ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 112

รถกำลังขับผ่านภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังตก ภายในรถมีแต่เสียงของเด็กน้อยน่ารัก เขาใช้เวลากว่าสิบนาทีเต็มกว่าจะเล่าเรื่องจบ

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ นี่คือเรื่องที่น่าเศร้าของหม่าม้า ดังนั้นอย่าถามต่อหน้าเธอนะ”

เทียนเอินวางข้อศอกไว้ขอบหน้าต่าง ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง ทำท่าครุ่นคิด

“คุณบอกว่าคุณเกิดได้ไม่นาน พี่ชายของคุณก็หายตัวไป ? แล้วยังหายที่นี่อีก คุณโตที่อเมริกาไม่ใช่เหรอเหรอ ?”

“ใช่ค่ะ”เซิ่งเสี่ยวซิงกะพริบตา และพูดอย่างมั่นใจ

“ฉันโตที่อเมริกา พี่ชายฉันไม่มีทางหายไปจากที่นี่แน่นอน”

“โอเคโอเค”เทียนเอินมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ถ้างั้นพ่อคุณล่ะ ? ไม่ได้ให้คนออกตามหาพี่ชายคุณเหรอ ?”

“ฉันไม่รู้ ฉันแทบจะไม่ได้เจอป่าป๊าเลยค่ะ”

เซิ่งเสี่ยวซิงยักไหล่ ด้วยสีหน้าไร้เดียงสา

“คุณแทบไม่ได้เจอป่าป๊าของคุณ ?”

“ใช่ค่ะ ป่าป๊าของฉันยุ่งมาก ฉันเจอเขาแค่กี่ครั้งเอง ใช้นิ้วมือนับยังได้เลยค่ะ ปีนี้ก็ยังไม่ได้เจอเลยค่ะ ฉันแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าเขาหน้าตาอย่างไร”

“ป่าป๊ากับหม่าม้าของคุณหย่ากันด้วยเหตุผลอะไรเหรอ เขาไม่ชอบคุณเหรอ ? ”เทียนเอินเอนหน้าเข้าหาเซิ่งอันหรานด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากฟังเรื่องนินทาขึ้นมา

“ใครบอกว่าหม่าม้าหย่ากับพ่อของฉันแล้ว ?”

เซิ่งเสี่ยวซิงโบกมือปัดอย่างช่วยไม่ได้

“ป่าป๊าชอบฉันมาก ทุกครั้งที่มาเจอฉันล้วนเอาของมาให้ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบของที่เขาซื้อมาเลยก็ตาม แต่มันก็แพงมาก”

“หม่าม้าของคุณไม่ได้หย่าเหรอ !”เทียนเอินทำราวกับได้ยินข่าวใหม่ที่น่าตกใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “ถ้าอย่างนั้นคุณยังจะจับคู่อวี้หนานเฉิงกับหม่าม้าของคุณ”

“ฉันชอบลุงอวี้ อยากให้เขามาเป็นป่าป๊า”

เซิ่งเสี่ยวซิงพูดอย่างตรงไปตรงมา “ยังไงซะปีหนึ่งหม่าม้าของฉันก็เจอป่าป๊าไม่กี่ครั้งเอง ฉันว่าหม่าม้าของฉันกับลุงอวี้ดูเหมาะสมกว่าอีก”

เหตุผลนี้ เทียนเอินกระตุกมุมปากและรู้สึกประทับใจ

อีกด้านหนึ่ง อวี้หนานเฉิงเคาะประตูเข้าไปในห้องของอวี้จิ่นซี เด็กน้อยนั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง ถือกล่องขนมด้วยความมึนงง เมื่อเห็นเขาเข้ามา เด็กน้อยก็รีบทำท่าทางต่อต้านทันที

อวี้หนานเฉิงที่เยือกเย็นต่อโลกภายนอกมาตลอดตอนนี้ทำได้เพียงนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ และพูดอย่างจริงจังว่า

“จิ่นซี เธอซื้อติ่มซำให้กล่องเดียวก็ซื้อลูกได้แล้วเหรอ ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าตั้งแต่เล็กจนโตป่าป๊าซื้อติ่มซำให้ลูกตั้งเท่าไหร่ ? นี่มันจะไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอ ”

อวี้จิ่นซีเม้มริมฝีปาก ยังคงทำเสียงฮึดฮัด พลางเขียนบนกระดาษว่า

“ติ่มซำที่เธอทำนั้นอร่อย ที่ซื้อมามันไม่อร่อย เธอดีกับผมมาก เป็นเพราะป่าป๊าเธอถึงไม่มาหาผม”

เมื่อเห็นแบบนี้ อวี้หนานเฉิงก็ขมวดคิ้ว

“เป็นป่าป๊าเองที่ไม่ให้เธอมาหาลูก เดิมทีแล้วเธอก็ไม่ได้ดูแลลูกเป็นอย่างดี ยังทำให้ลูกบาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาล ดังนั้นจิ่นซี เธอไม่เหมาะที่จะเป็นหม่าม้าของลูก ถ้าลูกอยากให้เธอมาเป็นหม่าม้าจริงๆ ป่าป๊าสามารถหาใหม่ให้ลูกได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้จิ่นซีก็โกรธขึ้นมาทันที เขาจ้องมองอวี้หนานเฉิง ใบหน้าเล็กโกรธจนแดงขึ้นมา เขาใช้เวลานานกว่าจะเขียนประโยคหนึ่งออกมาอย่างสั่นเทา

“ไม่ใช่เธอสักหน่อย เป็นผมเองที่กินอาหารที่ไม่ดีจนต้องเข้าโรงพยาบาล”

อวี้หนานเฉิงคิดว่าคำพูดของเด็กน้อยเป็นเรื่องไร้สาระ “พอแล้ว ลูกไม่ต้องพูดแทนเธอแล้ว ติ่มซำสามารถกินได้ แต่ต่อไปนี้ป่าป๊าจะไม่ให้ลูกออกไปไหนกับเธอตามลำพังแล้ว”

อวี้จิ่นซีกัดฟันด้วยความโกรธ เขาคว้ามือของอวี้หนานเฉิงขึ้นมา แล้วกัดไปที่มือของเขา

อวี้หนานเฉิงทำเสียงฮึดฮัด แต่ก็ไม่กล้าสะบัดเขาเพราะกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บ เขาพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “จิ่นซี ลูกทำอะไร ?”

อวี้จิ่นซีปล่อยปากที่กัด แล้วชี้ไปที่ประโยคที่เขียนเมื่อครู่ ด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราด

เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ อวี้หนานเฉิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่คิดว่าจะให้จิ่นซีมีอารมณ์แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว จะต้องได้รับการจัดการแล้ว

“พรุ่งนี้ป่าป๊าจะให้พ่อบ้านหาชั้นเรียนที่น่าสนใจมาให้ลูกสองสามอย่าง ลูกเลือกเรียนหนึ่งอัน เพื่อที่ลูกจะได้ไม่ต้องไปคิดอะไรบ้าๆแล้ว”

ใบหน้าเล็กของอวี้จิ่นซีเป็นสีแดง เขาโยนหมอนข้างหลังใส่อวี้หนานเฉิงอย่างโกรธจัด และพูดอย่างฮึดฮัดว่า “หึ !”แล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มของตัวเอง

เป็นเวลาสองวันเต็มของวันหยุดสุดสัปดาห์ เซิ่งเสี่ยวซิงล้วนเฝ้าสังเกตอารมณ์ของเซิ่งอันหราน

ทันทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หูเล็กๆของเธอก็กระตุกขึ้นมาทันที และวันหยุดสุดสัปดาห์สองวันก็หมดไป และไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าของอวี้หนานเฉิง

ในคืนวันอาทิตย์ เซิ่งเสี่ยวซิงทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอแอบในผ้าห่มแล้วโทรศัพท์ออกไปด้วยความกังวล

“คุณปู่ ตอนนี้หม่าม้าหนูกับลุงอวี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีเลยค่ะ”

“……”

เสียงที่น่าเกรงขามและมั่นคงดังขึ้นมาจากปลายสาย “โอเค เรื่องนี้เดี๋ยวปู่จัดการเอง”

เช้าวันรุ่งขึ้น

ทันทีที่เซิ่งอันหรานมาถึงโรงแรมก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกไป

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ผู้จัดการเซิ่ง”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

ระหว่างทางมาห้องทำงาน ราวกับว่าสายตานับไม่ถ้วนกำลังมองมาที่ตัวเอง ปกติเวลามาทำงานก็ไม่ดึงดูดอะไรใครนี่นา ? เธอสงสัยว่าตัวเองสวมรองเท้าผิดข้าง หรือว่าล้างหน้าไม่สะอาดอะไรพวกนี้

“ผู้จัดการเซิ่ง คุณมาแล้ว”

ได้ยินเสียงเสี่ยวจังดังเข้ามา

“อรุณสวัสดิ์” เซิ่งอันหรานมองเธอ จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “นี่ท่าทางอะไรของคุณ ?”

“ฉันก็แค่ แน่นอนสิคะว่าดีใจแทนคุณ”

เสี่ยวจังยืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของเธอด้วยรอยยิ้ม “คุณยังไม่รู้ใช่ไหมคะ มาค่ะ อย่าตกใจเกินไปนะคะ คุณมาดูเอง”

เธอพูด พลางดึงประตูให้เซิ่งอันหรานเข้าไปในห้องทำงาน

ภายในห้องทำงานเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ มีแทบทุกสี กลิ่นหอมคลุ้งไปทั่ว ตั้งแต่โต๊ะจรดมุมห้อง แทบจะทุกที่ที่สามารถวางดอกไม่ได้ ใครไม่รู้ยังคิดว่านี่เป็นร้านดอกไม้

เซิ่งอันหรานเบิกตากว้าง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”

“คุณยังดูไม่ออกเหรอคะ ?”

เสี่ยวจังยิ้ม “นี่จะต้องเป็นของที่สามีคุณส่งมาเซอร์ไพรส์แน่นอนเลยค่ะ และอีกอย่าง มันก็ใกล้วันวาเลนไทน์แล้วด้วยสิ !ส่งกุหลาบมาได้ตรงเวลาจริงๆ”

เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว ด้วยความสงสัยมากขึ้น

คนในโรงแรมล้วนรู้ว่าเธอมีลูกแล้ว ดังนั้นจึงเลยเข้าใจว่าเธอมีสามี เพียงเพื่อจะหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด เธอจึงไม่ได้อธิบายออกไป ดังนั้นเมื่อได้รับดอกกุหลาบในห้องทำงานพวกนี้ พวกเขาจึงเข้าใจผิดไปเองว่า นี่เป็นของขวัญที่สามีเธอส่งมาให้มันก็สมเหตุผลแล้ว

มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ดีว่า สามีของตัวเองนั้นมาจากไหน ? ถึงแม้ว่าเธอจะมีชื่อเสียงมากกว่านั้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสั่งดอกไม้มาให้เธอเต็มไปหมดแบบนี้

หลังจากการเตือนของเสี่ยวจัง เธอถึงเห็นการ์ดบนโต๊ะ

‘แด่คุณเซิ่งเพียงผู้เดียว’

“ผู้จัดการเซิ่ง สามีของคุณทำไมมีเอกลักษณ์ขนาดนี้ แต่งงานกันแล้วยังเรียกกันว่าคุณอยู่เลย !”

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ตื่นเต้นของเสี่ยวจัง เซิ่งอันหรานก็โกรธจัดจนซ่อนการ์ดไว้ข้างหลัง “คุณไปทำงานคุณสิ มองอะไร ว่างมาเหรอ ?”

“ไม่ดูก็ไม่ดู ฉันก็ไม่อยากเห็นคนอวดแฟนค่ะ”

เสี่ยวจังส่ายศีรษะ แล้ววิ่งออกไปพร้อมรอยยิ้ม

เซิ่งอันหรานถูกทิ้งให้อยู่ในห้องทำงานคนเดียว เธอค่อยๆเปิดการ์ดออก และสายตาก็เลื่อนไปมองตัวอักษรอันทรงพลังว่า ——“ต้องขอโทษกับเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยจริงๆ”

ท่าทางของเซิ่งอันหรานหยุดนิ่ง และหลังจากครุ่นคิดอะไรบางอย่าง อารมณ์โกรธของเธอในสองสามวันนี้ก็ค่อยๆหายไป หางตาของเธอยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม และความอบอุ่นที่อธิบายไม่ได้ก็แผ่ซ่านเต็มหัวใจของเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน