ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 110

“คุณชายน้อย ท้องไส้ไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็ก แล้วจะทานอาหารที่ไม่สะอาดแบบนั้นได้ยังไง ?คุณเซิ่ง ทำไมคุณถึงได้เป็นคนไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ ? แล้วอย่างงี้ผมจะไปอธิบายกับคุณชายได้อย่างไร ?”

เมื่อต้องเผชิญกับคำต่อว่าจากพ่อบ้าน เซิ่งอันหรานก็ไม่สามารถอธิบายหรือแก้ตัวได้เลย ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนและกังวลใจเป็นอย่างมาก

“ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะไปขอโทษประธานอวี้ด้วยตัวเอง เป็นเพราะฉันไม่ระวังเอง”

เมื่อเห็นเธอน้อมรับการต่อว่าจากตนเองโดยไม่โต้เถียง พ่อบ้านก็ไม่รู้จะพูดกับเธออะไรต่อ เขาถอนหายใจอย่างแรง จากนั้นก็เดินออกไปทางด้านข้างเพื่อโทรแจ้งอวี้หนานเฉิง

หลังจากที่แผนกฉุกเฉินได้ทำการตรวจเสร็จแล้ว ก็ส่งตัวของอวี้จิ่งซีไปสังเกตอาการที่ห้องผู้ป่วยใน นอกจากอาการอาหารเป็นพิษแล้ว สาเหตุอื่นยังคงต้องรอผลการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการ หลังจากให้น้ำเกลือ สีหน้าของอวี้จิ่งซีก็ดีขึ้นมาก เด็กน้อยนอนหลับไปแล้ว

เซิ่งอันหรานอยู่กับอวี้จิ่งซีที่โรงพยาบาลตลอดเวลา เมื่อเห็นดูจิ่งซีนอนหลับแบบนี้ ในใจของเธอก็เอาแต่ตำหนิตนเอง

แม่ว่าจะมีโอกาสได้อยู่เขาไม่มาก แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้เสียได้

เธอดูไม่เหมาะสมกับการที่มีสถานะเป็นแม่คนซะเลย หากว่าวันหนึ่งจิ่งซีรู้ว่าเธอเป็นแม่แท้ๆ ของเขาล่ะก็ เขาคงจะเอาตำหนิเธอแน่

หลังจากที่ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ก่อนเวลารุ่งสางของวันรุ่งขึ้น เซิ่งอันหรานกลับบ้านเพื่อทำอาหารเช้า และหลังจากกำชับเซิ่งเสี่ยวซิงว่าอย่าลืมทานอาหารและอยู่บ้านคนเดียวดีๆ เซิ่งอันหรานก็หิ้วกล่องเก็บร้อนไปที่โรงพยาบาล

ทันทีที่เธอเดินมาถึงประตูหน้าห้องผู้ป่วย เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากทางด้านใน เซิ่งอันหรานชะงักไปชั่วครู่ มือของเธอกำลูกบิดประตูไม่ขยับ

“ทันทีที่ฉันได้ยินว่าจิ่งซีเข้าโรงพยาบาล ฉันก็รีบวางงานทุกสิ่งทุกอย่างและมาที่นี่ ฉันยังนำอาหารเช้ามาให้จิ่งซีด้วย ฉันให้แม่บ้านเป็นคนเตรียมอาหารเช้าและกำกับด้วยตัวเอง รับรองได้ว่าสะอาดปลอดภัยอย่างแน่นอน "

เสียงพูดของเกาหย่าเหวินดูอ่อนโยนมากจนทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกขนลุก

จากนั้นไม่นาน เซิ่งอันหรานก็ได้ยินอวี้หนานเฉิง ตอบกลับอย่างเฉยเมย

"ลำบากคุณแล้ว"

“มาเถอะจิ่งซี เดี๋ยวฉันจะเป็นคนป้อนให้เอง”

จากประตูหน้าห้องผู้ป่วย สามารถมองเห็นทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน อวี้หนานเฉิงและเกาหย่าเหวินนั่งอยู่ข้างเตียงของอวี้จิ่งซีกันคนล่ะฝั่ง เกาหย่าเหวิน ถือชามโจ๊กอยู่ในมือและกำลังป้อนอาหารให้อวี้จิ่งซีอย่างระมัดระวัง

เซิ่งอันหรานยืนที่หน้าประตูอยู่ครู่หนึ่ง เธอเกิดความว่างเปล่าขึ้นมาในจิตใจ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็หันหลังกลับและเดินออกไป

ในห้องพักผู้ป่วย อวี้จิ่งซีพยายามทานโจ๊ก แต่ทานได้เพียงสองคำ ก็ส่ายหัว

หางตาของเกาหย่าเหวินเหลือบมองไปที่อวี้หนานเฉิง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า "น่าจะเพราะท้องยังรู้สึกไม่ดี อย่างนั้นวางไว้ตรงนี้ก่อนนะ หากว่าจิ่งซีหิ้วค่อยบอกป้านะจ๊ะ เดี๋ยวป้าจะเป็นคนป้อนเอง "

อวี้จิ่งซีหดตัวด้วยความกลัว เขารู้สึกกลัวเธอ เขายื่นมือออกไปผ่านใต้ผ้าห่มและกระตุกแขนเสื้อของอวี้หนานเฉิง

อวี้หนานเฉิงจับมือเขา “เกิดอะไรขึ้น? มีตรงไหนไม่สบายอีกหรือเปล่า ? ”

อวี้จิ่งซีส่ายหัวและมองไปที่ประตูหน้าห้อง

“เธอไม่มาหรอก”

อวี้หนานเฉิงรู้ว่าจิ่งซีกำลังคิดอะไรอยู่ เขาขมวดคิ้วและตอบออกมาอย่างไม่แยแส

ไม่ว่าจะเป็นเพราะอาหารเป็นพิษหรือไม่ว่าเพราะสาเหตุใดยังไงก็จะต้องคุยกัน แต่ในตอนเช้าที่เขามาถึง เขากลับเห็นอวี้จิ่งซีนอนหลับอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลแค่คนเดียว อีกทั้งใบหน้าของเด็กน้อยยังดูอ่อนล้า ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนจิ่งซีเลย มันทำให้อวี้หนานเฉินรู้สึกหงุดหงิดใจ

เพราะจิ่งซีไม่ใช่เธอลูกของเธอ เธอจึงปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ ถ้าหากว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้เป็นลูกสาวของเธอเองบ้างล่ะ เกรงว่าเธอคงจะอยู่เฝ้าไม่ห่าง เธอจะยอมปล่อยให้ลูกของเธอนอนอยู่โรงพยาบาลคนเดียวแบบนี้ไหม ?

ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เสียงของเกาหย่าเหวินก็ดังขึ้น

“ฉันได้ยินมาว่า เมื่อคืนนี้เซิ่งอันหรานพาจิ่งซีน้อยไปทานอาหารที่ตลาดกลางคืน ที่นั่นมีแต่ของปิ้งย่าง ของทอดและไม่ถูกสุขอนามัย ทำไมเธอถึงได้พาเด็กๆไปทานอาหารในสถานที่แบบนั้นนะ ? ”

เรื่องนี้อวี้หนานเฉิงได้ยินมาจากพ่อบ้านแล้ว และพอเขามาได้ยินอีกครั้ง มันยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ มองจากหว่างคิ้วของเขาเห็นได้ชัดเจนว่าเขารู้สึกไม่พอใจ

เมื่ออวี้จิ่งซีเห็นสีหน้าของผู้เป็นพ่อดูไม่ค่อยดีนัก เขาจึงรีบเขียนบนกระดานวาดภาพว่า

“ไม่ใช่คุณป้าที่เป็นคนอยากพาผมไป สถานที่ทานอาหาร คุณอาเทียนเอินเป็นคนเลือก ”

เขาพยายามช่วยเซิ่งอันหรานเคลียร์ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง แต่ผลกลับไม่ได้เป็นดังที่เขาหวังไว้ ทันทีที่คำว่า " คุณอา " ดังเข้าไปกระทบหู ดวงตาของอวี้หนานเฉิงก็หรี่เล็กลง สีหน้าของเขาดูไม่พอใจมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

เกาหย่าเหวิน เฝ้าสังเกตคำพูดและการแสดงออกของอวี้นานเฉิงจากทางด้านข้าง และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ จากนั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปที่ร่างของอวี้จิ่งซี ทันใดนั้นแววตาที่ดูเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรก็ปรากฏออกมา

เพื่อที่จะเอาอวี้หนานเฉิงกลับมา ยังไงซะก็ยังจะต้องพึ่งพาเด็กน้อยซึ่งเป็นจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของอวี้หนานเฉิง

มีเพียงเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าที่เป็นเหมือนตัวเกะกะ เขาถึงได้ไม่สนใจอย่างอื่นเลย

หลังจากอยู่เฝ้าอวี้จิ่งซีในห้องผู้ป่วยมาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว อวี้หนานเฉิง ก็เหลือบมองดูเวลา และบอกให้อวี้จิ่งซีพักผ่อน เกาหย่าเหวินพูดอย่างขยันขันแข็งว่าเธอจะเป็นคนคอยดูแลอวี้จิ่งซีเอง ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและเดินออกไป

หลังจากที่เขาเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย เขาก็เห็นคนที่ดูคุ้นเคยนั่งอยู่ที่โซฟาตรงประตูทางเดิน สีหน้าดูซีดเซียวมาก

เมื่อเซิ่งอันหรานเห็นเขาเดินออกมา เธอก็รีบยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว

อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเขาดูเหินห่างเป็นอย่างมาก

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

"เพิ่งมาถึง" ในมือของเซิ่งอันหรานถือกล่องเก็บความร้อน "ฉันเอาอาหารเช้ามาให้จิ่งซี เห็นพวกคุณคุยกันอยู่ด้านใน จึงไม่อยากรบกวน จิ่งซีทานอาหารเช้าเสร็จแล้วหรือยัง ?"

อวี้หนานเฉิงเหลือบมองไปที่กล่องเก็บความร้อนในมือของเธอ และตอบเธออย่างไม่แยแสออกไปสั้นๆเพียงหนึ่งคำ

"อืม"

"เรื่องเกี่ยวกับจิ่งซีฉันต้องขอโทษด้วย" เซิ่งอันหรานก้มหน้า เธอไม่กล้าที่จะสบตาของอวี้หนานเฉิง และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อิฐโรย "แต่ต่อไปฉันจะดูแลเขาให้อย่างดีจนกว่าเขาจะร่างกายกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และฉันก็ได้ขอลาหยุดกับบริษัทแล้วด้วย"

เซิ่งอันหรานขอโทษอย่างจริงใจ ยิ่งอวี้หนานเฉิงเห็นว่าเธอยอมรับผิดและรู้จักผิดชอบชั่วดี ทำให้เขาเกิดความรู้สึกใจอ่อน แม้ว่าเรื่องจะยังไม่ชัดเจน แต่เขาก็ไม่มีความรู้สึกติดใจอะไรแล้ว

“ไม่ต้องหรอก ช่วงนี้คุณดูยุ่งมาก ไหนจะต้องดูแลลูกสาวของคุณและดูแลคนอื่นที่ไม่รู้ว่าไปเก็บมาจากไหน คงจะไม่มีใจมาดูแลจิ่งซีหรอก และอีกอย่างจิ่งซีก็มีคนคอยดูแลแล้ว”

เซิ่งอันหรานกำหมัดแน่น และตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมาเพื่อที่จะพูดอะไรบางอย่างกับอวี้หนานเฉิง ปรากฏว่าเขาได้เดินผ่านหน้าของเธอไป โดยไม่มีโอกาสให้เธอได้อธิบายหรือพูดแก้ต่างเลยแม้แต่น้อย

เซิ่งอันหรานเองก็รู้สึกผิดหวังเช่นกัน เธอไม่มีอะไรที่จะแก้ตัวหรือสามารถพูดอธิบายได้เลย

ถ้าจิ่งซีรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นเพราะตัวเธอ และเรื่องที่อวี้หนานเฉิงโกรธเธอ เธอก็สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้ เพราะแม้ตัวเธอเองยังรู้สึกโกรธตัวเอง อวี้จิ่งซีเติบโตขึ้นมาโดยอยู่เคียงข้างอวี้หนานเฉิงมาหลายปี เขาเป็นดังสิ่งที่สำคัญที่สุดของอวี้หนานเฉิง ทำไมเธอถึงได้ไม่คิดให้รอบคอบสักนิด ดันพาเขาไปทานอาหารตามแผงขายของริมถนนซะได้ ?

ในอีกด้านหนึ่งเกาหย่าเหวินอยู่เฝ้าอวี้จิ่งซีในห้องผู้ป่วย เธอได้ยินการสนทนาที่อยู่นอกประตูอย่างชัดเจน

“ก๊อก ๆๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้น

" เข้ามา " ก่อนเปิดประตู เกาหย่าเหวินสวมแว่นตากันแดดและหน้ากาก เพื่อเป็นการลดปัญหาความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น

“ครอบครัวของผู้ป่วยอยู่ที่ไหนคะ ? ” หลังคุณหมอเปิดประตูเข้ามาแล้ว คุณหมอก็มองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นอวี้หนานเฉิงอยู่ในห้อง จึงถามเกาหย่าเหวิน

“ออกไปเมื่อกี้ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ? ” เกาหย่าเหวินถาม

แว่นกันแดดบดบังใบหน้าเกือบครึ่งหน้า และน้ำเสียงที่แข็งทื่อ

คุณหมอจำเธอไม่ได้ จึงพูดอย่างเฉยเมย “อย่างนี้ค่ะ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาแล้ว สาเหตุไม่ได้เป็นเพราะอาหารเป็นพิษ แต่เด็กติดเชื้อไวรัสจึงทำให้มีไข้ อาเจียนและท้องเสีย บ่ายนี้ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว "

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เกาหย่าเหวินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับกำหมัด เธอแสร้งทำสีหน้าโล่งสบาย "อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง เรื่องนี้ฉันจะบอกกับคุณพ่อของเขาเอง รบกวนคุณหมอแล้ว"

“ไม่เป็นไรค่ะ” คุณหมอยิ้มอ่อน และเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป

อวี้จิ่งซีนอนเอาตัวซุกอยู่ในผ้าห่ม มีเพียงดวงตาของเขาเท่านั้นที่โผล่ออกมาเหนือผ้าห่ม เมื่อเกาหย่าเหวินขยับเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ เขาก็จะหดตัวลงมากขึ้นเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน