บทที่ 851 เสียงยั่วยวนที่ภูเขาเทพ
ท้องฟ้า แดงยิ่งกว่าเดิม
ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ สายตาแต่ละคู่ๆ จิตเทพแต่ละกลุ่มๆ รวมมาที่ร่างของสวี่ชิง ในนั้นความตื่นตกใจ ความตื่นตะลึง ความซับซ้อน ความอัศจรรย์ สีหน้าต่างๆ ปรากฏขึ้น
สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบสงัด
สวี่ชิงใช้การลงมือของเขาสยบทุกสารทิศ และพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเอง
อันดับหนึ่งในด่านแรก เขาคว้ามันมาแล้ว!
เพียงพริบตา ไม่มีใครออกจากเมืองศักดิ์สิทธิ์มาท้าทายอีก
สิ่งที่สวี่ชิงสำแดงออกมา สร้างระลอกคลื่นระดับแตกต่างไปในใจของคนทั้งหลาย
หากสวี่ชิงใช้วิธีของผู้บำเพ็ญลงมือนั่นก็ยังพอไหว แต่สิ่งที่เขาใช้คือพลังเทพเจ้า
นี่ทำให้คนตื่นตะลึงอกสั่นขวัญแขวนแล้ว
แม้ผู้บำเพ็ญจะสัมผัสกับเทพเจ้ามานาน บางทีอาจจะสำแดงวิชาเทพได้ โดยเฉพาะทูตเทวะยิ่งเป็นเช่นนั้น
แต่คนที่เหมือนกับสวี่ชิงดึงภาพความตายในอนาคตของระดับหวนสู่อนัตนาขั้นที่สี่คนหนึ่งออกมา แล้วแทนที่ด้วยความเป็นจริง นี่หาได้ยากนัก
นี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผู้บำเพ็ญหลายคนเห็นเป็นครั้งแรกเช่นกัน
และผู้บำเพ็ญชายกลางคนเผ่าไป๋เจ๋อที่ถูกสลับที่ภาพความตายคนนั้น ความน่าสังเวชเวทนาของเขายิ่งน่าครั่นคร้ามนัก
ตอนนี้มุมปากของเขาเลือดสดๆ ยังคงไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ อวัยวะภายในล้วนฉีกขาดเน่าเปื่อย วิญญาณเทพก็แห้งเหี่ยวหมองหม่น ไม่อาจย้อนคืนได้
สิ่งที่โลกใบใหญ่ที่แตกสลายนำมาให้เขาไม่ใช่แค่การลดลงอย่างฮวบฮาบของพลังเท่านั้น ยังมีการแห้งเหี่ยวของพลังชีวิตด้วย
ร่างของเขาแก่ชราไปอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า จนกระทั่งถอยหลังห่างออกไปพันจั้ง ภายใต้การพุ่งเข้ามาประชิดช่วยเหลืออย่างร้อนรนของผู้บำเพ็ญเผ่าไป๋เจ๋อหลายคน ถึงจะพอทำให้นิ่งเสถียรได้ แต่กลับกลายเป็นคนแก่ระดับหวนสู่อนัตตาสองขั้นไปแล้ว
ทั่วทั้งร่างกลิ่นอายความตายเข้มข้น ความแก่ชราไม้ใกล้ฝั่งเห็นได้ชัด ทั้งยังมีความหวาดกลัวฉายออกมาจากสีหน้าของเขา รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
ในใจของเขาพุ่งพล่าน หลังจากรอดตายมาได้ นึกย้อนไปถึงศึกนั้นก่อนหน้านี้ รู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าพริบตาเมื่อครู่ ตัวเองตายไปแล้วครั้งหนึ่ง
หากนี่คือสนามรบ ไม่มีการป้องกันจากกฏเกณฑ์เมืองศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นตอนนี้ตนก็ต้องเผชิญหน้ากับความตาย
ความคิดนี้ทำให้ความหวาดกลัวบนใบหน้าของเขาแผ่ซ่าน แผ่ลามไปทั่วร่างกาย กลายเป็นการสั่นสะท้าน
เผชิญหน้ากับสายตาที่มองมาของสวี่ชิงจากนอกเมืองตอนนี้ เขาก็หลบหลีกไปโดยสัญชาตญาณ ไม่กล้ามองตรง
ถูกสยบกำราบจากก้นบึ้งของใจ
เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงดึงสายตากลับ ไม่ไปมองอีก แต่ว่าตัวเองก็จำกลิ่นอายของอีกฝ่ายเอาไว้ให้ขึ้นใจแล้ว เตรียมหาโอกาสตัดลากถอนโคนในภายหลัง
มาพร้อมด้วยความคิดนี้ สวี่ชิงมองไปยังผู้บำเพ็ญเผ่าคุมหายนะที่ถูกติงหนึ่งสามสองสกัดกั้นเอาไว้
ฝีเท้ายกขึ้นเดินไปทีละก้าวๆ
ทุกย่างก้าวที่เหยียบลงมา มิติใต้ฝ่าเท้าเขาเกิดระลอกคลื่น ประดุจเดินอยู่บนผิวน้ำ
ส่วนในติงหนึ่งสามสอง เคราะห์หายนะลงมาเยือนเช่นกัน ไม่ว่าผู้บำเพ็ญเผ่าคุมหายนะจะสำแดงวิชาคำสาปอะไร ก็ไร้ประโยชน์
คำสาปทุกอย่างล้วนหายไปในเคราะห์หายนะ พลังอำนาจเทพของติงหนึ่งสามสอง สำหรับพลังวิเศษประเภทคาถา การร่ายมนต์ ล้วนมีการควบคุมอย่างสูงสุด
ผู้บำเพ็ญเผ่าคุมหายนะที่พูดขังเอาไว้ในติงหนึ่งสามสองคนนี้ไม่อาจสลัดหลุดไปได้
ทำได้เพียงภายใต้การทับซ้อนของหายนะไม่สิ้นสุด แห้งเหี่ยวและลืมเลือนไปอย่างช้าๆ
และการเดินมาของสวี่ชิงก็เร่งขั้นตอนนี้ให้เร็วขึ้น
ตอนนี้ร่างของเขาขณะก้าวเท้า ก็มาถึงยังเหนือติงหนึ่งสามสองแล้ว แสงจันทร์สีม่วงสภาวะเทพขั้นที่สี่สาดส่อง ปกคลุมติงหนึ่งสามสอง กำลังเพิ่มพลังให้เขา
แต่ในตอนนี้เอง แสงจันทร์ที่สาดลงมาพลันเปลี่ยนทิศ ไม่สาดลงมาอีก แต่รวมอยู่ข้างหน้าสวี่ชิง ก่อเป็นม่านแสงสีม่วงแถบหนึ่ง
เสี้ยวขณะต่อมา นิ้วข้างหนึ่ง ก็ยื่นออกมาจากความว่างเปล่า ถูกสกัดกั้น พุ่งลงมาที่ม่านแสงแถบนี้
สัมผัสเบาๆ
ประกายแสงสีม่วงเกิดระลอกคลื่น แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า หักเหแสงราวหยกออกมา สุดท้ายก็กลายเป็น…หยก!
มองไปไกลๆ แสงหยกนี้แผ่ลามไปอย่างรวดเร็ว ทุกที่ที่ผ่าน เกราะแสงที่เกิดจากแสงจันทร์สีม่วงก็เปลี่ยนตามไป
เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเพียงแค่เวลาหนึ่งอึดใจเท่านั้น เกราะหยกวงรีเกราะหนึ่งปรากฏกลางอากาศ
สูญเสียพลังดวงจันทร์ม่วง ร่วงลงไปยังพื้นดิน
เสียงบึ้มดังขึ้น ซัดไปยังติงหนึ่งสามสอง ขณะที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ติงหนึ่งสามสองที่ปะทะกับมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหยก
ภาพนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและมาอย่างทรงพลังนัก สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น แสงจันทร์รวมอยู่ข้างหน้า ร่างถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว มือขวายิ่งยกขึ้นชี้
ทันใดนั้นติงหนึ่งสามสองที่กำลังถูกเปลี่ยนให้เป็นหยกก็เปลี่ยนมารางเลือน หายลับไป
สวี่ชิงที่ถอยไปยังที่ไกล ในดวงตาฉายประกาย เงยหน้าขึ้น มองไปยังบริเวณที่นิ้วยื่นออกมาจากท้องฟ้า
ท้องฟ้าตรงนั้นแผ่ประกายแสงหยกออกมาเช่นกัน ในแสงนี้ ชายหนุ่มสวมชุดคลุมยาวบัณฑิต หน้าตาหล่อเหลางดงาม ค่อนข้างคล้ายกับเผ่ามนุษย์คนหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏออกมา
สุดท้ายก็ชัดเจนอย่างสมบูรณ์ เขายิ้มให้สวี่ชิง
“เหล่าสหายตัวน้อยของข้าพวกนั้นถูกใจเจ้า อยากให้เจ้ามาเป็นพวกเดียวกับพวกเขา”
ชายหนุ่มคนนี้พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ปราศจากความโกรธใด ๆ ราวกับกำลังบอกเล่าความจริงและอนาคตที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ สายตาของเขาอบอุ่น และยังแฝงด้วยความสนิทสนม ราวกับมองคนในครอบครัว
สวี่ชิงไม่สนใจ เพียงแค่ในดวงตาประกายเย็นเยือกฉายวูบเท่านั้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา