ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 137

“ถึงแล้ว ฉันอยู่ในลานจอดรถ กำลังหาที่จอดรถอยู่ อย่ามากังวลเรื่องพวกเราเลย ไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคอนเสิร์ตเถอะ”

“พี่สาว ตรงนั้นวางอยู่ ” เสียงของเทียนเอินดังขึ้นขัดจังหวะเซิ่งอันหราน

“จริงเหรอ ? ตรงไหน ?”

หลังจากมองเห็นมือของเทียนเอินชี้ไปยังที่จอดรถที่ว่างอยู่ เซิ่งอันหรานก็รีบหมุนพวงมาลัยกลับ “เส้าซือ ฉันไม่คุยกับนายแล้วนะ ถ้าจอดรถเสร็จแล้วฉันจะโทรหาผู้ช่วยของนายเอง”

“ตกลง” เสียงของเส้าซือดังออกมาจากโทรศัพท์

กว่าจะหาที่จอดรถได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากจอดรถที่ยืมมาจากถานซูจิ้งเสร็จ เทียนเอินก็จับมือของเซิ่งเสี่ยวซิงและเดินตามเซิ่งอันหรานไปที่หลังเวที ผู้ช่วยของเส้าซือยืนรออยู่ที่ประตูนานแล้ว

ผู้ช่วยถอนหายใจทันที เมื่อเห็นเซิ่งอันหราน จากนั้นก็พาเธอไปยังห้องแต่งตัวและพูดขึ้นว่า

“พี่อันหราน ในที่สุดคุณก็มาถึงสักที ซือเส้าเร่งเร้าฉันกว่าเวลาสองชั่วโมงแล้ว เขาให้ฉันมารอคุณที่นี่ตั้งแต่ตอนเที่ยง เพราะกลัวว่าคุณจะหาสถานที่ไม่เจอ”

เซิ่งอันหราน ทำอะไรไม่ถูก

“จะหาไม่เจอได้ยังไง เส้าซือน้อยประเมินฉันต่ำเกินไปแล้วนะ คอนเสิร์ตครั้งแรกยังดูเหลวไหลแบบนี้ ครั้งต่อไปใครจะกล้ามาล่ะ ”

ขณะที่พูด ช่างเทคนิคทั้งสองถืออุปกรณ์ประกอบฉากเดินผ่านหน้าของเธอราวกับสายลม อีกนิดเดียวก็เกือบจะชนเข้ากับหน้าเซิ่งอันหราน แต่โชคดีที่เทียนเอินดึงเธอหลบออกมาได้ทันเวลา

ผู้ช่วยตกใจสีหน้าซีดเซียว และตะโกนใส่ช่างเทคนิคทั้งสองคนว่า

“พวกคุณทำอะไรน่ะ ? ดูทางเดินหน่อยสิ เดินเกือบจะเดินชนคนนี้ได้ยังไง”

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร"

เซิ่งอันหรานไม่ถือสา

ที่โถงทางเดินมีคนเดินสวนไปมาอย่างแน่นหนา ทุกคนกำลังเตรียมงานครั้งสุดท้ายสำหรับการเริ่มต้นคอนเสิร์ต คนเยอะ เรื่องที่จะต้องทำก็เยอะ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปสร้างปัญหาให้พวกเขาเพิ่ม

เซิ่งอันหรานมองเซิ่งเสี่ยวซิงด้วยความกังวล ในขณะที่เธอกำลังจะบอกให้เทียนเอินดูแลเด็กน้อยดีๆ ปรากฏว่า จู่ ๆ เทียนเอินก็อุ้มเซิ่งเสี่ยวซิงขึ้นมา เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้อะไรมาสัมผัสหรือถูกตัวเธอได้

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง อันที่จริงความทรงจำครั้งแรกของเธอที่มีต่อเทียนคือตอนที่เธอขับรถชนเขา และหลังจากที่เขาได้สติขึ้นมาตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล ใบหน้าของเขาในตอนนั้นมันดูน่ากลัวมาก เขาดูเหมือนกับเด็กที่เพิ่งได้ออกมาเผชิญกับโลกกว้าง สับสน และเธอเป็นเพียงคนเดียวที่เขาสามารถเป็นที่พึ่งพาให้กับเขาได้

ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ว่าความทรงจำเขายังไม่กลับมา แต่เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก

บางทีเขาอาจจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้นแล้วก็ได้ แต่เธอก็อดสงสัยในเรื่องนั้นไม่ได้ เทียนเอินโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหนกันนะ ทำไมถึงได้ดูมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ ?

“ตรงนี้มีคนเยอะเกินไป อย่างนั้นผมจะพาเสี่ยวซิงซิงเดินไปข้างหน้าก่อน ” เสียงของเทียนเอินดึงสติของเซิ่งอันหรานที่กำลังคิดฟุ้งซ่านให้กลับมา

“ก็ได้ ” เซิ่งอันหรานพยักหน้า “คุณพาเธอเดินนำไปก่อนก็ได้ ฉันขอพูดอะไรกับเส้าซือสักสองสามประโยค นี่ก็น่าจะใกล้เวลาแล้ว ”

ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ตอบอย่างเร่งรีบและเหลือบมองดูเวลาในโทรศัพท์ “ใกล้ถึงแล้ว จะเริ่มในอีกสิบนาทีนี้”

เทียนเอินอุ้มเซิ่งเสี่ยวซิงไปที่ด้านหน้าเวที ส่วนเซิ่งอันหรานก็เดินตามผู้ช่วยเข้าไปในห้องแต่งตัว

“เส้าซือล่ะ ?” เมื่อมองไปรอบๆ สไตลิสต์ ช่างแต่งหน้า เจ้าหน้าที่ และคนอื่นๆ กำลังยืนอยู่ในห้อง โดยไม่เห็นแม้แต่เงาของชายที่คุ้นเคย

“เพิ่งไปเข้าห้องน้ำ อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับมา ” เจ้าหน้าที่ตัวแทนตอบกลับ เมื่อเห็นเซิ่งอันหราน เขายิ้มอย่างกระตือรือร้น “อันหรานมาแล้วเหรอ นั่งลงสิ ทำไมไม่เห็นเสี่ยวซิงซิงเลย ?”

“ด้านหลังเวทีมีคนเยอะมากอยู่แล้ว ฉันกลัวว่าจะมาสร้างปัญหาให้พวกคุณเปล่าๆ ก็เลยส่งเธอไปรอทางด้านหน้าเวทีแล้ว ”

สมาชิกในทีมที่รับผิดชอบงานการแสดงของเส้าซือล้วนแล้วแต่คุ้นเคยกับเซิ่งอันหราน ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตัวแทนและผู้ช่วยได้ไปถ่ายทำรายการวาไรตี้ท่องเที่ยวด้วยกัน ทั้งทีมรู้สึกชอบเสี่ยวซิงซิงเป็นพิเศษ

แม้ว่าอวี้หนานเฉิงจะพูดอยู่เสมอว่าเขาไม่ชอบเส้าซือ แต่ทีมงานของเส้าซือนั้นยอดเยี่ยม พวกเขายินดีที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อประชาสัมพันธ์ ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการเดบิวต์รายการวาไรตี้ บัตรคอนเสิร์ตก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซิ่งอันหรานก็รู้สึกซาบซึ้งใจ เวลานี้ทำให้เธอสามารถลืมความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงไปได้ครู่หนึ่ง

“คุณผู้หญิง คุณเข้าไปไม่ได้...”

“ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้ ?คุณไม่รู้หรือว่าฉันมีความสัมพันธ์กับเสี่ยวซือ”

เสียงเอะอะทางด้านนอกดึงดูดความสนใจของคนในห้อง

ทันทีที่มีเสียงเปิดประตูเข้ามา ช่อดอกไม้สีชมพูขนาดใหญ่ก็นำหน้ามาก่อน เฉพาะช่อดอกไม้ก็บังเกือบครึ่งท่อนของร่างกายคนแล้ว ได้ยินเพียงเสียงของผู้หญิงเท่านั้น

"เสี่ยวซือ เซอร์ไพรส์ ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จในคอนเสิร์ตครั้งแรกของนาย!"

“นี่ใครล่ะ ?” เจ้าหน้าที่ตัวแทนขมวดคิ้วทันที “เป็นแฟนคลับงั้นเหรอ ?ใครปล่อยให้เธอเข้ามา ?”

รปภ.ที่ประตูมีสีหน้าดูกังวล “เธอเข้ามาโดยไม่สนใจใคร เธอบอกว่าเธอเป็นพี่สาวของเส้าซือพวกเราเลยไม่กล้าหยุดเธอไว้”

“พี่สาวอะไรกัน” สีหน้าของเจ้าหน้าที่ตัวแทนเปลี่ยนไป “พี่สาวของเส้าซือนั่งอยู่ตรงนี้ และจะมีพี่สาวอีกคนได้ยังไง รีบเอาตัวเธอออกไป”

“เซิ่งอันหราน?” เมื่อผู้ที่อยู่ทางด้านหลังของช่อดอกไม้ได้ยินคำพูดของเจ้าหน้าที่ตัวแทน เธอก็ลงช่อดอกไม้ลงและเผยใบหน้าในทันที เมื่อเธอเห็นเซิ่งอันหรานสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?”

คราวนี้เจ้าหน้าที่ตัวแทนถึงกับตกตะลึงและถามขึ้นอย่างลังเลว่า “อันหราน คุณรู้จักกันเหรอ?”

เซิ่งอันหรานกำลังดื่มชาอย่างช้าๆ และยิ้มกลบเกลื่อน "คิดว่าน่าจะพอรู้จัก"

ตั้งแต่เซิ่งอันเหยาเริ่มการแสดงของเธอ เซิ่งอันหรานก็พอจะเดาออกว่านี้เป็นเสียงของเซิ่งอันหยา ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกขนลุก เธอมองดูความสนุกอยู่ทางด้านข้างอย่างมีความสุข เธออยากรู้ว่าเซิ่งอันเหยาเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับคำเชิญจากเส้าซือได้อย่างไร ทำไมถึงได้หน้าด้านขนาดนี้

“น่าจะพอรู้จัก ? เซิ่งอันหราน เธอหมายความว่ายังไง ?” เซิ่งอันเหยาวางช่อดอกไม้ไว้บนโซฟา เธอมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ไม่พบเส้าซือ เธอจึงเบิกตาโตขึ้น

“อยู่ข้างนอกจนชินแล้วสินะ ถึงได้จำพ่อแม่พี่น้องของตัวเองไม่ได้? นางจิ้งจอก คำพูดนี้ ทำไมเธอถึงไม่พูดกับคุณพ่อตอนที่อยากจะได้บ้านของท่านล่ะ ?”

ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ออกมาจากปากของเซิ่งอันเหยา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็เข้าใจถึงที่มาที่ไปของแขกที่มาเยือนได้ในทันที หลายคนกระซิบและพูดคุยกันไปต่างๆนานา

“ไม่รู้กาลเทศะ” เซิ่งอันหรานมองดูเธออย่างเฉยเมย “เธอเข้ามาอย่างเย่อหยิ่ง ฉันเลยไม่กล้าอยากจะรู้จักกับเธอ ถึงตอนนั้นก็อย่าทำให้เสี่ยวซือเขาขายหน้าล่ะ”

"นี่แก……"

เซิ่งอันเหยาโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด จากนั้นจึงพูดประชดประชันขึ้นว่า

“ฉันมาให้กำลังใจเสี่ยวซือ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ฉันกับเสี่ยวซือโตมาด้วยกัน และจะทำให้เขาขายหน้าได้ยังไง ว่าแต่เธอเถอะ เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานและหนีไปอยู่ต่างประเทศมาตั้งหลายปี พอกลับมาก็หอบเอาลูกกลับมาด้วย ไม่รู้ว่าไปแอบปลูกต้นรักกับใครไว้ ตอนนี้ก็ดันได้มาอยู่ข้างๆท่านประธานเซิ่งถังกรุ้ป คิดว่าตัวเองกลายเป็นนกฟีนิกซ์แล้วหรือยังไง มีอะไรหน้าภูมิใจ ?ที่ได้เป็นแม่เลี้ยงให้กับลูกชายของคนอื่น? "

เซิ่งอันหรานกำหมัดแน่น

สิ่งที่ทำให้เธอรำคาญใจมากที่สุดคือการที่คนอื่นมาพูดถึงลูกของเธอต่อหน้าเธอ โชคดีที่เซิ่งเสี่ยวซิงไม่อยู่ที่นี่ หากว่าเซิ่งเสี่ยวซิงอยู่ที่นี่ล่ะก็ เธอคงจะฉีกปากของเซิ่งอันเหยาไปนานแล้ว

“เรื่องส่วนตัวของฉัน ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการที่ฉันมาให้กำลังใจน้องชายหรอก จริงไหม ?พี่สาว”

ทันทีที่เเซิ่งอันหราน พูดเน้นคำว่า 'พี่สาว' ดูเหมือนว่าน้ำเสียงมันจะดูแปลกๆ "แต่ว่านะพี่สาว หลายปีมานี้ พี่รู้สึกยังไงกับเสี่ยวซืออย่าคิดนะว่าคนอื่นเขาจะไม่รู้ ? มาให้กำลังใจเสี่ยวซือถึงที่นี่ ไม่กลัวพวกผู้ชายที่พี่เลี้ยงไว้ที่บ้านจะหึงเอาเหรอ ?”

ทันทีที่เสียงพูดของเซิ่งอันหรานแผ่วเบาลง ใบหน้าของเซิ่งอันเหยาก็ดูซีดเซียว

“แก กำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ?”

ทำไมเซิ่งอันหรานถึงได้รู้เรื่องในครอบครัวของเธอล่ะ ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน