บทที่ 91 ฆ่าคนชิงสมบัติ
ตามขนาดของขั้วอำนาจลัทธินอกวิถีที่ใช้รูปแบบของกองกำลังขนาดเล็กลงมือปฏิบัติภารกิจ ความเป็นไปว่าจะทำไปเพื่อหินวิญญาณมีไม่มากนัก ในเมื่อสำหรับพวกเขาแล้ว ความปรารถนาในสิ่งของพวกนี้ก็ได้เซ่นสังเวยให้กับภารกิจไปแล้ว
การมาของพวกเขาก็เพื่อภารกิจ และภารกิจของพวกเขาที่ลัทธิมอบหมายให้ในครั้งนี้ ก็คือ…เอาคราบกิ้งก่าที่มีเศษเสี้ยวคุณสมบัติเทพชิ้นนี้มาให้ได้!
ดังนั้นในเสี้ยวพริบตาที่เห็นคราบกิ้งก่าชิ้นนี้ปรากฏขึ้น คนทั้งแปดของลัทธินอกวิถีก็พลันลุกขึ้น จิตสังหารโหดเหี้ยมปะทุขึ้นทันที ในกายของทุกคนแผ่ระลอกคลื่นพลังระดับรวมปราณบริบูรณ์ออกมา พุ่งทะยานไปยังพื้นที่แอ่งกระทะ
ระดับความเร็วเข้ามาใกล้เพียงเสี้ยวพริบตา
สิ่งที่ทำให้คนต้องตื่นตะลึงครั่นคร้ามก็คือพวกเขามีแปดคนทว่ากลับเหมือนเป็นร่างเดียวกัน กระทั่งว่าแม้แต่ฝีเท้าก็ไม่ผิดจังหวะเลยแม้แต่น้อย เหมือนดาบคมส่องประกายแปดเล่มพุ่งแทงมา
ผู้บำเพ็ญไร้สังกัดบางคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาไม่ทันได้หลบ ในเสี้ยวพริบตาที่แตะสัมผัส ก็เหมือนต้นหญ้าใต้สายน้ำเชี่ยวกรากโหมบ่า แหลกลาญไปในทันที
ส่วนผู้แข็งแกร่งของลัทธินอกวิถีก็ทำให้ผู้บำเพ็ญกลุ่มภูตสมุทรที่จับจ้องพวกเขามาโดยตลอดต่างปะทุประกายเย็นเยียบออกมาจากในดวงตา
ก่อนหน้านี้ที่ช่วงชิงคราบกิ้งก่าระดับสร้างฐานขั้นกลางสองชิ้นนั้น กลุ่มภูตสมุทรลงมือเพียงสิบคน ยังมีอีกเจ็ด แปดคนอยู่กับที่ ตอนนี้ผู้บำเพ็ญขั้นแปดคนนั้นพุ่งออกมาพร้อมกัน ระลอกคลื่นบนร่างล้วนเป็นขั้นบริบูรณ์
โดยเฉพาะชายร่างใหญ่กำยำที่บริเวณหน้าอกมีใบหน้าเหมือนผีร้ายโผล่ออกมาคนนั้น ระลอกคลื่นบนร่างของเขาเหนือกว่าคนอื่นๆ ยิ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นระดับสร้างฐานอยู่เลาๆ
ทั้งสองฝ่ายเข้าโรมรันสังหารกันในพื้นที่แอ่งกระทะแห่งนี้ทันที เสียงดังตูมตามลอยมา ประกายเย็นเยือกฉายวูบในดวงตาสวี่ชิง พลังบำเพ็ญในกายปะทุขึ้นทันที พุ่งเข้าไปเช่นกัน
แม้คราบกิ้งก่าก่อนหน้านี้ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมจะเป็นคนได้ไป แต่สวี่ชิงก็ไม่สนใจเท่าไร นอกเสียจากอีกฝ่ายจะไม่กลับไปยังสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเท่านั้น
ไม่เช่นนั้นแล้ว หากเมื่อกลับไป อีกฝ่ายคิดจะฮุบส่วนที่เป็นของเขาชิ้นนั้น เช่นนั้น…เขาก็จะให้ตาแก่คายออกมาพร้อมดอกเบี้ยด้วย
ดังนั้นสวี่ชิงจึงเมินเฉย กระทั่งว่าไม่แม้แต่จะอ้าปากพูดสักประโยคเดียว ตอนนี้ในขณะเดียวกับที่พุ่งเข้าไปใกล้บริเวณที่ลัทธินอกวิถีและกลุ่มภูตสมุทรปะทะกันอยู่อย่างเร็ว มือทั้งสองก็กำหมัด เลือดลมในกายโคจรครืนครันขึ้นมา
เงาป๋าข้างหลังเขาปรากฏชัดเจนขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายสูงใหญ่ ผิวกายที่เต็มไปด้วยรอยแตกนั่นเหมือนบรรจุหินหนืดเอาไว้ เปล่งประกายแสงสีแดงออกมา
แล้วยังมีรัศมีอำนาจที่บ้าคลั่งสุดขีดเหนือระดับรวมปราณนั่น ทำให้หมัดสองหมัดที่สวี่ชิงเข้าประชิดชกออกมาในเสี้ยวพริบตามีกำลังรบเหนือระดับรวมปราณ
เสียงดังกึกก้อง!
หมัดหนึ่งชกไปยังลัทธินอกวิถีหมัดหนึ่งชกไปปยังกลุ่มภูตสมุทร
สวี่ชิงไม่ลงมือก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้เมื่อลงมือก็ทุ่มสุดแรง กำลังรบเปิดเต็มอัตรา ทำให้ทั่วทั้งพื้นที่แอ่งกระทะตอนนี้เสียงดังสนั่นหวั่นไหว กระทั่งว่ามีพายุเกิดขึ้น
กลุ่มภูตสมุทรทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสี ลัทธินอกวิถีแปดคนก็ถอยหลัง พลันจ้องมาทางสวี่ชิงท่ามกลางพายุ
“เจ้ารนหายที่ตาย!”
“สำนักเจ็ดเนตรโลหิต…”
แทบจะในเวลาเดียวกับที่เสียงดังมา ลัทธินอกวิถีและกลุ่มภูตสมุทรก็ลงมือพร้อมกัน ด้านหนึ่งก็ต่อกรซึ่งกันและกัน อีกด้านหนึ่งก็แบ่งกำลังออกไปตรึงสวี่ชิง ไม่ยอมให้เขาเข้าไปชิงคราบกิ้งก่าที่มีคุณสมบัติเทพสามชิ้นที่ลอยอยู่กลางระหว่างพวกเขาได้
แต่ความโหดเหี้ยมของสวี่ชิงก็สำแดงออกมาโดยสิ้นเชิงในเสี้ยวพริบตานี้เอง
สำหรับเขาที่เติบโตมาจากถ้ำยาจกตั้งแต่เล็กๆ ทั้งยังมีประสบการณ์ที่ฐานที่มั่นคนเก็บกวาด การแย่งชิงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขาเลย
ตอนนี้ความโหดเหี้ยมลอยอวลในดวงตาสวี่ชิง เพียงสะบัดมือหยดน้ำแต่ละหยดๆ รอบๆ ก็หลอมรวม พัดกวาดไปทั่วทุกทิศอย่างรวดเร็ว
ร่างของสวี่ชิงกระแทกไปยังร่างของผู้บำเพ็ญต่างเผ่ากลุ่มภูตสมุทรคนหนึ่งตามหยดน้ำที่พุ่งออกไปราวสายฝน ในเวลาเดียวกับที่เสียงกร๊อบๆ ถูกเสียงครืนครันดังสนั่นกลบมิด กริชในมือของเขาก็เชือดเฉือนไปที่ร่างของอีกฝ่ายอย่างเร็วรี่ สายเลือดพุ่งสาดกระเซ็น
สวี่ชิงถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ไม่หยุดรั้งรีรอ ซัดหมัดชกไปยังหน้าอกของผู้บำเพ็ญลัทธินอกวิถีคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังทันที มีเสียงดังกร๊อบๆ ดังมา
ชุดนักพรตของเขาอาบย้อมไปด้วยเลือด ใบหน้างดงามนั่นเย็นชาเป็นที่สุดภายใต้จิตสังหารที่ปะทุ
หลังจากฆ่าไปสองคนติดๆ สวี่ชิงก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย มือขวาประสานปางมือ เงาป๋าข้างหลังคำรามทันที ทำให้หยดน้ำที่พุ่งออกไปรอบทิศกลายเป็นหยดน้ำมันทันใด แล้วลุกไหม้ขึ้นเอง
มองไกลๆ เหมือนลูกธนูเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสารทิศ
เงาของคนทั้งหลายวุ่นวายโกลาหลอยู่ที่พื้น เหมือนกลุ่มปีศาจร่ายระบำสะเปะสะปะ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีเงากลุ่มหนึ่งตอนนี้กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าท่ามกลางปั่นป่วนโกลาหล พุ่งตรงไปที่คราบกิ้งก่าใต้เปลวเพลิง
ฉวยโอกาสที่เปลวเพลิงแผ่ลามออกไป สวี่ชิงร่างพลันถอยไปข้างหลัง และในเสี้ยวพริบตาที่เขาถอยไป คราบกิ้งก่าสามชิ้นข้างหน้าที่ถูกทุกคนรุมล้อมขัดขวางแย่งชิงซึ่งกันนั้น ก็มีเงาดำเงาหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากพื้นแล้วม้วนไปยังคราบกิ้งก่าสามชิ้นนั้น
ในขณะเดียวกัน ตอนนี้ข้างๆ คราบกิ้งก่านั้นก็รางเลือนบิดม้วน เงาร่างของชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ถนนทองผุดปรากฏขึ้นอย่างน่าแปลกประหลาด ในดวงตาแฝงด้วยความบ้าคลั่งพุ่งพล่าน อาศัยช่วงที่เกิดขึ้นจากเปลวเพลิงของสวี่ชิงเอื้อมคว้าไปทางคราบกิ้งก่าทั้งสามชิ้น
แต่เห็นได้ชัดว่าสายไปก้าวหนึ่ง เงานั่นหอบม้วนไปเสียก่อน
“สมควรตาย!” ชายชราคว้าเพียงความว่างเปล่า ในขณะเดียวกับที่ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆ ที่นี่ก็สังเกตเห็นภาพนี้ โทสะต่างลุกโหมท่วมฟ้า ไม่ไล่โจมตีสวี่ชิงอีก แต่ทะยานไปทางชายชราแทน
สวี่ชิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง อาศัยโอกาสนี้ถอยไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งแอบเก็บคราบกิ้งก่าที่ตนบังคับเงาม้วนมาเก็บลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วมุ่งตรงไปที่ตีนเขาทันที
เขาใกล้จะออกไปจากพื้นที่แอ่งกระทะได้แล้ว แต่ตอนนี้เอง ชายชราที่ถูกคนทั้งหลายไล่สังหารก็พลันตะโกนขึ้นมา



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา