฟ้า กำลังประหัตประหารไปทางก้อนเนื้อสีดำที่กำลังจะจุติลงมาจากในรอยแยกของแผ่นดินเทวะ
มือใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นจากพลังจักรพรรดิมนุษย์ ก็กำลังพังทลายลงจากพลังเทพเจ้าในร่างทรงกลมสีดำนี้เช่นกัน
และแรงกดดันที่มาจากแผ่นดินเทวะ ก็แผ่ซ่านในมิติวังศึกษาชั่วพริบตา ทำให้ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ในนี้ แต่ละคนกระอักเลือดสด จิตใจครืนครัน ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
โอกาสที่ไป๋เซียวจัวเลือก พูดได้ว่าแม่นยำอย่างมาก ความเร็วเองก็รวดเร็วถึงที่สุด ปรากฏตัวด้านหน้าสวี่ชิง ราวกับเขาเทียนซานสะกดลงมา หนวดสัมผัสถูกพลังต่อสู้มหาขั้นเตรียมสู่เทวะเข้าสนับสนุน ประกอบกับความเป็นเทพที่น่ากลัวทั้งตัว ก่อตัวเป็นไม้ตายปิดฉาก
แต่ถึงแม้โอกาสจะแม่นยำ ความเร็วจะมากเพียงไหน ไม้ตายปิดฉากจะยิ่งใหญ่เพียงใด หากคิดจะสังหารสวี่ชิงที่นี่ก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
จุดนี้จริงๆ แล้วไป๋เซียวจัวเองก็เข้าใจ ดังนั้นฉากที่ดูเหมือนจะเป็นไม้ตายนี้ อันที่จริงมีสาเหตุอื่นอยู่
เขาจะลองดู ว่าใครจะมาช่วยสวี่ชิง
จักรพรรดิที่กำลังต้านทานกับเจ้าแผ่นดินเทวะ ขณะเดียวกันจะแบ่งกำลังมาหนุน
หรือจะเป็นอย่างที่นายท่านเคยบอกไว้ ขั้วอำนาจฝ่ายที่สามที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงจักรพรรดิ หรืออาจจะเป็นตัวตนอื่น
สรุปแล้ว การโจมตีนี้ ไป๋เซียวจัวคิดว่าอย่างน้อยต้องดึงดูดอะไรออกมาได้บ้าง ให้นายท่านของตนเองมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
การตัดสินใจของไป๋เซียวจัวถูกต้อง ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริง พริบตาที่ไป๋เซียวจัวเข้าประชิดสวี่ชิง ด้านนอกวังศึกษา บนดาวจักรพรรดิโบราณปรากฏใบหน้าของจักรพรรดิ ดวงตาเผยความดุดันขึ้นฉับพลัน
หอเลือนโลกีย์ ในแท่นบูชาของศาลบรรพบุรุษ ร่างของจิ้งจอกดินเปล่งแสงปีศาจประหลาดออกมา
ขณะเดียวกัน ในกลุ่มผู้ศึกษารอบๆ แท่นเสวนาเต๋าของวังศึกษา ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ไม่อาจขยับตัวได้ภายใต้พลังของแผ่นดินเทวะ มีผู้ศึกษาคนหนึ่ง ดวงตาเผยประกายเย็นชา กำลังก้าวเดิน
แต่มีขั้วอำนาจฝ่ายหนึ่ง ที่ตอนนี้ระดับความสนใจต่อความเป็นความตายของสวี่ชิงพุ่งขึ้นจุดสูงสุดมากเกินกว่าใคร พวกเขาไม่ว่าอย่างไร ก็จะไม่ยอมให้สวี่ชิงต้องถูกคนอื่นสังหารไปเช่นนี้
ดังนั้นพวกเขาจึงลงมือ รวดเร็วกว่าใครทั้งหมด
พริบตาที่ไป๋เซียวจัวเข้าใกล้สวี่ชิง เสียงคำรามหนึ่งก็ดังก้องทั้งแปดทิศในวังศึกษา ราวกับเสียงอัสนีคำราม
“สะกด!”
“ถดถอย!”
“ทลาย!”
“อ่อนแอ!”
“แข็งแกร่ง!”
“รวดเร็ว!”
“ไม่ดับสูญ!”
แปดอักษร แต่ละอักษรรุนแรงกว่าอัสนีสวรรค์ แฝงไว้ด้วยมหามรรคา เฉกเช่นเดียวกับเสียงแห่งวิถีสวรรค์ กฎเกณฑ์ภายใน ถูกขับเคลื่อนถึงขีดสุด กลายเป็นกฎเกณฑ์ลั่นตามวาจาในระดับชั้นสูงสุด
พออักษรสะกดออกไป ต่อให้ไป๋เซียวจัวที่มีพลังต่อสู้มหาขั้นเตรียมสู่เทวะ ก็ยังสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ถูกฝืนสะกดไว้ และตอนที่อักษรถดถอยส่งเข้ามา ก็ทำให้ร่างกายเขาถอยออกไปก้าวหนึ่ง
จนถึงการสะท้อนก้องของอักษรทลาย ทั่วร่างไป๋เซียวจัวลั่นครืนครัน เกิดการพังทลายขึ้นมา
แต่ความเป็นเทพของเขา ก็ระเบิดขึ้นในตอนนี้ แม้ร่างของตนเองจะถูกผลกระทบ แต่พลังที่ก่อตัวขึ้นก็แปรเป็นนิ้วมายานิ้วหนึ่งตรงหน้าเขา ยังคงกดไปทางสวี่ชิง ทุกจุดที่แล่นผ่าน ความว่างเปล่าสิ้นสูญ สรรพสิ่งพังทลาย ปณิธานทำลายล้างแรงกล้า
แต่ก็แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ถูกอักษรอ่อนแอทำให้ลดลงอย่างรวดเร็ว พลานุภาพหายไปกว่าครึ่ง
จากนั้นจึงเป็นอักษรแข็งแกร่ง มีบทบาทบนร่างของสวี่ชิง แปรเป็นชุดเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ช่วยต้านทานพลังนิ้วนั้นของไป๋เซียวจัว
เสียงครืนครันสะท้อนก้อง ชุดเกราะพังทลาย ขณะที่รับบาดเจ็บแทนสวี่ชิง อักษรรวดเร็วก็เข้าสนับสนุน ทำให้ความเร็วการถอยหลังของสวี่ชิงระเบิดออกไปพันจั้งในชั่วอึดใจ
โดยเฉพาะอักษรไม่ดับสูญท้ายสุด พลังของมันแฝงไว้ด้วยความเป็นเทพ นำมาจากปณิธานไม่ดับสูญแห่งเทพเจ้า ปกคลุมทั่วร่างสวี่ชิง ก่อตัวเป็นประกายแสงสีทอง แปรเป็นใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นด้านหน้าเขา เข้ารับพลังที่เหลือท้ายสุดของนิ้วไป๋เซียวจัว
มองไกลๆ นิ้วที่แปรมาจากไป๋เซียวจัว หลังจากทำลายสรรพสิ่งจนสิ้นสูญ สุดท้ายก็ถูกใบหน้าเคร่งขรึมนั้นใช้หน้าผากอัดกระแทกอย่างแรงเข้าด้วยกัน
ชั่วพริบตา ใบหน้าพังทลาย ในนั้นมีเสียงโอดครวญนับพันส่งลอดออกมา แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทว่านิ้วของไป๋เซียวจัวก็พุ่งต่อไปไม่ได้แล้ว สลายหายไปเช่นกัน
กลางอากาศ สวี่ชิงยืนอยู่ที่นั่น ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย…
ฉากนี้ ทำให้ขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ล้วนเกิดความรู้สึกเกินคาดที่รุนแรงขึ้นมา ที่เกินคาดไม่ใช่เรื่องที่สวี่ชิงไม่เป็นอะไร แต่เป็นฝ่ายที่ลงมือนั้น…
“สวี่ชิง เป็นบุตรเทวะของลัทธิข้า”
เสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวล ดังลอดเข้ามาจากความว่างเปล่าตรงหน้าสวี่ชิง พริบตาต่อมาความว่างเปล่าผืนนั้นก็ถูกฉีกออกเป็นรอยแยกหนึ่ง มองลอดผ่านรอยแยกเข้าไปจะเห็นว่าที่นั่นเป็นแท่นบูชาแห่งหนึ่ง
แท่นบูชานี้ เหมือนอยู่ในถ้ำสวรรค์ ด้านบนของถ้ำมองเห็นท้องฟ้ารวมถึงเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนม่านฟ้าสูง และแท่นบูชาก็ใหญ่โต มีทั้งหมดเก้าสิบเก้าขั้น บนจุดสูงสุดมีผู้บำเพ็ญชุดคลุมสีดำคนหนึ่งยืนอยู่
บันไดด้านล่างตัวเขา ทุกชั้นล้วนมีคนชุดดำยืนอยู่จำนวนมาก กระทั่งในถ้ำชั้นล่างสุด ยังมองเห็นคนชุดดำที่มากกว่านั่งขัดสมาธิอยู่ด้วย
ด้านในมีคนนับพัน บนพื้นตรงหน้ามีเลือดสด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้ารับพลังนิ้วนั้นของไปเซียวจัวแทนสวี่ชิง
แล้วตอนที่ประโยคนั้นดังก้องขึ้นมา คนชุดดำที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแท่นบูชา ก็ก้าวไปด้านหน้า ข้ามรอยแยกความว่างเปล่าที่ปรากฏขึ้นในวังศึกษา เดินมาถึงในวังศึกษา ยืนอยู่ด้านหน้าสวี่ชิง
จังหวะที่ปรากฏตัว พลังมหาขั้นเตรียมสู่เทวะระเบิดออกมาบนตัวเขาประดุจสายรุ้ง สามารถกลืนกินภูเขาแม่น้ำได้ ขณะเดียวกันกลิ่นอายเสี้ยวหน้าเทพเจ้าวูบหนึ่ง ก็แผ่ออกมาบนตัวของเขา
และการมาถึงของคนผู้นี้ ก็ทำให้ขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ สีหน้าออกอาการ
“ปุโรหิตใหญ่แห่งสัจจะวาจา”
คนที่ลงมือช่วยสวี่ชิง คือสัจจะวาจา!
ฉากนี้ ทำเอาไป๋เซียวจัวทางนั้นขมวดคิ้ว ที่เขาอยากจะตกขึ้นมาไม่ใช่กลุ่มที่เหมือนเดินเส้นทางเดียวกับเขา แต่ความเป็นจริงคือคนบ้าที่ค่านิยมและหลักการแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกลุ่มนี้


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา