“ในข่าวก็เขียนบอกไว้หมดแล้ว คุณยังมีเรื่องเข้าใจผิดอะไร ?”
สีหน้าของอวี้หนานเฉิงดูสงบ เมื่อเขาพูดถึงข่าวที่โหมกระหน่ำตั้งแต่เมื่อคืนนี้
เซิ่งอันหรานมองดูเขา แม้จะไม่พอใจ แต่เธอก็พยายามเก็บอาการ
“สิ่งที่นักข่าวเขียน แม้ว่ามันจะไม่ใช่เนื้อหาทั้งหมด แต่ฉันก็อยากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่น คุณอย่าบอกฉันนะว่า คุณกับเธอแค่เจอกันโดยบังเอิญที่สนามบินเท่านั้น ”
“ไม่” อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เรื่องคุณหมอชาวเยอรมันได้รับการติดต่อโดยเกาหย่าเหวิน เรื่องนี้ผมไม่ได้ปิดบังคุณ หลังจากพาจิ่งซีมาถึงเยอรมันแล้ว ประจวบเหมาะกับเธอก็มาถ่ายทำโฆษณาที่ประเทศเยอรมันด้วย ดังนั้นพวกเราจึงเจอกัน จนกระทั่งกลับมาถึงที่ประเทศจีนและก็ถูกนักข่าวแอบถ่าย แต่เรื่องนี้โจวฟังได้ไปจัดการแล้ว เดี๋ยวข่าวมันก็คงจะซาๆลงไป "
อวี้หนานเฉิงอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค
เซิ่งอันหรานเกือบจะเชื่อแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะสิ่งที่ถานซูจิ้งบอกกับเธอเมื่อคืนนี้ เธอก็คงจะไม่รู้สึกหงุดหงิดอย่างนี้ ทำไมเธอจึงเป็นคนขี้ระแวงแบบนี้นะ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ทำไมถึงไม่เชื่อเขาล่ะ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ คิ้วของเธอเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
"พูดจบแล้วหรือยัง ?"
“คุณไม่เชื่อ ?” อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว
เขารู้สึกว่าตัวเองพูดได้อย่างชัดเจนแล้ว โตมาจนกระทั่งอายุ 30 ปี เขาไม่เคยใช้เวลาพูดคุยหรืออธิบายเรื่องไร้สาระกับผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้มาก่อนเลย
“ฉันเชื่อ ฉันจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูดแน่นอน”เซิ่งอันหรานเหลือบมองเขา จากนั้นก็ยกข้อมือขึ้นแล้วชี้ไปที่หน้าปัดของนาฬิกา
“ถ้าพูดจบแล้ว ท่านประธานอวี้ก็ออกไปได้แล้ว เวลาพักส่วนตัวของฉันใกล้จะหมดแล้ว เหลืออีกห้านาทีฉันจะต้องไปทำงานต่อ”
เมื่อเห็นความไม่แยแสในแววตาของเธอ อวี้หนานเฉิงก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจถามเธอขึ้นว่า
“เซิ่งอันหราน ผมไม่ชอบเล่นเกมทายปัญหากับผู้หญิง”
“ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน”
ถามคำ ตอบคำ และแทบจะในทันที บรรยากาศมันดูน่าอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
หลังจากผ่านไม่นาน 'ปัง' ประตูของห้องทำงานชนกระทบกับผนัง เมื่อเห็นร่างของอวี้หนานเฉิง ที่เดินจากไป เซิ่งอันหรานก็ค่อยๆกำมือเข้ากับขอบโต๊ะ
ที่อวี้หนานเฉิงสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ แค่ต้องการอยากเห็นเธอโกรธที่เขามีเรื่องความคลุมเครือกับผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างนั้นหรือ?
อย่างนั้นก็ตามใจ
เมื่อออกจากโรงแรมเซิ่งถังไป ในขณะที่อยู่บนรถ อวี้หนานเฉิงไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดและหายใจไม่ทั่วท้องแบบนี้มาก่อนเลย
โจวฟังบังคับพวงมาลัยรถ และกล่าวรายงานการจองร้านอาหาร
“ประธานอวี้ ผมจองร้านอาหารสำหรับเย็นนี้ไว้แล้ว ตอนหกโมงครึ่ง”
“ยกเลิก...” คำพูดสองพยางค์ที่เย็นชาดังขึ้นมาจากเบาะหลังของรถ คำพูดของโจวฟังที่ยังรายงานไม่จบ ต้องชะงักและกลืนกลับเข้าไป
โจวฟังมองผ่านกระจกมองหลังของรถด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของ อวี้หนานเฉิง
“ตกลงครับ ผมเข้าใจแล้ว เป็นเพราะผู้จัดการเซิ่งต้องทำโอทีใช่หรือเปล่าครับ?” เขาถามอย่างงุนงง
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาจากปากของเขา ดวงตาที่เย็นชาและเฉียบคมก็สะท้อนอยู่ในกระจกมองหลัง จู่ๆ โจวฟังก็รู้สึกหนาวขึ้นมา เหมือนกับมีลมเย็นๆพัดผ่านที่ช่องคอของเขา
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?
โชคดีที่จู่ ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันช่วยชีวิตเขาเอาไว้
เป็นสายของเกาจ้าน อวี้หนานเฉิงเหลือบมองและกดปุ่มรับสาย
"ว่าไง?"
เสียงพูดที่ดูระมัดระวังของเกาจ้าน ดังขึ้นมาจากปลายอีกด้านหนึ่ง
“เรื่องข่าว อันหรานรู้เรื่องหรือยัง ?”
“ใช่” น้ำเสียงของอวี้หนานเฉิงเย็นชามาก
“ทะเลาะกันเหรอ ?” เกาจ้านถามอย่างกล้าหาญ
"เปล่า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน