บทที่ 803 ดอกไม้เบ่งบานและร่วงหล่น
แมงเม่าบินเข้ากองไฟ
ฉากนี้ในสายตาของคนที่จับตามองล้วนเป็นเช่นนี้
จักรพรรดิมนุษย์ เป็นขั้นเจ้าเหนือหัวเพียงคนเดียวในปัจจุบัน เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดนอกจากจักรพรรดิครองกระบี่ จะหวนสู่อนัตตาก็ดี จะมหาขั้นเตรียมสู่เทวะก็ดี ไม่ได้ห่างชั้นกันสักเท่าไรนัก
ไป๋เซียวจัวต่อให้เผาไหม้หัวใจที่มาจากแผ่นดินเทวะดวงนั้น เผาไหม้ร่างผสานเทพ แลกพลังเปลวไฟที่ก้าวข้ามบุปผาเพลิงออกมา
แต่สุดท้ายก็ยังไปไม่ถึงการไม่มอดดับชั่วนิรันดร์ และไม่สามารถจุดไฟเทวะจนกลายเป็นเทพเจ้าอย่างแท้จริงได้
เมื่อไม่กลายเป็นเทพเจ้า จึงต่อกรกับ…เจ้าเหนือหัวได้ลำบาก
ดังนั้นบทสรุปของศึกนี้จึงถูกกำหนดไว้แล้ว
ทว่าไป๋เซียวจัวยังคงดื้อรั้น ดวงตาแจ่มใส ในใจเรียบสงบ ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ม้วนเอาดอกลิขิตฟ้าและพลับพลึงแดง นำเอาทะเลเพลิงสีแดงทอง วาดผ่าเส้นขอบฟ้าโดยไม่สนใจมิติใดทั้งสิ้น
ต่อให้จักรพรรดิมนุษย์ปรากฏตัวที่วังศึกษา ก็เป็นเพียงแค่ภาพสะท้อนจากวังจักรพรรดิของเขา แต่เหมือนสำหรับไป๋เซียวจัวแล้ว ความว่างเปล่ากับความจริงนั้นล้วนเป็นแบบเดียวกัน
ชั่วพริบตา พลังของเขาก็ผสานกับอาณุภาพฟ้า ก่อเกิดเป็นประกายจ้าแยงตา
ราวกับดาวหางอย่างไรอย่างนั้น พุ่งเข้าประชิดอย่างรวดเร็วจากบนเก้าชั้นฟ้า แหวกผ่าความว่างเปล่า มาปรากฏเบื้องหน้าจักรพรรดิมนุษย์ สองมือรวมอยู่ด้วยกัน ฝ่ามือประกบกัน สองนิ้วเป็นกระบี่
นำเอาพลังทั้งหมดจากนอกร่างกาย เข้ามารวมที่นิ้วกระบี่ทั้งสอง
ประกอบด้วยเปลวไฟสีแดงทองรอบๆ รวมถึงอายุขัยสวรรค์และชีวิตกับความตาย รวมถึงพลังชีวิตของเขา กาลเวลาของเขาและทั้งหมดมวลของเขา
บีบเข้าหาจักรพรรดิมนุษย์
คลื่นความร้อนกระจายออก รอบด้านกำลังเผาไหม้ โลกบิดเบี้ยวไปทั้งผืน ความรู้สึกที่ให้ราวกับภาพสะท้อนวังจักรพรรดินั่นถูกเปลวไฟที่ลุกโชนเข้าทำลาย
อ๋องสวรรค์ใต้บังคับบัญชาจักรพรรดิมนุษย์ แต่ละคนเงยหน้าขึ้น กลิ่นอายบนตัวกระจายออก ขณะกำลังจะออกเดินกลับถูกจักรพรรดิมนุษย์ขวางไว้
“น่าสนใจ”
จักรพรรดิมนุษย์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ มือขวายกขึ้น นิ้วชี้แตะไปเบาๆ ทางดาวหางทะเลเพลิงที่พุ่งเข้ามาจากด้านหน้า
การแตะนี้ ดูแล้วธรรมดาสามัญ เหมือนไม่มีพลังบำเพ็ญใดแฝงไว้ และไม่มีเงามายาที่ยิ่งใหญ่ปรากฏออกมา
แต่จังหวะที่กดลง พริบตาที่สัมผัสกับกระบี่สองนิ้วของไป๋เซียวจัว ฟ้าดินก็ครืนครัน ส่งเสียงสนั่นหูแทบดับออกมา
ราวกับดวงดารานับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นพร้อมกัน โลกทั้งใบเหมือนสั่นสะเทือนไปด้วยกัน!
คลื่นพลังที่กระพือขึ้น ยิ่งทำให้วังศึกษาโยกไหว เหมือนกำลังจะพังทลาย
อัสนีจักรพรรดิระเบิดขึ้นที่โลกภายนอก ฟ้าดินลมเมฆเปลี่ยนแปรกะทันหัน ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดครื้มฉับพลัน เมฆดำปั่นป่วน เสียงอัสนีกึกก้อง แรงกดดันน่ากลัวที่ยากจะพรรณนากระจายไปรอบด้าน
และต้นกำเนิดที่ส่งพลังน่ากลัวทั้งหมดนี้เข้ามา คือจักรพรรดิมนุษย์และไป๋เซียวจัว ร่างกายจักรพรรดิมนุษย์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ไม่ถูกผลกระทบเลยแม้แต่ปลายก้อย
มีเพียงชายเสื้อคลุมจักรพรรดิเท่านั้นที่โยกไหวเบาๆ เส้นผมไม่กี่เส้นถูกลมแผ่วพัด ปลิวไสวไปด้านหลัง
เพียงแค่นี้เท่านั้น
ส่วนไป๋เซียวจัว สั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปทั้งร่าง ร่างกายที่เดิมทีเลือนรางอยู่แล้ว บัดนี้ก็ราวกับเป็นดอกฟันสิงโตที่ปลิวกระจาย ค่อยๆ สลายหายไป
แต่ดวงตาของเขายังคงเป็นประกาย จ้องมองจักรพรรดิมนุษย์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ปากของเขางึมงำออกมาว่า
“ระหว่างชีวิตและความตาย ไฟเทวะเผาไหม้”
ดอกลิขิตฟ้าที่พันล้อมอยู่รอบตัวเขา เบ่งบานอีกครั้งในชั่วพริบตา ไปถึงระดับสูงสุด จากนั้นก็เหี่ยวเฉา กลายเป็นฝุ่นธุลี ไปรวมกันที่เบื้องหน้าไป๋เซียวจัว
ดอกลิขิตฟ้าเองก็เช่นเดียวกัน เจิดจ้าขึ้นในพริบตา จนกระทั่งสลายเป็นธุลีกลับมา
ยังมีทะเลเพลิงแดงทอง ที่ตีเกลียวเข้ามารวมกันจากรอบด้าน ท้ายสุดจึงทะลักหลั่งไปเบื้องหน้าไป๋เซียวจัว จนไม่เหลืออยู่ในโลกภายนอกเลย
และภายใต้การมารวมตัวกัน ดอกไม้ประหลาดที่มีเอกลักษณ์การรวมกันของอายุขัยสวรรค์และชีวิตกับความตายดอกหนึ่ง ก็เบ่งบานเบื้องหน้าไป๋เซียวจัว
ดอกไม้นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เปลวไฟแผดเผาไปทั้งดอก เจิดจ้าแยงตาขีดสุด
การปรากฏตัวของมัน ก็ดึงดูดสายตาของจักรพรรดิมนุษย์เช่นกัน
ถัดจากนั้น ไป๋เซียวจัวก็พ่นลมออกมาเบาๆ
ลมที่พ่นออกมา เป่าลงไปบนดอกไม้ประหลาด ดอกไม้ปลิวไสว กลีบดอกพันล้อมรอบตัวจักรพรรดิมนุษย์ ราวกับจะใช้เขาเป็นศูนย์กลางเพื่อก่อตัวดอกไม้ดอกใหม่ขึ้นมา
จักรพรรดิมนุษย์ดวงตาเผยประกายทึม เอ่ยขึ้นอย่างสงบ
“ตาย”
หนึ่งคำส่งออกมา กลีบดอกไม้รอบตัวเขาทั้งหมด สั่นไหวฉับพลัน พังทลายลง กลายเป็นสะเก็ดชิ้นนับไม่ถ้วน ท้ายสุดกลายเป็นฝุ่นลอย
และไป๋เซียวจัวที่อยู่ตรงหน้านิ้วเขา ก็เหมือนทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว หลับตาลง
ร่างของเขา…สลายกลายเป็นควันจนหมดจด กลายเป็นชิ้นกระจกที่แฝงไว้ด้วยความทรงจำนับไม่ถ้วน แตกหัก เลือนหาย กลายเป็นธุลี
และเหมือนไม่อยากให้ผงธุลีสกปรกนี้ต้องมาแปดเปื้อนตนเอง จังหวะที่จักรพรรดิมนุษย์เก็บนิ้วกลับมาจึงสะบัดชายเสื้อเบาๆ
พัดฝุ่นธุลีที่ค่อยๆ หายไปตรงหน้าเขาเหล่านั้น กระจายออกไปรอบด้าน ไม่เหลือร่องรอยใดอีก
บนท้องฟ้า รอยแยกที่มาจากแผ่นดินเทวะ เสียงถอนใจแห่งบรรพกาลเสียงหนึ่งดังลอดออกมา และรอยแยกบนท้องฟ้าก็เริ่มปิดเข้ามา ทั้งหมดเหมือนจะจบสิ้นลงแล้ว
ไป๋เซียวจัว เจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรแต่เดิมที่คอยติดตามองค์รัชทายาทม่วงครามในยุคสมัยของรัฐม่วงคราม ประวัติศาสตร์ของเขากลบฝังไปในกาลเวลาแล้ว ตอนนี้ชีวิตของเขาก็เหมือนกลับสู่ดวงชะตาที่กำหนดไว้แล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบ องค์รัชทายาทม่วงครามไม่ปรากฏตัวเลย
ท้องฟ้าโลกภายนอก ไม่มืดครึ้มอีกแล้ว แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดพร่าง ย้อมเมืองทั้งเมืองอยู่ในแสงเหลืองทอง
ใบหน้าจักรพรรดิบนดาวจักรพรรดิโบราณ เหลือบมองวังศึกษาผาดหนึ่ง สายตาลึกซึ้ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขามองจักรพรรดิมนุษย์หรือว่าสวี่ชิง หรือว่า…จะเป็นรอยแยกแผ่นดินเทวะรวมถึงตัวตนที่ไม่มีใครเห็นด้านนอกรอยแยกนั่นกันแน่
ในใจสวี่ชิงมีความผันผวน มองรอยแยกบนฟากฟ้า เขาคิดถึงแต่ละฉากในเขตปกครองผนึกสมุทร ก่อนที่เขาจะมาถึงเมืองหลวงจักรพรรดิ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาเจอไป๋เซียวจัวกับจื่อชิงที่นี่

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา