เซิ่งอันหรานรู้สึกได้ว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำได้เพียงแค่ให้รอการยืนยันผ่านทางวีแชทเอาไว้ เถ้าแก่เนี้ยก็เริ่มเผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจราวกับเธอยังเป็นเด็ก
เด็กผู้หญิงแบบนี้ เธอยังคิดภาพไม่ออกเลยว่าจะเชื่อมโยงกับผู้หญิงที่เคยช่อโกงทรัพย์สินของตระกูลอวี้และนอกใจคนอื่นได้อย่างไรกัน
สายตาเซิ่งอันหรานปรากฎให้เห็นถึงความไม่อยากเชื่อ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะคะ” เซิ่งอันหรานตักบะหมี่ขึ้นมาจากหม้อ ตักน้ำราดลงในชาม แล้วหันไปบอกกับเถ้าแก่เนี้ยอย่างมีมารยาท
เมื่อขึ้นมาถึงข้างบนจึงได้วางบะหมี่ในมือลง อวี้หนานเฉิงก็กำลังออกมาห้องน้ำพอดี ปลายผมที่ยุ่งเหยิงเต็มไปด้วยหยดน้ำ ไหลลงมายังบริเวณลำคอ และประตูห้องน้ำนั้นก็เต็มไปด้วยคราบหยดน้ำ
ทำให้เซิ่งอันหรานรู้สึกจุกแน่นอยู่กลางลำคอ ผ่านอยู่ครู่หนึ่งเธอจึงได้สติ แล้วไอออกมาอย่างแห้งๆ
“เอิ่ม คุณกินบะหมี่สักหน่อย เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปยืมห้องครัวทำบะหมี่ให้คุณกินค่ะ”
อวี้หนานเฉิงชำเลืองมองไปยังเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองยังบะหมี่ แล้วพยักหน้ารับ
ตอนที่เขานั่งลงบนโซฟา ราวกับว่ามีลมร้อนพัดออกมาเบาๆ เข้ามาปกคุลมตัวเธอเองไปครึ่งหนึ่ง เซิ่งอันหรานก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เธอจึงค่อยๆขยับตัวออกไปด้านข้าง
ภายในห้องมีเพียงแค่เสียงกินบะหมี่ของอวี้หนานเฉิง เสียงนั้นไม่ได้ดังมาก ยิ่งมีเสียงฝนตกหนักจากข้างนอกรวมอยู่ด้วย จึงทำให้เสียงการกินอาหารภายในห้องนั้นรู้สึกหอมเย็นอบอุ่นขึ้นมาเป็นพิเศษ
เซิ่งอันหรานกลั้นลมหายใจเอาไว้ เมื่อแน่ใจว่าอวี้หนานเฉิงไม่ได้หันมาสนใจตัวเองแล้ว เธอจึงแอบก้มหน้าลงแล้วค่อยๆถอนหายใจออกมา
“คือนี้คุณนอนบนเตียงนะ”
จู่ๆอวี้หนานเฉิงก็พูดขึ้นมา
เซิ่งอันหรานตะลึงเล็กน้อย เธอรับรู้ได้ถึงความสุขขึ้นมาทันที พร้อมกับสายตาที่เป็นประกาย "จริงหรอ?"
“อืม”
เสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความหยอกล้อ ราวกับว่าลืมความทุกข์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไปแล้ว
เซิ่งอันหรานนั้นดีใจ และแอบคิดว่าบะหมี่ชามนี้คุ้มค่าจริงๆ สามารถเปลี่ยนโอกาสให้เธอได้กลับมานอนได้อย่างเป็นปกติ แต่เธอนั้นก็ตื่นเต้นเกินไปจนลืมว่าจริงๆแล้วเตียงนี้เป็นที่นอนของเธอ
อวี้หนานเฉิงเมื่อได้เห็นสีหน้าที่ดีใจของเธอ ในใจก็อดคิดไม่ได้
เธอคิดว่าเขาจะให้ผู้หญิงอย่างเธอนอนบนโซฟาจริงๆหรอ?
บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เซิ่งอันหรานก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาอย่างมีความสุข “อย่างนั้นฉันช่วยคุณปูโซฟานะ เมื่อกี้ฉันลองนอนแล้ว ความยาวของโซฟานั้นพอดีเลย นอนสบายกว่าเตียงอีก”
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้วมองไปยังพฤติกรรมที่เธอแสดงออกมา
“หรือว่าเธอนอนโซฟาแล้วสบายกว่า?”
“อย่าเลย” เซิ่งอันหรานรีบพูดปฏิเสธทันที ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฉันนอนบนเตียงดีกว่า ถึงอย่างไรผู้ชายก็ต้องเป็นสุภาพบุรุษจริงไหมคะ?”
ขณะที่พูดไปเธอก็เดินไปยังเตียงนอน พร้อมกับบิดขี้เกียจ
“ไม่อาบน้ำหรอ?”
อวี้หนานที่อยู่ด้านหลังซักถามขึ้นมา
เซิ่งอันหรานหยุดก้าวเดิน ทุกอย่างถูกหยุดการเคลื่อนไหว จากนั้นครู่หนึ่งเธอก็ไม่สามารถปิดบังการกระทำบางอย่างได้ เธอจึงหันหลังให้กับอวี้หนานเฉิงแล้วพูดว่า
“อาบสิ ต้องอาบอยู่แล้ว ฉันเดินมาหยิบเสื้อผ้า”
เดิมทีแล้วเธอคิดว่าคืนนี้จะไม่อาบก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้น เห็นได้ชัดว่าอวี้หนานเฉิงนั้นจงใจถาม ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่อาบน้ำล่ะก็ เขาคงคิดว่าเธอนั้นคงจะสกปรกอย่างมาก
เสียงน้ำไหลจากห้องน้ำกับเสียงฝนตกลมกระโชกแรงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เสียงน้ำนุ่มนวลกับน้ำไหลเชี่ยว ความอบอุ่นกับความเยือกเย็น นอกจากนี้ในความแตกต่างกันแสงไฟในห้องก็ส่องสว่างอย่างอบอุ่นขึ้นมา
เมื่ออวี้หนานเฉิงกินบะหมี่เสร็จ จึงดึงผ้าห่มที่อยู่บนโซฟาออกแล้วเอนตัวลงนอน
เวลาผ่านไปนาน ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เซิ่งอันหรานทำตัวราวกับขโมย เธอสวมเสื้อแขนยาวขายาวเดินย่องออกมาจากห้องน้ำอย่างเบาๆ เมื่อเห็นร่างที่นอนหลับอยู่บนโซฟา เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย
ถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนั้นมีไม่มาก แต่มันก็สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ดี ถึงจะรู้จักกันมานาน เธอก็ไม่อาจเดาได้ว่าอวี้หนานเฉิงนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ อีกอย่างเธอก็ไม่ใจว่าผู้ชายจะมีนิสัยดุร้ายเหมือนสัตว์ป่าหรือไม่
เมื่อปีนขึ้นเตียงนอนแล้ว เธอจึงเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง ภายในห้องก็กลายเป็นความเงียบสงัด
ค่ำคืนที่ฝนตกหนัก ตื่นนอนเช้าวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าก็สว่างสดใส
เซิ่งอันหรานเก็บข้าวของของตัวเองลงในกระเป๋าเป้ก่อนจะไปคืนห้อง ขณะที่เธอกำลังจัดการเรื่องคืนห้องอยุ่นั้น เธอก็เหลือบมองจากด้านนอกผ่านเข้าไปยังกระจกรถ เห็นเงาด้านข้างของอวี้หนานเฉิงกำลังจับพวงมาลัยรถโดยไม่หันหน้าไม่มองทางไหน
เมื่อเช้าเขาลงมาจากห้องก็เดินตรงไปยังรถทันที เหมือนกับไม่อยากจะอยู่ที่โรงแรมนี้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
“เก็บบัตรประชาชนให้ดีนะครับ”พนักงานยื่นบัตรประชาชนคืนให้กับเซิ่งอันหราน
“เดี๋ยวก่อน”
เมื่อเซิ่งอันหรานกำลังจะเดินจากไป ก็ได้ยินเสียงของเถ้าแก่เนี้ยเรียกเอาไว้
เถ้าแก่เนี้ยเดินออกมาจากห้องครัวอย่างรีบร้อน พร้อมกับยื่นข้าวกล่องที่ห่อด้วยผ้าสีน้ำเงินให้กับเซิ่งอันหรานอย่างคาดหวัง
“พวกเธอยังไม่ได้กินอาหารเช้ากันเลย กว่าจะถึงเมืองจินหลิงก็อีกตั้ง 200 กว่ากิโลนะ เอาอันนี้ไปกินระหว่างทางเถอะ”
ซิ่งอันหรานนั้นสองจิตสองใจ แม้เธอจะรู้ว่าเถ้าแก่เนี้ยมาด้วยเจตนาอื่น แต่ก็ไม่รูจะทำอย่างไรเมื่อได้เห็นสายตาที่อ้อนวอนอย่างจริงใจของเถ้าแก่เนี้ย เธอตัดสินใจรับข้าวกล่องนั้นมา
สภาพถนนยังคงดีอยู่ ฝนตที่ตกหนักนั้นไม่ได้ทำให้เกิดดินถล่มลงมาปิดทางแต่อย่างใด การเดินทางจึงราบรื่น
หลังจากขับรถออกจากเมืองมาได้ไม่นานก็ขึ้นทางด่วน อวี้หนานเฉิงจอดรถบริเวณจุดพักเพื่อเข้าห้องน้ำ เมื่อกลับมาก็เห็นเซิ่งอันหรานที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับกำลังเปิดห่อผ้าออกมา ในห่อผ้านั้นเป็นข้าวกล่องที่มีไข่ม้วนและซี่โครงวัวราดซอสวางอยู่บนข้าว มองดูแล้วเชิญชวนให้คนกินมาก
อวี้หนานเฉิงชำเลืองมอง
“ไปซื้อข้าวก่องมาตั้งแต่เมื่อไร?”
“เมื่อเช้าตอนที่อยู่เมืองโบราณ มีที่ขายข้าวกล่องโดยเฉพาะอยู่ค่ะ คุณลองชิมหน่อยไหม?”
เซิ่งอันหรานคีบซี่โครงวัวหนึ่งชิ้น แล้วยื่นไปที่ปากของเขาด้วยสายตาอย่างคาดหวัง
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว ใช้ความคิดแวบหนึ่งก็รู้ได้ว่าข้าวกล่องนี้นั้นได้มาจากที่ไหน แต่เมื่อเห็นการกระทำของเธอที่ยื่นมายังริมฝีปากของเขาแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากของตัวเองขึ้นมา
เซิ่งอันหรานจึงรีบใช้โอกาสนี้ยัดซี่โครงวัวใส่ปากเขา “อร่อยไหม?”
อวี้หนานเฉิงเคี้ยวไม่กี่คำก็กลืนลงไป แล้วพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า
“เฉยๆ”
“เฉยๆอะไร นี่มันอร่อยมากเลยนะ” เซิ่งอันหรานคีบกินเข้าไปอีกคำ “อันนี้ฝีมือเทียบเท่าระดับเดียวกับเชฟอาหารตะวันตกของโรงแรมเซิ่งถังได้เลย ถ้าไปเปิดร้านอาหารตะวันตกต้องดังมากแน่ๆ”
“เดิมทีเธอก็เปิดร้านอาหารตะวันตกอยู่แล้วไม่ใช่หรอ มันมีอะไรน่าประหลาดใจ”
จู่ๆอวี้หนานเฉิงก็พูดประโยคนั้นออกมา เมื่อทันทีที่พูดจบสีหน้าของเขาเองก็หยุดชะงัก
เซิ่งอันหรานมองไปยังเขา แล้วพูดอย่างเก้อเขินว่า “คุณรู้หรอว่าข้าวนี้ใครเป็นคนทำ?”
อวี้หนานเฉิงไม่มองหน้าเธอ แล้วขับรถต่อไป เพียงแต่ตอบกลับมาว่า
“ไม่เคยเห็นกล่องข้าวจานด่วนที่ไหนจะมีแบรนด์ของต่างประเทศติดอยู่”
เซิ่งอันหรานเพิ่งเห็นว่ากล่องใส่ข้าวนั้นมีโลโก้แบรนด์ดังติดอยู่ จึงแอบถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ จากการได้รับรู้ถึงสิ่งที่ค้างอยู่ในคำพูดของอวี้หนานเฉิงเมื่อครู่นี้
ทั้งๆอวี้หนานเฉิงเองก็รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนทำข้าวกล่อง แต่เขาก็ยังกิน นั่นก็หมายความว่าจริงๆแล้วในใจของเขาก็คงไม่ได้เคียดแค้นอะไรกับแม่สักเท่าไรหรอก
“เถ้าแก่เนี้ยใจดีมากเลย แถมยังทำอาหารอร่อยอีกด้วย” เซิ่งอันหรานพูดเสียงกระซิบ
อวี้หนานเฉิงชำเลืองมองเธอ อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“ถ้าด้วยเหตุผลนี้ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจและชอบธรรมจริงๆ แล้วเมื่อกี้ทำไมต้องพูดโกหกด้วย?”
“ก็เพราะว่าเมื่อคืนคุณดูไม่ชอบที่เธอทำเกี๊ยวน้ำไม่อร่อย แถมยังส่ายหน้าอีก ถ้าฉันบอกว่าเถ้าแก่เนี้ยเป็นคนทำ ฉันว่าแม้แต่มองคุณก็คงไม่อยากจะมองเลยด้วยซ้ำ”
เซิ่งอันหรานเม้มปาก พร้อมกับแสดงสีหน้าอย่างขาดความเชื่อมั่น
ในตอนนี้เธอนั้นก็รู้สึกอยากจะตบปากตัวเองสักครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน