เกาจ้านพลางย่างเข้าไปใกล้ พลางเอ่ยถาม ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร รูปร่างนายแบบ ราวกับหุ่นลองเสื้อเดินได้ เขาสวมชุดสูทสีขาวทำให้บุคลิกดั่งผู้รากมากดี
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เป็นไปตามคาด สิ่งแรกที่เขาทำคือถามถานซูจิ้ง
“ทำไม? คุณเป็นคนเปิดที่นี่ แล้วฉันอยู่ไม่ได้งั้นเหรอ?”
“แน่นอนว่าผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” เกาจ้านลูบจมูกพลางยิ้มเบาๆ ก่อนจะหุบลง
“ก็เมื่อคืนมีใครบางคนบอกว่า หลังจากนี้ไปให้ต่างคนต่างใช้ชีวิต ทางใครทางมัน ไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันอีก นี่เพิ่งจะผ่านมาไม่นานเท่าไหร่เอง...”
“ขอโทษนะ เรื่องที่พูดเมื่อคืนไม่ถือว่าเป็นโมฆะ” ถานซูจิ้งเหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ทันใดนั้นก็กวักมือเรียกใครบางคนจากด้านหลังเขา น้ำเสียงหวานแหวว “ที่รัก มานี่หน่อยสิคะ”
คนที่เดินเข้ามาคือแขกที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาแขกชาวต่างชาติทั้งหมดในงาน ชายหนุ่มผมบลอนด์ ไหล่กว้าง รูปร่างแข็งแรงกำยำแบบชาวตะวันตกสูงใหญ่กว่าเกาจ้านอย่างเห็นได้ชัด มีออร่ายิ่งกว่า เมื่อเดินเข้ามาถึง ถานซูจิ้งกุมมือเขาไว้อย่างเสน่หา
“ขอแนะนำหน่อยนะคะ นี่คือแฟนฉันค่ะ สเปนเซอร์”
หลังจากกล่าวทักทาย เซิ่งอันหรานตกใจจนพูดอะไรไม่ออก รีบร้อนดึงอวี้หนานเฉิงหนีออกมา
นิสัยของถานซูจิ้งและเกาจ้านต่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร ทนใช้ชีวิตอย่างทุกข์ระทมเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเอง ทุกครั้งที่พวกเขาเผชิญหน้ากันต้องตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอยู่เสมอ เธอชินชากับฉากแบบนี้ แต่ครั้งนี้ เซิ่งอันหรานรู้สึกว่าถานซูจิ้งเล่นแรงเกินไป สีหน้าของเกาจ้านหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเซิ่งอันหรานและอวี้หนานเฉิ้งจากออกมา สีหน้าของเกาจ้านก็เคร่งขรึมขึ้น เขากัดฟันพูด
“ถานซูจิ้ง ถ้าผมจำไม่ผิด เราเลิกกันเมื่อคืน เพิ่งไม่นานเอง คุณก็มีคนใหม่ซะแล้ว”
“แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ถานซูจิ้งเหลือบเขาอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันหาคนใหม่หลังจากที่เลิกกันไปแล้ว ไม่เหมือนใครบางคน ก่อนจะเลิกมีคนใหม่ไปตั้งเท่าไร่แล้วก็ไม่รู้”
“ผมบอกไปแล้วว่าคนนั้นเป็นน้องสาวของเพื่อน”
“ถ้าอย่างนั้นคุณคงมีน้องสาวของเพื่อนเยอะมากจริงๆ”
“......”
อีกด้าน เซิ่งอันหรานจับแขนอวี้หนานเฉิงไว้ ติดตามเขาไปดื่มกับเหล่าแขกเหรื่อทั้งหลาย หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าก็แดงก่ำ ร่างกายโอนอ่อนซบลงข้างๆ อวี้หนานเฉิง
เสียงดนตรีภายในงาน ท่ามกลางแขกชาวต่างชาติมากหน้าหลายตา มีชายหนุ่มเดินเข้ามาชวนเซิ่งอันหรานไปเต้นรำด้วยอย่างเป็นมิตร
เซิ่งอันหรานที่ถูกเชื้อเชิญเดินเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ
เธอสวมชุดเดรสสลิงสีแดงเข้ารูป ยามร่ายรำชายกระโปรงปลิวไสวอย่างเพริศพริ้ง แสงไฟสาดส่องลงมายิ่งขับให้เธอดูสง่างามมากขึ้น จนผู้คนไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้ ผู้ชมชายหนุ่มต่างเข้ามาเชยชมมากขึ้นเรื่อยๆ
เกาจ้านเดินไปข้างๆ อวี้หนานเฉิงพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ
‘กริ๊ง’ เสียงใสๆ ของแก้วกระทบกันดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงดนตรี จ้องมองไปยังเรือนร่างที่กำลังร่ายรำอยู่บนฟลอร์ เกาจ้านพูดติดตลก “ผู้ชายมองเธอเยอะขนาดนี้ คุณไม่หึงเหรอ?”
“คนที่ต้องอิจฉาควรเป็นพวกเขาไม่ใช่เหรอ?” อวี้หนานเฉิงพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ พลางจิบไวน์ “ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้แต่พวกเขาทำได้แค่มอง คนที่แตะต้องได้มีแค่ผมคนเดียว”
“จิตใจดีจริงๆ เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้” เกาจ้านหยักไหล่ “แต่อาจจะเป็นเพราะว่าอายุมากขึ้น จิตใจผมตอนนี้จึงไม่ได้ดีขนาดนั้น”
อวี้หนานเฉิงเหลือบมองเขา น้ำเสียงนุ่มลึกพูดแก้ต่าง
“ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้จิตใจดีอะไรหรอก เพียงแค่ไม่สนใจ”
เปลี่ยนผู้หญิงรอบตัวบ่อยเสียยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า บางครั้งคนที่นอนด้วยเมื่อคืนพอรุ่งเช้าตื่นขึ้นมาจำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ จิตใจดีงามอะไรนั่น เขาไม่เคยสนใจมาตั้งแต่ต้น ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความต้องการทางกาย
“หมายความว่าตอนนี้สนใจ?”
“ตอนนี้เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคุณกำลังสนใจ แค่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ” อวี้หนานเฉิงมองดูอะไรบางอย่างดูไกลๆ อย่างครุ่นคิด “ถ้าแสร้งพูดต่อไป คนคนนั้นก็จะไม่ใช่คนของคุณอีกแล้วจริงๆ”
เกาจ้านขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
“ดูเองสิ”
เมื่อมองตามสายตาของอวี้หนานเฉิง เกาจ้านเห็นคนสองคนยืนอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนมในมุมมุมหนึ่งตรงฟลอร์เต้นรำ มือข้างหนึ่งของถานซูจิ้งกุมมือแฟนใหม่ของเธอ ส่วนอีกข้างกำลังป้อนผลไม้ให้เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน