เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 854

บทที่ 854 ออกล่าสวี่ชิง

แม้สวี่ชิงไม่เคยเห็นจี้ตงจื่อกับตา แต่ยังคงรู้จักผู้บำเพ็ญผู้นี้อยู่บ้างจากคำเล่าขององค์ชายใหญ่

‘ยอดอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับสองแห่งเผ่านภาคิมหันต์!’

สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม กับฝานซื่อซวงยอดอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับสาม เขาคิดว่าหากตนสู้สุดแรง แพ้ชนะคงก้ำกึ่ง

เพียงแต่การสังหารเช่นนี้ก็ต้องกินแรงตนไม่น้อยเหมือนกัน ภายหลังต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานพอตัว ไม่ดีต่อการออกล่ารอบที่สอง

แม้มีผลึกวารีสีม่วงฟื้นฟูบาดแผล แต่การสูญเสียพลังต้นกำเนิดเทพและความเสียหายของไหมวิญญาณ หากคิดจะเพิ่มคงใช้เวลายาวนาน

จี้ตงจื่อประมือกับฝานซื่อซวงสามครั้ง ทุกครั้งล้วนชนะอย่างง่ายดาย สวี่ชิงนึกถึงแผ่นหยกที่ตนอ่าน รู้ว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของทั้งสอง หากจี้ตงจื่อไม่ถูกเหยียนเสวียนจื่อรบกวน ยังถึงกับสามารถสังหารฝานซื่อซวง

กำลังรบเช่นนี้ สวี่ชิงรู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้

ว่ากันถึงแก่น คือความสามารถยังไม่พอ

ส่วนสาเหตุที่อีกฝ่ายกระจายข่าวตามหาร่องรอยของตน นั่นไม่สำคัญ เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว ทั้งยังมีเหตุผลมากมายที่คาดเดาได้

ดังนั้นหลังสวี่ชิงครุ่นคิด เงาร่างที่มุ่งไปยิ่งหลบเร้น ใจก็ระมัดระวังอย่างยิ่ง

เขาไม่อยากเจอคนผู้นี้ก่อนได้สัตว์อสูรในรอบที่สอง อย่างแรกคือต้องสู้กันเอาเป็นเอาตาย สองคือแผนการของตนจะถูกขัดขวาง

‘ที่นี่ยังห่างจากจุดหมายของข้าเป็นระยะทางสิบวัน…’

ในป่าฝน สวี่ชิงพึมพำในใจ มุ่งหน้าไปเร็วรี่

เวลาไหลผ่านเช่นนี้ ไม่นานก็ผ่านไปอีกห้าวัน

ในห้าวันนี้ สวี่ชิงพยายามปกปิดร่องรอยเท่าที่ทำได้ ไม่ว่าเจอผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์คนใด เขาล้วนหลบให้ห่าง ไม่ไปเข้าใกล้ หรือไม่ก็ซ่อนตัวรออีกฝ่ายไปก่อนค่อยออกมา

แต่บางครั้งเรื่องราวหาได้เป็นไปโดยมีความต้องการของสวี่ชิงศูนย์กลาง ในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีแห่งนี้ นอกจากผู้บำเพ็ญ ยังมีอสูรดุร้ายกับสิ่งประหลาดที่พละกำลังน่าสะพรึงกลัวเป็นจำนวนมาก

อย่างหลังสวี่ชิงมีเจ้าเงาอยู่ ยังหลบเลี่ยงหรือข่มให้หวาดกลัวได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างแรก…ต้องพึ่งโชคชะตา

และโชคของเขาก็ไม่อาจลอยลมได้ตลอด ดังนั้นในวันที่ห้า บริเวณเขตแดนวงแหวนบนล่างของแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีอันเป็นพื้นที่ใกล้เขตต้องห้ามจิ่วหลี สวี่ชิงเจอนกกระจอกภูเขาฝูงหนึ่งร้องเสียงแหลมผ่านมาบนท้องฟ้า

สวี่ชิงเห็นแล้วรีบหลบออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

อันว่านกกระจอกภูเขา คือนกกระจอกที่แบกภูเขา

รูปร่างมันใหญ่โต ชอบแบกภูเขามุ่งหน้าไป ดังนั้นในสายตาผู้บำเพ็ญ สิ่งที่เห็นอย่างแรกมักจะเป็นยอดเขาเคลื่อนที่หวีดร้องบนท้องฟ้า คล้ายกับผู้บำเพ็ญแบกภูเขาในรอบแรก

และอสูรนี้ยังอยู่รวมกัน ทุกครั้งที่ออกล่าล้วนมาเป็นฝูง

ท่าทางดุร้ายโหดเหี้ยม กำลังรบน่าสะพรึง ในกลุ่มที่ออกมามักจะไม่มีลูกอสูร ล้วนเป็นร่างโตเต็มวัย กำลังรบอยู่ในขั้นหวนสู่อนัตตา ตัวอ่อนแอเทียบได้กับหวนสู่อนัตตาขั้นหนึ่ง สูงสุดอาจบรรลุถึงขั้นหวนสู่อนัตตาบริบูรณ์

บวกกับมีจำนวนมาก…สำหรับผู้เข้าร่วมรอบที่สองจึงเป็นเรื่องน่าปวดหัวเมื่อพบเห็น

เพราะนกกระจอกภูเขากินอาหารหลากหลายยิ่ง นอกจากอสูร ยังชอบกินผู้บำเพ็ญ

ที่สวี่ชิงเจออยู่ตอนนี้ก็คือฝูงนกกระจอกภูเขาที่ออกล่า พวกมันอาศัยความสามารถอันเป็นพรสวรรค์มหัศจรรย์ สังเกตเห็นร่องรอยของสวี่ชิงในพริบตา เลี้ยวกลับกลางอากาศ พุ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงขมวดหัวคิ้ว แต่กวาดสายตามองฝูงนกกระจอกภูเขาที่มีมากกว่าร้อยตัวเป็นอย่างต่ำ เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วหลบหนีด้วยความเร็วสูงสุด

ชั่วขณะหนึ่ง ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น การไล่โจมตีของฝูงนกกระจอกภูเขาเกิดเป็นคลื่นน่าหวาดกลัวแผ่ทั่วทิศ ปากยังส่งเสียงแหลมคล้ายเรียกเพื่อนมาด้วย

เห็นเป็นเช่นนี้ นัยน์ตาสวี่ชิงฉายประกายเย็น สองตาพลันดำมืด จันทร์สีม่วงยกขึ้น ก่อเกิดอานุภาพน่าเกรงขาม ทำให้ฝูงนกกระจอกภูเขาที่ไล่จู่โจมเหล่านั้นพากันหยุด

สวี่ชิงอาศัยจังหวะนี้เร่งความเร็ว แต่สุดท้ายฝูงนกกระจอกภูเขาบนฟ้ารวมถึงคลื่นที่แผ่จากพวกมันยังคงดึงความสนใจจากผู้บำเพ็ญที่ผ่านมาแถวนี้

ผู้บำเพ็ญเหล่านี้จึงต่างคนสีหน้าเปลี่ยน รีบหลบไม่กล้าเข้าใกล้ ในนั้นยังมีเผ่าคุมหายนะสองคน พวกเขาเห็นนกกระจอกภูเขาฝูงนั้นอยู่ไกลๆ ใจพลันหวาดผวา จากนั้นต่างคนสีหน้าเปลี่ยน ถึงกับหยิบแผ่นหยกออกมาพร้อมกัน

นั่นคือแผ่นหยกชนิดพิเศษ เป็นสีม่วง ยามนี้กำลังเปล่งแสง

ทั้งสองตรวจดูแล้วสีหน้าเปลี่ยน ถอยกรูดพร้อมกัดฟันหมายจะสื่อเสียง

ทว่าพริบตาต่อมา เสียงลมพัดหวีดหวิว หมอกดำพลันปรากฏขึ้นปกคลุมทั้งสอง พิษต้องห้ามแผ่ซ่าน เสียงโหยหวนน่าเวทนาก้องสะท้อน ไม่นานไอหมอกก็หายไป เหลือเพียงเลือดสีดำและถุงเก็บของกระจายบนพื้น

ในพื้นที่ป่าฝน เงาร่างสวี่ชิงพลันเคลื่อนมาเก็บถุงใส่ของกับแผ่นหยกพิเศษสองแผ่นนั้น และเร่งมุ่งหน้าโดยไม่เหลียวหลัง

แต่เขาขมวดคิ้วแน่นอยู่ตลอด

แม้สังหารผู้บำเพ็ญเผ่าคุมหายนะสองคนนั้น ทั้งด้วยสังหารฉับไวพวกเขาจึงยังไม่ทันส่งข่าว แต่แผ่นหยกสีม่วงสองแผ่นนั้นทำให้สวี่ชิงมีลางสังหรณ์ไม่ดีเอาเลย

“เป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากการใช้เลือดของสาวกจันทร์สีม่วงร่วมกับวิชาคำสาป”

สวี่ชิงมองแผ่นหยกสองแผ่นนี้เพียงครั้งเดียวก็รับรู้ได้ถึงแก่นของมัน

เขาจึงบีบมันแหลกในคราเดียว สวี่ชิงแอบสังหรณ์ใจว่าอาจไม่ต้องมีคนป่าวประกาศร่องรอยของตนแล้วก็ได้

แผ่นหยกที่เอาไว้สืบหาเขาโดยเฉพาะเช่นนี้ หากบอกว่าไม่มีประสิทธิภาพในการส่งข่าวด้วยตัวเอง สวี่ชิงไม่ค่อยเชื่อเท่าไร

“แต่ข้าอาจจะคิดมากไปก็ได้ ยังห่างจากจุดหมายอีกห้าวัน”

สวี่ชิงหรี่ตา เงยหน้ามองไปยังตำแหน่งเขตต้องห้ามจิ่วหลี

บริเวณที่เขาอยู่ตอนนี้ไม่ห่างจากเขตต้องห้ามจิ่วหลีเท่าไร

เมื่อทอดมองไป ทั้งเขตต้องห้ามจิ่วหลีมีไอหมอกสีเทาหนาหนักกระจายอยู่ทั่ว แสงอาทิตย์ไม่อาจทะลุผ่าน ไอหมอกในนั้นพลิกม้วนอย่างเชื่องช้า ให้ความรู้สึกของคนชราในช่วงบั้นปลาย

มันแปลงเป็นใบหน้าทุกข์ระทมมากมาย ตะโกนไปรอบด้านโดยไร้เสียง เกิดคลื่นว่างเปล่าเป็นระลอก

ในความพร่ามัว คล้ายมีภาพเลือนรางเป็นฉากก่อรูปในนั้น แต่ก็มองเห็นไม่ชัด ทั้งยากจะจดจำ

มีเพียงเสียงคำรามสิ้นหวังและบ้าคลั่งเป็นสาย ดังกึกก้องออกมาจากส่วนลึกของไอหมอก

บทที่ 854 ออกล่าสวี่ชิง 1

บทที่ 854 ออกล่าสวี่ชิง 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา