ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 155

ภายในห้องประชุมนั้นเงียบสนิทไปอยู่ครู่หนึ่ง

เซิ่งอันเหยาแทบอดทนไม่อยู่ มือที่พยุงจับมุมโต๊ะอยู่นั้นกำลังสั่นเทา

ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ที่อยากจะจับเซิ่งอันหรานฉีกเป็นชิ้นๆแล้วโยนเธอให้หมากิน

เธอคาดไม่ถึงว่าภาพถ่ายที่น่ารังเกียจเหล่านี้จะถูกถ่ายเอาไว้ แถมยังมาแสดงต่อหน้าเส้าซืออีกด้วย ใช้วิธีนี้มาข่มขู่เธอเพื่อจะตัดโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของเธอที่จะได้เข้าถึงเส้าซือ

“อ่านสิ หรือจะไม่อ่าน?”

เวลาผ่านไปนาน เซิ่งอันเหยากัดฟันแน่น “อ่านสิ”

ก่อนหน้าที่จะเข้าห้องประชุม เซิ่งอันหรานได้ถอดแฟลชไดร์ฟออก แล้วเขียนลงไปว่า

“อีกอย่าง รบกวนเธอไปบอกกับสื่อมวลชนต้าเฟิง อีกทั้งคนในความดูแลของเธอที่เขียนข้อความวิจารณ์ไร้สาระในอินเทอร์เน็ต ให้พวกเขาลบออกไปให้หมด ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เธอคงจะรู้ถึงผลที่ตามมานะ ”

เซิ่งอันเหยายืนอยู่หน้าประตูห้องประชุม เธอหันหลังให้กับเซิ่งอันหราน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากการขบฟันแน่นว่า “ฉันรู้แล้ว”

แต่เธอคอยดูเถอะ เซิ่งอันหราน เธอคอยดูแล้วกัน

งานแถลงข่าวจบลงไปด้วยดี พฤติกรรมของเซิ่งอันเหยาได้รับความเห็นใจจากชาวเน็ต ชาวเน็ตส่วนใหญ่รับฟังในสิ่งที่เธอได้พูดสื่อออกมา ดังนั้นหลังจากที่ได้พูดอธิบายอย่างชัดเจนแล้วว่าเธอกับเซิ่งอันหรานนั้นเป็นเพียงแค่พี่สาวของเส้าซือเท่านั้น คำพูดเหล่านั้นเป็นข่าวลือที่ไร้สาระ

เหล่านักข่าวกลับไปพร้อมกับรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการทำเรื่องให้มันวุ่นวายของสื่อมวลชนเอง ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไรเลย

“ฉันไม่คิดว่าเรื่องนี้มันจะไปเกี่ยวโยงกับเธอได้” เส้าซือยืนแก้วน้ำให้กับเซิ่งอันหราน “ทำไมเธอต้องทำอย่างนั้น”

“นายยังไม่เข้าใจจริงๆหรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่” เซิ่งอันหรานชำเลืองสายตามองไปยังเธอ “นายคิดว่าเมื่อก่อนเธอมุ่งเป้ามาที่ฉันโดยที่ไม่ว่าฉันจะทำก็ตามแต่ ไม่ใช่เพราะว่าเธอชอบนายหรอ ในตระกูลเซิ่งนายไม่ได้สนใจใครเลยนอกจากฉัน”

“ชอบผมหรอ?” เส้าซือทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ผมไม่เคยมีความคิดนี้จริงๆ”

“เธอตามหาผู้ชายที่มีผิวพรรณดี แล้วนายก็ตรงตามแบบที่เธอต้องการมาก” เซิ่งอันหรานกระตุกมุมปาก “เพียงแต่ทำเกินไปหน่อย”

จริงๆแล้วถ้าไม่ใช่ว่าครั้งนี้เซิ่งอันเหยาทำเกินไป เธอก็ไม่เคยจะหยิบเรื่องเหล่านี้เพื่อมาแบล็กเมล์เธอเลย เธอไม่ต้องการจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเซิ่งอันเหยานั้นแข็งกระด้างเกินไป

เพียงแต่เมื่อมองดูแล้ว จะให้อยู่เฉยๆก็คงทำไม่ได้แล้วล่ะ

หลังจากการแถลงข่าวจบได้ไม่ได้นานนัก สื่อมวลชนต้าเฟิงได้ออกมาแถลงการณ์แสดงความขอโทษกับเส้าซือและทั้งสองคนที่เป็นข่าว พร้อมกับให้ค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง นักข่าวและบรรณาธิการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ถูกไล่ออก เพราะถือว่าเป็นการนำความเสียหายมาให้

อวี้หนานเฉิงเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ พายุที่เกิดขึ้นนั้นก็ได้สงบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

“เรื่องราวทั้งหมดจัดการเรียบร้อยดีไหม”

บนโต๊ะอาหาร เซิ่งอันหรานเอามือเท้าคางเพื่อแสดงขอความชมเชย

อวี้หนานเฉิงมองไปยังเธอ “เก่งมาก”

“แล้วมันจะไม่มีผลกระทบอะไรต่อคุณและเครือข่ายของคุณใช่ไหมคะ ” เซิ่งอันหรานพูดออกมาแฝงไปด้วยความเป็นห่วง

อวี้หนานเฉิงไม่ได้ตอบอะไรเธออย่างโดยตรง แต่หยิบกล่องสีขาวใบเล็กที่ติดตัวเขาออกมา แล้วยื่นให้กับเธอ “ลองเปิดดูสิ”

เซิ่งอันหรานตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง วินาทีนั้นหัวสมองก็รู้สึกสับสนวุ่นวาย

พูดออกมาอย่างไม่มีแบบแผนว่า “ผมไม่ทันได้เตรียมอะไรให้มันดี คุณรับอันนี้เอาไว้ก่อนแล้วกันนะครับ”

ยังมีอีกหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ภายในใจของเธอที่เธอไม่เคยบอกกับอวี้หนานเฉิง แล้วมีอีกหลายอย่างที่ตัวเองนั้นยังไม่ได้สืบให้แน่ชัดเลย แล้วเธอจะไปแต่งงานกับเขาได้อย่างไร?

อวี้หนานเฉิงมองเธออย่างไม่เข้าใจ

“คุณต้องเตรียมตัวอะไรหรอ?”

พูดจบเขาก็เปิดกล่องนั้นด้วยตัวเขาเอง “ตอนที่ผมอยู่อิตาลีแล้วไปเจอสิ่งนี้มา ผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณมาก ผมเลยซื้อมาให้ครับ”

ภายในกล่องนั้นคือต่างหูไข่มุกคู่หนึ่ง แสงขาวแวววับของไข่มุกถูกเปล่งออกมา

ใบหน้าของเซิ่งอันหรานแข็งทื่อ แล้วพูดออกมาอย่างเก้อเขินว่า

“ต่างหูหรอ……”

ต่างหูก็ต่างหูสิ ไม่เห็นต้องใส่กล่องแบบนี้ก็ได้ไหม มันทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันไปหมด?

“แล้วคุณคิดว่ามันเป็นอะไรหรอ?” อวี้หนานเฉิงก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจว่าเซิ่งอันหรานนั้นคิดอะไรอยู่ รู้สึกเหมือนงงงวยกับอะไรบางอย่าง

“ไม่มี ไม่มีอะไรค่ะ” เซิ่งอันหรานปกปิดความเก้อเขินด้วยการยิ้มหัวเราะออกมา “ฉันชอบ ฉันชอบมากเลยค่ะ”

“ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่า คุณกำลังรู้สึกผิดหวัง?”

อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว “ไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องฝืน”

“ใครผิดหวังคะ?”

เซิ่งอันหรานเบิกตากลมโต น้ำเสียงของเธอก็สูงขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ผิดหวังนะ”

เด็กทั้งสองที่อยู่บนโต๊ะอาหารก็ต่างดูตกตะลึง และทั้งคู่ก็เงยขึ้นมามอง

“คุณเป็นอะไรหรอ?”

“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” เมื่อพูดจบ เซิ่งอันหรานก็ลุกออกไปจากโต๊ะอาหาร

เมื่อหันไปมองด้านหลังของหม่าม้า เซิ่งเสี่ยวซิงถอนหายใจยาวๆออกมาแล้วหันไปมองยังอวี้หนานเฉิง ก่อนจะพูดด้วยความโกรธเคืองว่า “ลุงอวี้อ่ะ ลุงไม่รู้หรอคะว่าเหตุการณ์แบบนี้ เมื่อผู้หญิงได้เห็นกล่องอย่างนี้แล้วจะนึกถึงอะไรกัน?”

“อะไรหรอ?” อวี้หนานเฉิงไม่เข้าใจ

“พี่จิ่งซี พี่รู้หรือเปล่า?” เซิ่งเสี่ยวซิงหันไปถามจิ่งซี

อวี้จิ่งซีรีบวาดวงกลมลงบนกระดาษวาดรูปของตัวเองทันที เป็นภาพวงกลมหนึ่งวง มีรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนอยู่บนวงกลม แล้วมีขีดสามขีดเพื่อบ่งบอกว่าสิ่งนั้นกำลังเรืองแสงอยู่ พร้อมกับพูดว่า “ป่าป๊าโง่จัง”

“ลุงอวี้ค่ะ ถ้าลุงให้ต่างหูกับหม่าม้า หม่าม้าต้องดีใจมากๆแน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าถ้าเกิดทำให้หม่าม้าคิดว่าลุงจะให้แหวนกับเธอ แต่กลับกลายเป็นต่างหูแทน ความแตกต่างแบบนี้มันแย่มากเลยนะคะ เหตุผลง่ายๆแบบนี้ลุงไม่รู้ได้ไงคะ ลุงนี่โง่จริงๆเลย”

อวี้หนานเฉิงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะขนาดเด็กทั้งสองคนยังดูถูกเขาได้ แต่เมื่อมองไปยังกล่องใส่ต่างหูที่อยู่บนโต๊ะ เขาเลยเอามือขึ้นมาลูบที่จมูกอย่างเก้อเขิน

ใครจะไม่รู้ว่าการมอบต่างหูให้นั้นมันจะต้องพิถีพิถันอะไรขนาดนั้น?

เพียงแต่——

เขาหันไปมองยังห้องน้ำ แล้วหันกลับมามองภาพวาดแหวนบนกระดาษนั้น สายตาของเขาก็ปรากฏให้เห็นถึงรอยยิ้มออกมา

เดิมทีแล้วเขาตั้งใจจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่เมื่อเซิ่งอันหรานนั้นรอคอยเรื่องนี้อยู่ ก็ต้องทำทุกอย่างให้มันถึงเป้าหมายในครั้งเดียว เพียงสถานการณ์เป็นใจก็ไม่สามารถมีอะไรมาขว้างได้

ภายในห้องน้ำ เซิ่งอันหรานกำลังล้างหน้า เมื่อส่องมองไปยังกระจกก็ปรากฏให้เห็นใบหน้าของตัวเองที่ไม่มีการแต่งหน้าแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะยังดูอ่อนวัยอย่างมาก แต่มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอจะมองเห็นทุกครั้งที่เธอส่องกระจก

เธอรู้สึกสับสน และยังรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย

ทั้งๆที่ตัวเองนั้นมีความคิดที่จะไม่รับแหวนอยู่แล้ว และก็ยังไม่ทันจะตัดสินใจว่าจะสานความสัมพันธ์กับอวี้หนานเฉิงต่อหรือไม่ แต่เมื่อได้เห็นของที่อยู่ในกล่องนั้นไม่ใช่แหวน ในใจเธอกลับรู้สึกผิดหวังขึ้นมา

เหตุผลและความรู้สึกกำลังขัดแย้งกัน แต่เมื่อครู่นั้นความรู้สึกได้บอกกับเธอว่าในใจของเธอนั้นต้องการที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้มากเพียงใด คำพูดและคำปลอบใจตัวเองมันสามารถโกหกกันได้ แต่ว่าความรู้สึกนั้นโกหกกันไม่ได้

เมื่อถึงกลางคืน เด็กทั้งสองต่างเข้านอนกันหมดแล้ว เซิ่งอันหรานเป่าผมเสร็จก็กลับไปยังห้องนอน อวี้หนานเฉิงนั่งพิงอ่านหนังสืออยู่ที่หัวเตียง เสียงสว่างสลัวสีเหลืองส่องไปยังใบหน้าของเขาแล้วดูอบอุ่นอย่างมาก

“จ้องมองผมทำไมครับ?” อวี้หนานเฉิงเงยหน้าขึ้นจากหนังสือแล้วมองไปยังเธอ

เซิ่งอันหรานไม่ได้หลบสายตา เธอนั่งลงข้างเตียงขณะที่กำลังทาครีมบำรุงมือ “ฉันแค่รู้สึกว่าคุณดูแตกต่างไปจากครั้งแรกที่ฉันได้เจอคุณ”

อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว พูดเน้นเสียงว่า

“ผมแค่ไปทำงานต่างประเทศ ไม่ได้ไปทำอะไรเลยนะ”

เซิ่งอันหรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มหัวเราะออกมา “แล้วใครบอกว่าคุณไปทำอย่างอื่นกัน ถ้าคุณต้องการที่จะทำอะไรแล้วล่ะก็ อย่างอื่นยังจะต้องมีชีวิตอยู่ไหม? ”

“คิดว่าคุณชมผมแล้วกัน?” อวี้หนานเฉิงมองไปยังเธอ ด้วยสายตาที่อบอุ่น

รอยยิ้มที่มุมปากของเซิ่งอันหรานค่อยๆหุบลง

“เมื่อก่อนฉันคิดว่าคุณนั้นเป็นคนเย็นชา ไม่สนใจใยดีทุกคน ”

“คุณคิดไม่ผิดหรอก” อวี้หนานเฉิงปิดหนังสือ แล้วดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เอาคางเกยไว้ที่หัวของเธอ แล้วพูดออกมาอย่างสุขุมว่า "ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาความรักของตัวเองไปให้กับคนที่ไม่สำคัญหรอก"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน