อุณหภูมิร่างกายของทั้งสองสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จูบที่ดูดดื่มค่อยๆเคลื่อนลงไปที่ลำคอ และหน้าอก มือใหญ่คู่นั้นค่อยๆลูบไล้บนร่างของหญิงสาว หญิงสาวดูไร้เรี่ยวแรงที่ปฏิเสธหรือขัดขืน ในสมองเธอมันว่างเปล่าไปหมด
“ก๊อก ๆ ๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดขวางความตั้งใจของชายหนุ่ม
“ผู้จัดการเซิ่ง เหวินเหวินฟื้นแล้ว ควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้? ตำรวจก็มาแล้ว”
เซิ่งอันหรานผลักอวี้หนานเฉิงออกไปในทันที เธอลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก
"ก๊อก ๆ ๆ"
“ผู้จัดการเซิ่ง คุณอยู่ที่นี่หรือเปล่า ? ”
ทางด้านข้างของประตูห้องทำงาน น้ำเสียงของเสี่ยวจังดูเหมือนเกิดความสงสัย
เซิ่งอันหรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอพยายามตั้งสติ “อยู่ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ยิน ฉันมีธุระที่จะต้องทำนิดหน่อย ภายในห้านาทีนี้ฉันจะถึงนี่นั่น คุณไปก่อนเถอะ”
“คุณมีธุระอะไร? ต้องการให้ผมช่วยไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เซิ่งอันหรานก็ตกตะลึง เธอรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ต้อง ฉ...ฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อกี้ตอนที่ช่วยคนทำให้เสื้อผ้าเลอะน่ะ”
ในที่สุดเสี่ยวจังก็เดินจากตรงนั้นไป เซิ่งอันหรานถอนหายใจด้วยความโล่ง เธอหันหลังกลับมา และเห็นว่าอวี้หนานเฉิงกำลังมองเธออยู่ เขาหรี่ลงเล็กน้อย แววตาของเขาดูเจ้าเล่ห์มาก
“คุณโกหกโดยไม่กะพริบตาอย่างนั้นเหรอ ? ”
แก้มของเซิ่งอันหรานแดงขึ้นในทันที เธอจ้องไปที่เขา “ก็ไม่ใช่เพราะคุณเหรอ ?””
“ที่จริงแล้ว คุณโกหกไม่เก่งเลยนะ” อวี้หนานเฉิงกอดอก “มีคนตั้งเยอะที่เห็นผมอุ้มคุณเดินเข้ามาที่นี่ คุณคิดว่าผู้ช่วยของคุณ ไม่รู้ว่าผมอยู่ที่นี่ ? "
เมื่ออวี้หนานเฉิงพูดจบ สีหน้าของเซิ่งอันหรานก็เปลี่ยนไป เธอหยุดชะงักไปเป็นเวลานาน
ก็แค่หินถูกเท้าไม่ใช่เหรอ ?
“คุณรู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว? ”เซิ่งอันหรานกัดฟันกรอด “คุณจงใจ”
“ใช่ ผมจงใจ” อวี้หนานเฉิงตอบอย่างสบายๆ “ฟันต่อฟัน”
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว “อะไรอีกล่ะ ? ฉันไปยั่วยุอะไรคุณอีก”
อวี้หนานเฉิงจ้องไปที่เธอ และพูดขึ้นว่า
“เรื่องระเบียบของบริษัทที่พูดกันที่เมืองโบราณ คุณลืมไวจังนะ”
ทันทีที่เซิ่งอันหรานนึกขึ้นได้ ใบหน้าของเธอแดงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก "ตอนนั้นฉัน..."
'นั่น' เธอพูดคำว่านั่นเป็นเวลานาน และนอกจากคำว่า 'นั่น' แล้ว เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เซิ่งอันหรานรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เป็นเพราะว่าเรื่องนั้น ทำให้คุณติดใจมาจนถึงทุกวันนี้ และต้องการเอาคืนฉัน วันนี้ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก คุณจงใจแก้แค้น...”
อวี้หนานเฉิงหันกลับมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุม
“ใคร แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะต้องเอาไปคืนหรือตอบโต้คุณ”
“ไม่อย่างนั้น จะเป็นเพราะสาเหตุอะไรได้อีกล่ะ ?” ใบหน้าของเซิ่งอันหรานดูขุ่นเคือง เธอพูดพึมพำเบาๆ “คุณเผยข้อบกพร่องของฉันในที่ประชุมต่อหน้าผู้คนมากมาย เป็นเพราะคุณต้องการแค้นฉัน”
"คุณพูดอะไรน่ะ ? "
“ฉันไม่ได้พูดอะไร”เซิ่งอันหรานหลบสายตาของเขา และเบนสายตาออกไปทางด้านข้าง
อวี้หนานเฉิงเหลือบมองที่เธออีกครั้ง จากนั้นก็จ้องมองไปที่กุหลาบช่อใหญ่ที่ถูกจัดไว้ในแจกันตรงมุมห้อง เขารีบเก็บอาการที่ถูกส่งผ่านออกมาทางแววตา และแสร้งทำเป็นพูดขึ้นอย่างเย็นชา
"กลิ่นดอกไม้มันแรงเกินไป ต่อไปอย่าเอามาวางในห้องทำงานนะ ไม่มีรสนิยมเอาซะเลย"
ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าขยะแขยง เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว และกล่าวออกมาว่า
"ไม่มีรสนิยม ? แล้วคุณส่งดอกไม้นี้มาให้ฉันทำไม ?"
อวี้หนานเฉิงนิ่งเฉย นัยน์ตาของเขาแสดงออกถึงความสงสัย
“ฉันเป็นคนธรรมดาๆ ก็คู่ควรกับดอกไม้ที่มีรสนิยมธรรมดาๆแบบนี้จริงมั้ย ” เซิ่งอันหรานมองเขาด้วยความขุ่นเคือง เธอยืนขึ้น พร้อมกับไอแห้งๆ “ฉันจะออกไปก่อนนะ คุณรอจนกว่าจะไม่มีใครอยู่ข้างนอก แล้วคุณค่อยออกไป”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินจากไปด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ แม้ว่าเธอจะเก็บอาการและไม่แสดงออก แต่ในความเป็นจริง การแสดงออกของเธอล้วนแต่อยู่ในสายตาของอวี้หนานเฉิง
หลังจากที่เธอออกจากห้องไปแล้ว อวี้หนานเฉิงก็ลุกขึ้นและเดินไปที่แจกันดอกกุหลาบ เขาหยุดอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง เมื่อเห็นการ์ดวางอยู่ใต้แจกัน อวี้หนานเฉิงก็ดึงมันออกมา และเมื่อเห็นข้อความที่เขียนไว้บนการ์ด เขาก็อดที่จะแสยะยิ้มออกมาไม่ได้
ความจริงปรากฏ
ชายชราช่วงนี้คงจะว่างมากน่าดู ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ !
ในเลานจ์ เหวินเหวินเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวและอ่อนล้า เธอมีเพื่อนร่วมงานหญิงคอยปลอบโยนอยู่ข้างๆตลอดเวลา
“เหวินเหวิน” เซิ่งอันหรานเดินแหวกกลุ่มคนเข้าไปจนถึงขอบเตียง น้ำเสียงของเธออ่อนโยนมาก “เป็นอย่างไรบ้าง? ยังมีตรงไหนที่ทำไม่สบายอีกไหม ? ”
เหวินเหวินส่ายหน้า น้ำตาหยดใหญ่ไหลร่วงลงบนผ้าปูเตียง
“ฉันจะต้องสืบหาความจริงของเรื่องนี้ให้ได้ ต่อไปได้อย่าคิดสั้นแบบนี้อีกนะ หากว่าคุณย่าของเธอรู้ ท่านจะเสียใจมากแค่ไหน?”
เซิ่งอันหรานจับมือที่เย็นยะเยือกของเธอเอาไว้ ด้วยความสงสาร
เหวินเหวินได้รับคัดเลือกให้มาทำงานเป็นพนักงานต้อนรับเมื่อเดือนก่อน แม้ว่าเธอจะลาออกจากโรงเรียนก่อนที่จะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษา แต่เธอก็เป็นคนที่ทำงานละเอียดและรอบคอบ เธอเป็นคนเก็บตัวและพูดไม่เก่ง เป็นเด็กจากหมู่บ้านบนภูเขาที่ยากจน เธอต้องการเพียงแค่ทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เลี้ยงคุณย่าที่แก่ชรา ภูมิหลังเหล่านี้ของเซิ่งอันหรานนั้นรู้มาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องการขโมยของของเหวินเหวิน ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด และเธอก็ไม่เชื่อว่าเหวินเหวินจะเป็นคนทำเรื่องนี้
ในขณะที่เธอทำการปลอบใจเหวินเหวินอยู่นั้น ด้านนอกก็เกิดความโกลาหลขึ้น
"เกิดอะไรขึ้น ? "
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้วและถาม
“หลินเสวี่ย” เสียงคนรอบข้างสนทนาโต้ตอบกัน
เมื่อได้ยินคำว่า 'หลินเสวี่ย' เซิ่งอันหรานก็สัมผัสได้ว่ามือของเหวินเหวินนั่นสั่นเทาขึ้น ดูเหมือนเธอกลัวเป็นอย่างมาก
“ไม่ต้องกลัว ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้มันชัดเจนเอง ” เซิ่งอันหรานตบเบาๆที่มือของเหวินเหวิน จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกไป “ทุกคนก็แยกย้ายกันเถอะ ให้เหวินเหวินได้พักผ่อนก่อน”
“พักผ่อน ? ” ทันทีที่ประตูปิด ก็มีเสียงพูดดังขึ้นมา “หากว่าทุกคนที่ขโมยของ ใช้วิธีการฆ่าตัวตายเพื่อให้คนอื่นเห็นอกเห็นใจล่ะก็ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็อยากจะเห็นคนร้ายที่ควรจะติดคุกกระโดดลงจากตึกเพื่อฆ่าตัวตายสักครั้งเหมือนกัน "
เซิ่งอันหรานจ้องไปที่เธอ ส่วนหลินเสวี่ยก็กำลังยืนกอดอกและมองมาที่เธอเช่นเดียวกัน ใบหน้าที่บริสุทธิ์ของเธอเต็มไปด้วยการร่องรอยแห่งการดูถูกและเหยียดหยาม เธอสวมกางเกงขาสั้นแนวสปอร์ตสีเขียวเข้ม และเสื้อเชิ้ตสีดำหลวมๆ ซึ่งมันทำให้เธอดูตัวเล็กกะทัดรัดและดูดีมาก
ภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่ดูไร้เดียงสา งดงาม และกำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ นิสัยส่วนตัวของเธอนั้น เธอเป็นคนเอาแต่ใจและขี้โมโห ระหว่างที่อยู่ในโรงแรม ได้ยินมาว่าเนื่องจากละครเรื่องนี้ ทำให้เธอมักจะมีความขัดแย้งกับเกาหย่าเหวินสตรีหมายเลขหนึ่งของรายการอยู่บ่อยๆ
“คุณหลิน พวกเราไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบัง แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจน มันไม่เหมาะที่จะสรุปง่ายๆ แบบนี้”
“ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ เธอเป็นคนเดียวที่เข้ามาในห้องของฉัน และกล้องวงจรปิดหลายตัวก็จับภาพของเธอเอาไว้ได้ แล้วฉันจะปรักปรำเธอได้ยังไง ?”
หลินเสวี่ยขมวดคิ้ว ใบหน้าของเธอดูไม่พอใจ “ฉันคิดว่าคุณตั้งใจปกป้องเธออย่างเห็นได้ชัดเจน คุณพยายามช่วยเหลือเธอ ทำไมเหรอ ? คุณเป็นญาติกับเธออย่างนั้นเหรอ ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซิ่งอันหรานก็กลอกตาอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่สีหน้าของเธอก็ยังคงสงบนิ่งอยู่ “เรื่องนี้…”
“เรื่องนี้ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องสอบสวน ฉันไม่ได้ติดใจอะไรกับสร้อยคอเส้นนั้นหรอก แต่ฉันแค่เกลียดคนที่ชอบขโมยของเอามากๆ ดังนั้นฉันต้องการเพียงอย่างเดียว คือไล่เธอออก เพียงแค่ไล่เธอออก เรื่องนี้ก็จบ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยล่ะก็ ฉันคิดว่าคุณก็น่าจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย”
หลินเสวี่ยพูดขึ้นแทรก เธอยกคางแหลมเล็กของเธอขึ้นอย่างหยิ่งผยอง
“ยังไงซะ ผู้หญิงขี้ขโมยคนนี้ก็เป็นลูกน้องของคุณ หากว่าฉันต้องการที่จะตรวจสอบขึ้นมาจริงๆ คุณก็เตรียมตัวแพ็กของแล้วไสหัวออกไปได้เลย”
เซิ่งอันหรานกำหมัด
“คนที่ควรแพ็กและไสหัวออกไปจากที่นี่เป็นคุณมากกว่า คุณหลิน”
เสียงเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้นจากมุมทางเดิน และมันดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างให้หันกลับมามอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน