ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 151

เรื่องของข่าว เซิ่งอันหรานไม่ได้เก็บวางใส่ใจ ล้วนเป็นข่าวซุบซิบ ก่อความวุ่นวายและหายเข้ากลีบเมฆ ยิ่งกว่านั้นการใช้คำพูดของสื่อถึงแม้จะน่าเกลียด แต่ก็ยังมีเกี่ยวข้องกับความรัก แฟนคลับที่ก่อกวน แต่ไม่ถึงกับหยาบเถื่อนไม่ใช้เหตุผล แค่สนใจสองวันนี้ก็พอแล้ว

เรื่องนี้ เสี่ยวจังตื่นเต้นเกินไป ว่าท่าทางของอวี้หนานเฉิงถึงจะดูมีเหตุผล

ช่วงบ่ายก่อนที่จะเลิกงาน เซิ่งอันหรานปิดคอมพิวเตอร์เก็บของเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้องทำงาน

พนักงานในสำนักงานยังไม่กลับ เธอมองดูนาฬิกาข้อมือ เงยหน้าขึ้นและพูด“ถึงเวลาก็เลิกงาน ช่วงนี้ไม่ยุ่ง ไม่ต้องรอฉัน”

ทุกคนจึงผ่อนคลายลงปรากฏรอยยิ้มออกมา

“มีอะไร?คือกลัวว่าฉันจะให้พวกเธอทำโอทีใช่ไหม”เซิ่งอันหรานยิ้มและถาม

มีระดับเสียงหัวเราะที่แตกต่างกันในสำนักงาน

คนในสำนักงานตกตะลึงกับสถิติการทำงานล่วงเวลาประจำไตรมาสของสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็มักจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก กลัวว่าหัวหน้างานจะขอให้ทำโอทีอีก

เพิ่งจะออกมาจากลิฟต์ ยังเดินไม่กี่ก้าว เหวินเหวินแผนกต้อนรับก็เรียกเซิ่งอันหราน

“ผู้จัดการเซิ่ง คุณจะกลับแล้ว”

เซิ่งอันหรานหันหน้ากลับมา มองดูสีหน้าที่ตึงเครียดของเหวินเหวิน ก็งงงัน“มีอะไรเหรอ?”

“พี่เสี่ยวจังยังไม่พูดกับคุณเหรอ?ฉันส่งข้อความให้เขาแล้ว”

เหวินเหวินวันนี้ไม่ได้เข้างานเช้า และเพิ่งจะมาถึง เพิ่งเปลี่ยนชุดทำงานเสร็จก็ตรงไปที่แผนกต้อนรับ ป้ายชื่อที่หน้าอกก็ยังไม่ทันได้ติด เข้าไปใกล้เซิ่งอันหรานด้วยความตื่นตระหนก

“ผู้จัดการเซิ่ง เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะมาถึงก็มองเห็นรถตู้คันหนึ่งที่หน้าประตู มีกล้องสองตัวในรถหันมาทางประตูโรงแรมของพวกเรา ฉันเดาว่ามาแอบถ่ายคุณ”

ได้ยิน เซิ่งอันหรานก็ขมวดคิ้วขึ้น ยังมีนักข่าวมาอีกเหรอ

ช่วงนี้วงการบันเทิงกลัวไม่มีข่าวลงแล้วจริงๆเหรอ เส้าซือเพิ่งจะได้รับกระแสนิยมไม่ถึงสองวัน นักข่าวพวกนี้คือไม่มีเรื่องก็เจตนาหาเรื่อง ครั้งนี้คว้าโอกาสนี้ได้ ยังไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์ยังไง

กำลังพูด เสี่ยวจังก็ลงมาจากลิฟต์ เข้ามาเหมือนถูกไฟจี้ ตบศีรษะตัวเองและพูดว่าลืมเรื่องที่จะพูดแล้ว

“ผู้จัดการเซิ่ง วันนี้คุณอย่าออกไป พักอยู่ในโรงแรมเถอะ”เหวินเหวินสีหน้าเป็นห่วง

“ใช่ ห้องประธานอวี้มีคนทำความสะอาดมาโดยตลอด สามารถพักได้โดยตรง…”

เสี่ยวจังพูดได้ครึ่งหนึ่งก็หุบปากตัวเองทันที ก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดผิดรึเปล่า ใช้ดวงตาแอบมองปฏิกิริยาของเซิ่งอันหราน

เซิ่งอันหรานขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าเรียบเฉย แทบจะไม่ได้นำคำพูดนี้มาใส่ใจ

“ไม่ต้องแล้ว ฉันต้องไปรับลูกสาว”

เซิ่งเสี่ยวซิงกับจิ่งซีไปลงทะเบียนคลาสว่ายน้ำ หลักสูตรยังไม่สิ้นสุด เดิมทีหน้าที่รับผิดชอบไปรับไปส่งคืออวี้หนานเฉิง แต่วันนี้ก่อนออกจากบ้านนัดกับพวกเขาแล้วว่าตอนเย็นเธอจะไปรับด้วยตัวเอง

เรื่องที่สัญญาณต่อหน้าลูก เซิ่งอันหรานให้ความสำคัญมาก

“ผมไปส่งคุณ”

เสียงผู้ชายที่ชัดเจนดังมาจากด้านหลังทั้งสามคน

เซิ่งอันหรานหันกลับไปมอง ก็เห็นร่างของเทียนเอิน มือสองข้างล้วงกระเป๋า เสื้อยืดสีขาวกางเกงสีดำเหมือนเดิม ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ แต่ยังมีความสุขุมรอบคอบ

“นายจะไปส่งฉัน?”เซิ่งอันหรานชะงักไปเล็กน้อย

มือของเทียนเอินก็ควักกุญแจรถออกมาส่ายไปมาต่อหน้าเซิ่งอันหราน“ไปไหม?”

——

“ฉันคิดว่าเวลาสั้นๆแบบนี้ นายยังมีฝีมือหารถมาได้นะ”

โรงจอดรถใต้ดิน เซิ่งอันหรานคาดเข็มขัดนิรภัย ยิ้มและพูด“หนานเฉิงให้รถกับนายเมื่อไหร่?”

เทียนเอินขับรถออกไป ทิศทางของนิ้วที่จับพวงมาลัยรถ น่ามองเป็นพิเศษ

“ก่อนที่เขาจะไป ผมไปเบิกเงินค่ารถกับเขา คาดว่าไม่อยากสนใจผมเถอะ”

เซิ่งอันหรานยิ้มอย่างจนปัญญา“เรื่องเบิกเงินเรื่องเล็กพูดกับฉันโดยตรงก็ได้แล้ว และถ้านายขาดเงินก็มาหาฉัน ไม่ต้องไปหาเขา”

“ไม่เป็นไร” เทียนเอินมองถนนนอกกระจกหน้ารถอย่างครุ่นคิด“ผมกับเขาก็คือสัจธรรมความถูกต้องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”

เซิ่งอันหรานคิดว่าเขายังคงพูดถึงเรื่องความรับผิดชอบที่ชนเขาจนได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้

“เทียนเอิน คนที่ชนนายจนได้รับบาดเจ็บคือฉัน หนานเฉิงนำความรับผิดชอบให้กับบริษัทก็เพื่อให้ฉันหลุดพ้นความผิด ฉันรับผิดชอบชีวิตของนายหลังจากนี้จึงจะเป็นสัจธรรมความถูกต้องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”

“ที่ผมพูดไม่ใช่เรื่องนี้ คือเขา…”

เทียนเอินขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดต่อไป

“ใคร?มีอะไรเหรอ?”เซิ่งอันหรานไม่เข้าใจ

“ไม่มีอะไร”เทียนเอินเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ผ่านสะพานลอย ช่วงเวลาแห่งแสงและเงาผสานเข้าด้วยกัน ปิดกั้นความทุกข์ฉับพลันในดวงตาของเขา

“เรื่องข่าวคุณคิดจะรับมือยังไง”

เอ่ยถึงเรื่องนี้ เซิ่งอันหรานก็รู้สึกปวดหัว“ยังไม่รู้เลย ฉันคิดว่าสุดแต่จะเป็นไป เวลานี้ฉันตัวเองเป็นฝ่ายออกไปอธิบายอะไร กลับจะเหมือนส่อแววพิรุธ และยิ่งเสี่ยวซือไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ไม่รู้ว่าทางด้านพวกเขาจะจัดการยังไง”

“หรือว่าจะปรึกษาพวกเขาให้ดี คิดวิธีที่พร้อมเพรียงกัน”เทียนเอินพยักหน้า สายตามีความฉลาดลุ่มลึก

“ผมเห็นมีคนบนอินเทอร์เน็ตกำลังอธิบายความสัมพันธ์ของคุณกับเส้าซือ พูดว่าก่อนหน้านี้รายการท่องเที่ยวที่เซิ่งถังกรุปไม่มีคนรู้ ดูเหมือนฉันกำลังวางแผนตัดความสัมพันธ์”

ได้ยิน เซิ่งอันหรานก็ขมวดคิ้ว “ใช่เหรอ?”

“อืม ผมตรวจสอบผู้เขียนบทความแล้ว ไอดี เป็นพนักงานภายในของเซิ่งถัง แผนกเทคโนโลยี”

หลังจากที่ฐานะของเซิ่งอันหรานถูกแฉออกมา ไม่นานก็มีคนบนอินเทอร์เน็ตตั้งคำถามว่ารายการท่องเที่ยวของเส้าซือมีกำหนดมานานแล้วยัง ถึงยังไงเซิ่งอันหรานก็เป็นคนรับผิดชอบการฉลองครบรอบหนึ่งปี ทั้งหมดอาจจะเป็นการใช้ประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชน์ส่วนตัว

ความสงสัยนี้ ไม่ช้าก็ถูกระงับโดยบทความที่ปรากฏบนอินเทอร์เน็ตอย่างกะทันหัน

บุคคลที่อ้างว่าเป็นพนักงานของโรงแรมเซิ่งถัง อ้างว่าตัวเองรู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง แสดงออกว่าไม่รู้ว่าระหว่างเซิ่งอันหรานกับเส้าซือมีความ

สัมพันธ์อะไรกัน ก็ตัดความสัมพันธ์ของเซิ่งอันหรานกับเซิ่งถังกรุปโดยตรง นำทิศทางการโจมตีเปลี่ยนไป

“เขาเป็นนักธุรกิจ ยังไง การลดความสูญเสียคือข้อพิจารณาแรกของเขา ไม่มีอะไรจะเป็นความผิดให้วิจารณ์”เสียงต่ำของเทียนเอินดังก้องอยู่ในรถ

กลับสะเทือนใจของเซิ่งอันหรานจนรู้สึกอัดแน่นเหมือนมีเชือกรัด

อวี้หนานเฉิงเป็นคนนิยมผลประโยชน์ ดังนั้นในสายตาของเขาเรื่องทุกอย่างก็ต้องมีกำไร บนตัวเขา ยากมากที่จะเห็นความรู้สึกส่วนตัวก้าวก่ายการกระทำที่มีสติปัญญา

คราวนี้เธอเข้าไปพัวพันกับข่าวซุบซิบความรักกับญาติ ถ้าหากไม่มีการชี้แนะของอวี้หนานเฉิง การประชาสัมพันธ์ของเซิ่งถังกรุปก็ไม่กล้าจงใจตอบโต้แบบนี้ เทียนเอินพูดถูก เขามีสติปัญญา วิธีแบบนี้ไม่มีอะไรที่เป็นความผิดให้วิจารณ์ได้ ถึงยังไงดึงบริษัทมาเสียชื่อเสียงเป็นเพื่อนเธอ มีแต่นำโทษมาให้

ดังนั้นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นในปีนั้นของจิ่งซี เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆไหม?

เธอควบคุมไม่ให้ตัวเองคิดเรื่องราวไปทางด้านเลวร้ายไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน