บทที่ 852 อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว
เสียงนี้แม้จะมีความรู้สึกสูงส่ง แต่กลับแฝงไว้ด้วยความเกียจคร้าน เหมือนขอเกี่ยวไร้รูปร่างทิ่มแทงมาในใจของผู้บำเพ็ญทุกคน เกิดระลอกคลื่นเป็นชั้น ทำให้คนเกิดความรู้สึกซาบซ่านจากภายในสู่ภายนอก
ความซาบซ่านนี้เกิดขึ้นจากวิญญาณ เหมือนวิญญาณถูกกลั่น ทำให้คนจมอยู่ในความผ่อนคลายเบาสบายอย่างไม่อาจบรรยายได้
ผู้บำเพ็ญบางคนที่สมาธิไม่พอ ทั้งคนสลบไสลไปโดยทันที ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้าน ได้ยินเสียงเทพไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
มีเพียงผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นที่ฝืนสะกดระลอกคลื่นในใจได้ อย่างไรเสียความเคารพยำเกรงต่อเทพเจ้าก็สลักไปในชะตาชีวิตของผู้บำเพ็ญในนภาคิมหันต์แล้ว
และนี่ก็เป็นแค่การปลดปล่อยไปตามธรรมชาติของเทพชั้นสูงซิงเหยียนเท่านั้น ไม่ได้เป็นการจงใจอะไรใดๆ
เทพเจ้าก็เป็นเช่นนี้
ดีที่เสียงแค่นขึ้นจมูกเสียงหนึ่งดังขึ้น ในที่สุดในยามที่เสียงของซิงเหยียนดังสะท้อน ก็ดังตามมา หักล้างผลกระทบจากฝ่ายหน้า เหมือนน้ำเย็นเฉียบราดมาในใจของคนทั้งหลาย
“การส่งข้าม เริ่ม!”
คนทั้งหลายในใจสั่นสะท้าน ต่างฟื้นฟูกลับมา และบนท้องฟ้ามาพร้อมด้วยเสียงฟ้าผ่าเป็นระลอกๆ ดังลงมาในโลกมนุษย์
เสียงฟ้าผ่านี้ดังขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย สะสมจนเต็มที่ ส่งเสียงเบิกฟ้าเบิกปฐพีมา
ฟ้าดินส่งเสียงคำรามลั่น มิติเกิดระลอกคลื่นยักษญ์ แผ่ไปข้างนอกเป็นวงๆ ก่อเป็นคลื่นวนวงกลมลูกหนึ่ง
คลื่นวนลูกนี้หมุนเร็วจี๋ คล้ายว่าเปิดภาพมายาเป็นชั้นๆ เผยให้เห็นถ้ำไม่เป็นระเบียบประกายแสงพร่างพรายเจ็ดสีถ้ำหนึ่ง
เงยหน้ามองไป จะเห็นว่าในถ้ำพร่างพรายระยิบระยับมีดินแดนภูเขา แม่น้ำกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ในนั้นต้นไม้ใบหญ้าแปลกพิศดาร อสูรร้ายวิ่งพล่าน ราวป่าบรรพกาล
ทั้งยังมีเสียงคำรามดังออกมาจากในนั้นเป็นพักๆ
เป็น…พื้นที่ด่านที่สองของมหกรรมล่าเหยื่อเผ่านภาคิมหันต์ แผ่นดินใหญ่ผืนคีรีนั่นเอง
เสี้ยวขณะนี้ แสงพรายรุ้งเจ็ดสียิงพุ่งออกมาจากในคลื่นวนนี้ ก่อเป็นสายนับไม่ถ้วน พุ่งไปยังร่างผู้บำเพ็ญที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมด่านที่สองทุกคนในเมืองศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเมือง
องค์ชายใหญ่ ทั่วสือซาน ชิวเชวี่ยจื่อ
ผู้เข้าร่วมทุกคนล้วนถูกแสงเจ็ดสีนี้ปกคลุม ต่อให้เป็นสวี่ชิงและฝานซื่อซวงที่อยู่นอกเมืองก็เช่นกัน ทันที่ถูกแสงปกคลุม พลังส่งข้ามก็เกิดตามมา
หลังจากนั้นสามอึดใจ การส่งข้ามเริ่มขึ้น!
แสงเจ็ดสีกะพริบวูบวาบในเมือง หากก้มหน้ามองลงไปจากท้องฟ้า ก็จะเห็นดอกไม้แสงพรายรุ้งเจ็ดสีแต่ละดอกๆ ผลิบานไม่ขาดสายอย่างชัดเจน
ทุกครั้งที่กะพริบ ล้วนมีคนถูกส่งข้ามไป และการส่งข้ามเช่นนี้ไร้แบบแผน ผู้บำเพ็ญที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันคิดอยากรวมอยู่ด้วยกัน จะต้องทำการจัดการเองในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี
สวี่ชิงก็อยู่ในนี้เช่นกัน เงาร่างท่ามกลางระลอกคลื่นแสงรุ้งเจ็ดสี ก็หายลับไป
และการส่งข้ามอยู่ตลอดของผู้บำเพ็ญหลายแสนคนก็ทำให้ดอกไม้แสงรุ้งเจ็ดสีนี้วาดเป็นเค้าร่างภาพที่งดงาม
เหมือนผืนท้องฟ้าดาราร่วงลงมาบนพื้นดิน
จวบจนกระทั่งหลังจากนั้นครู่หนึ่ง จากดอกไม้แสนรุ้งเจ็ดสีที่น้อยลงไปเรื่อยๆ ผู้บำเพ็ญเมืองศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม ก็หายไปกว่าครึ่ง
ภูเขาเทพไม่สั่นสะเทือนอีกต่อไป มีเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ที่มาจากซิงเหยียน กลายเป็นแว่วเสียงดังสะท้อนในฟ้าดิน
……
แผ่นดินใหญ่ผืนคีรี รูปร่างเหมือนน้ำเต้า ในนั้นไม่มีที่ราบ มีเพียงเทือกเขาและป่าดิบชื้นสุดลูกหูลูกตา
สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ร่วมกับสภาพอากาศที่คงอุณหภูมิไว้เสมอและการปิดกั้นอย่างยาวนาน ทำให้ในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีแห่งนี้นี้พัฒนาเป็นระบบนิเวศขึ้น เหมาะแก่การอยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของสัตว์ร้ายเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นจึงมีอสูรร้ายแปลกประหลาดพิสดารต่างๆ
โดยเฉพาะ…ที่นี่ไอพลังประหลาดเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง ตลบอวลอยู่ในฟ้าดิน ดังนั้นการกลายพันธุ์ไม่ได้เกิดแค่กับอสูรร้ายเท่านั้น แต่ยังเกิดกับพืชพันธุ์อีกด้วย
ทั้งแผ่นดินใหญ่ผืนคีรียิ่งเหมือนพื้นที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง
ไม่ได้เกิดจากสายตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า แต่เป็นเทพทั้งสามของเผ่านภาคิมหันต์สร้างมันขึ้นมา
นอกจากนี้ เนื่องจากที่นี่ปิดผนึกมาโดยตลอด ดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่สาบสูญไปแล้วข้างนอก ที่นี่ยังมีอยู่ ยิ่งมีวัตถุโบราณบางอย่างรักษาเอาไว้ได้สมบูรณ์ยิ่งกว่าข้างนอก
ตอนนี้ในพื้นที่วงแหวนชั้นบนแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี ณ จุดลึกของป่าดิบชื้น ต้นไม้เน่าเปื่อยสีดำต้นหนึ่งกำลังสะบัดกิ่งก้าน ลากกวางสีขาวตัวหนึ่งมาจากที่ไกล
กวางขาวตัวนั้นดิ้นรน แต่กลับไร้ประโยชน์ ทั้งร่างถูกเถาวัลย์แทงทะลุพันรัด เคลื่อนไหวขยุกขยิก พรางดูดซับไปด้วย
ดังนั้นกวางขาวตัวนี้จึงทำได้แค่ร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ เสียงน่าสงสาร ในดวงตาแฝงไว้ด้วยแววอาลัยอาวรณ์ต่อชีวิต แววดิ้นรนอยากมีชีวิตรอดเห็นอย่างชัดเจน
กวางขาว ในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี พบเห็นไม่บ่อยนัก
มันมักจะเป็นสัญลักษณ์ของความงดงาม บางทีอาจเป็นเพราะเช่นนี้ดังนั้นจึงกลายเป็นเหยื่อ รวมกับคุณค่าของตัวมันเทียบกับสัตว์อื่นๆ แล้วก็ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นจำนวนจึงน้อยลงเรื่อยๆ
แต่เสียงร้องของมันอาจจะทำให้สวรรค์เห็นใจ ดังนั้นข้างต้นไม้เน่าเปื่อยต้นนั้น แสงสีรุ้งกะพริบวาบ
ไม่นานนัก เงาร่างเสื้อคลุมยาวสีดำร่างหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากในนั้น
ทันทีที่ปรากฏออกมา ต้นไม้เน่าเปื่อยหยุดชะงัก ไม่กล้าขยับ กวางขาวตัวนั้นก็สะท้านเฮือกไปทั้งตัวเช่นกัน เสียงร้องครวญครางหยุดลงไปตามสัญชาตญาณ แต่ความดิ้นรนอยากมีชีวิต ทำให้มันส่งเสียงร้องครวญอย่างแผ่วเบาออกมา
เงาร่างที่ปรากฏข้างต้นไม้เน่าเปื่อย ได้ยินเสียงก็หันไปดู มองกวางขาวผาดหนึ่ง ก้าวเท้าไป
สองเก้า มาถึงหน้ากวางขาวร้องครวญครางตัวนั้น ก้มหน้ามอง
สายตานี้มองไป เถาวัลย์ที่รัดอยู่บนร่างกวางขาว ก็แหลกทลายเป็นชุ่น กลายเป็นเถ้าธุลีสลายไป
คนชุดดำย่อตัวลง เงื้อมือขึ้น ลูบไปบนตัวกวางขาวตัวนี้เบาๆ ท่าทางอ่อนโยน
แต่น่าเสียดาย แม้จะไม่มีเถาวัลย์ แต่อาการบาดเจ็บของกวางขาวตัวนี้สาหัสนัก ตอนนี้ไม่สามารถดิ้นรนลุกขึ้นมาได้ ทำได้แค่อาศัยความฉลาดเฉลียวส่งความซาบซึ้งออกมาจากในดวงตา
เพียงแต่ความเจ็บปวดที่มาจากร่าง ทำให้มันตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ และความตายก็กำลังแผ่ลามมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา