บทที่ 846 มืออาชีพ
สำหรับนพกาฬ สวี่ชิงนั้นใจหวั่นไหว
อย่างไรเสีย หากปราบพยศอสูรร้ายที่มีความพิเศษในเผ่านภาคิมหันต์ให้มาเป็นสัตว์พาหนะได้ เช่นนั้นก็จะต้องโดดเด่นเหนือใคร เป็นที่หนึ่งในด่านสองอย่างแน่นอน
เป้าหมายของสวี่ชิงไม่ใช่ขุนพลนภาทมิฬ แต่เป็นมหาขุนพลนภาทมิฬ!
และหากอยากจะเป็นมหาขุนพลนภาทมิฬที่หาได้ยาก จะต้องได้ที่หนึ่งในทุกๆ ด่าน
“แต่น่าเสียดาย นพกาฬ…ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะปราบพยศได้”
สวี่ชิงในใจมีความเสียดายนิดๆ แม้หลายครั้งเขาจะทำอะไรอย่างเด็ดเดี่ยว และยินดีที่จะบ้าคลั่ง แต่ส่วนมากแล้วล้วนเป็นการกระทำที่ผ่านการเปรียบเทียบ ชั่งน้ำหนักแล้ว จุดนี้ต่างไปจากนายกองเล็กน้อย
พูดง่ายๆ คือ สวี่ชิงยังนับว่ามีเหตุผล
ดังนั้นเขารู้ดีเป็นอย่างมากว่า อสูรร้ายอย่างนพกาฬเช่นนี้ ในเมื่อหลายปีมานี้ไม่มีใครปราบพยศได้สำเร็จ เช่นนั้นในนี้จะต้องมีความลับที่คนนอกไม่รู้อะไรบางอย่างอย่างแน่นอน
ระดับความอันตราย แค่คิดเอาก็รู้
ดังนั้น จิตเทพของสวี่ชิงดึงกลับมาจากแผ่นหยกที่แนะนำนพกาฬ กำลังจะไปอ่านแผ่นหยกที่แนะนำข้อมมูลของอสูรร้ายตัวอื่น เลือกเป้าหมายของตัวเองจากในนั้น
ในตอนนี้เอง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เงยหน้ามองไปยังนอกบ้าน
ตอนนี้ข้างนอกเป็นเวลากลางคืนแล้ว และเป็นเวลาของการห้ามออกข้างนอกยามวิกาล ราตรีราวน้ำหมึก กลายเป็นวัตถุจริง แปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มๆ แผ่ลามมาตามร่องประตูบ้าน สุดท้ายก็รวมมาข้างหน้าสวี่ชิง ก่อร่างเป็นร่างของนายกอง
วิธีปรากฏตัวเช่นนี้ค่อนข้างพิเศษ กระทั่งว่าหากไม่ใช่ว่าในตอนที่นายกองเข้ามาใกล้ได้ส่งจิตเทพออกมา สวี่ชิงยังยากที่จะค้นพบ ดังนั้นจึงมองไปหลายครั้ง
สายตาที่มองมาหลายครั้งนี้ทำให้ในใจนายกองเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“เป็นอย่างไรอาชิงน้อย การกลับมาของศิษย์พี่ใหญ่เจ้าข้าคนนี้ เงียบงันไร้เสียงเลยใช่หรือไม่”
“ดังนั้นวางใจเถอะ ตำราสวรรค์ไร้อักษรสี่ตัวอักษรนี้ ผลของมันเป็นที่น่าอัศจรรย์นัก สมแล้วที่ข้าเฝ้าสาขาย่อยยอดสำนักจักรพรรดิดาราอยู่นาน”
แม้สุดท้ายตำราสวรรค์ไร้อักษรนี้ สวี่ชิงเพียงแค่ประโยคเดียวก็ได้มา แต่เห็นได้ชัดว่านายกองจงใจเมินเรื่องนี้ ตอนนี้เขารักษาความภาคภูมิใจเอาไว้ นั่งลงข้างหน้าสวี่ชิง สายตาจับจ้องไปบนแผ่นหยกเหล่านั้น หลังจากจิตเทพกวาดอ่านเนื้อหาที่อยู่ในนั้น ก็คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“นพกาฬหรือ”
“นี่เป็นของวิเศษชั้นยอด อาชิงน้อยหากเจ้าคิดจะปราบมัน ค่อนข้างยาก”
สวี่ชิงได้ยินสายตาก็ประสานกับนายกอง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเคยเห็นนพกาฬหรือ”
นายกองเชิดหน้า กำลังจะพูดอะไร แต่ก็หันไปทางภูเขาเทพตามสัญชาตญาณผาดหนึ่ง กระแอมออกมา
“คำพูดบางอย่างในเมืองศักดิ์สิทธิ์พูดไม่ได้ อ่อนไหวเกินไป สรุปคือหากเจ้าเกิดเร็วกว่านี้สักหลายหมื่นปีบางทีอาจจะมีความสามารถปราบนพกาฬได้ แต่ตอนนี้น่ะหรือ…อย่าคิดเลย”
“ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับนพกาฬพวกนี้…”
นายกองเบ้ปาก ค้นถุงเก็บของครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอากุ้งออกมาหนึ่งตัว ถือไว้ในมือแล้วแบ่งเป็นสองส่วน ขยิบตาให้สวี่ชิง
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด
นายกองยกมือสะบัด แผ่นหยกที่เกี่ยวกับนพกาฬเหล่านั้น ก็มาวางอยู่ข้างๆ ทั้งหมด จากนั้นก็เอาแผ่นไม้ไผ่สีดำแผ่นหนึ่งออกมา บนนั้นแผ่กลิ่นอายเก่าแก่โบราณออกมาเล็กน้อย คล้ายว่าอยู่มานานแล้ว
“อาชิงน้อย ด่านแรกศิษย์พี่ใหญ่ช่วยอะไรไม่ได้มาก ดังนั้นเมื่อหลายวันก่อน ข้าออกไปข้างนอกรวบรวมข้อมูล และหาร่องรอยบางอย่างที่ทิ้งไว้เมื่อก่อน”
“กอบโกยเต็มกระเป๋า!”
นายกองหน้าตาระรื่น จิตใจก็เหมือนจะเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง
“จากการตรวจสอบของข้า ข้ามีความมั่นใจสิบส่วน สามารถทำให้เจ้าได้เป็นที่หนึ่งในด่านที่สองนี้ทันที”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว ข้าจัดการเอง!”
“หนึ่งเดือนหลังจากนี้ เมื่อด่านที่สองเริ่มขึ้น ถึงตอนนั้นข้าจะไปจัดการเรื่องราวเพียงลำพัง เจ้าแค่เข้าไปเดินเล่นในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีก็พอ ไม่ต้องสนใจข้า รอเมื่อด่านที่สองจบสิ้น ข้ารับประกันเจ้าจะได้ลูกอสูรพยัคฆาคีรีหนึ่งตัว!”
“นั่นเป็นอสูรร้ายที่อยู่ในห้าอันดับแรกของแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีเชียวนะ สูงกว่ารถผีอีก นับว่าเป็นอสูรที่ระดับชั้นสูงที่สุดที่สามารถปราบพยศได้ในด่านนี้แล้ว”
“ครั้งนี้ศิษย์พี่ใหญ่ดูแลเจ้าเอง!”
นายกองใบหน้าเต็มไปด้วยความองอาจ
สวี่ชิงยิ้ม ไม่ว่าสิ่งที่ศิษย์พี่ใหญ่พูดมาจะพึ่งพาได้หรือไม่ แต่ความรู้สึกที่ได้รับการปกป้องเช่นนี้ สำหรับสวี่ชิงแล้ว มันช่างอบอุ่นนัก
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่”
นายกองอารมณ์ยิ่งดีขึ้นไปอีก งึมงำครวญเพลง เอามีดแกะสลักเล่มหนึ่งออกมาจากในตัว สลักไปบนแผ่นไม้ไผ่สีดำนั่น ลงมือพลางสังเกตไปด้วย ประเดี๋ยวก็เป่าลมออกมาเป่าเศษไม้ทิ้ง ละเอียดเป็นอย่างยิ่ง เหมือนว่ากำลังสลักวัตถุโบราณอะไร
สวี่ชิงสายตากวาดไป มองรายละเอียดไม่ออก เพียงแต่เห็นว่าบนนั้นคล้ายว่าสลักเป็นรูปทรงจันทร์เสี้ยวออกมา และอักขระลึกลับจำนวนมาก
“นี่คือ”
นายกองยิ้มอย่างลึกลับ
“นี่คือป้ายเรียกอสูรร้ายในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี!”
“ตอนนั้นข้าดีกับพวกเยวี่ยเหยียน ของมากมายของนางเป็นข้าที่ช่วยสร้างขึ้นมาทั้งนั้น”
“ป้ายนี้เป็นของดี แม้ตอนนี้ข้าจะไม่มีแต่ไม่เป็นไร ข้าเตรียมทำสักร้อยสองร้อยอัน ไม่เชื่อหรอกว่า โยนออกไปพร้อมกันจะซัดพยัคฆาคีรีตัวหนึ่งให้มึนไม่ได้!”
“ทำของพวกนี้ข้าเชี่ยวชาญมาก ตอนนั้นข้าแอบขายไปเยอะมาก…ข้ายังตั้งชื่อที่เด็ดดวงสุดๆ ไปเลยให้ด้วย”
พูดถึงตรงนี้ นายกองกระแอมออกมาทีหนึ่ง ไม่พูดอะไรอีก ก้มหน้าก้มตาทำงาน
เห็นนายกองแกะสลักอย่างสุดกำลัง สวี่ชิงสีหน้าแปลกประหลาดไปเล็กน้อย ในตอนที่กำลังจะพูดอะไร แผ่นหยกสื่อเสียงของเขาก็สั่นขึ้นมา
สวี่ชิงยกมือเอามันออกมา จิตเทพกวาดอ่าน
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา