“ในสายตาของพวกคุณ อันหรานเป็นลูกสาวของเซิ่งชิงซาน เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเซิ่ง เป็นทายาทโดยชอบธรรมของเซิ่งซื่อกรุป แต่ข้อสันนิษฐานทั้งหมดนี้มีใครบางยินยอมให้เธอมีโอกาสได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมในตระกูลเซิ่ง”
เสียงของน้าสะใภ้ดังกึกก้องอย่างทรงพลัง ปิดปากผู้สื่อข่าวทุกคน
“พวกคุณคิดว่าเซิ่งซื่อกรุปมีความเป็นมาอย่างไร? เซิ่งชิงซานสร้างมันขึ้นมาด้วยมือเปล่าจริงเหรอ? เขาไม่ได้พึ่งพาครอบครัวของอดีตภรรยา กิจการของเขาประสบความสำเร็จ ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากก็ทิ้งไป ในวันที่อันหรานเกิดแม่ของเธอเสียเลือดจนตาย ใช้สมองของพวกคุณไตร่ตรองดู เมียน้อยที่ภรรยาคนแรกบีบบังคับอย่างสิ้นหวังจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง? เซิ่งซื่อกรุปเป็นคนถือหุ้น? พวกคุณให้ความสำคัญกับจิตใจคนมากน้อยแค่ไหน”
น้ำเสียงของน้าสะใภ้เจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง บอกเล่าความเศร้าที่เธอประสบมาด้วยตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เซิ่งอันหรานอาศัยอยู่กับคุณตามาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่คุณตาเสียชีวิต เธอถูกส่งตัวไปอยู่บ้านของเซิ่งชิงซานอย่างไร้ความปรานี เพื่อไม่ต้องการให้เธอกลายเป็นดอกไม้ในเรือนกระจก ยิ่งสภาพแวดล้อมยากลำบากมากเพียงใด ความตั้งใจในการพัฒนาความสามารถของเธอยิ่งมากขึ้นเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่จ้าวหนานผิงกลัวมากที่สุดก็คือ กลัวว่าวันหนึ่งลูกสาวของซูเมิ่งจะเดินตามรอยเท้าของเธอ
ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้เซิ่งอันหรานกลายเป็นหญิงสาวที่ถูกตามใจจนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ยอมที่จะให้เซิ่งอันหรานเกลียดเธอ ให้เธอเรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเอง
สิบปีที่อยู่ในบ้านตระกูลเซิ่ง เซิ่งอันหรานเป็นจริงตามที่เธอเฝ้ารอคอย เติบโตมาอย่างดี เข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ที่ดีที่สุดในจินหลิง
“นอกจากได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูรองตระกูลเซิ่งแล้ว เธอไม่ได้เสพสุขในฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลเซิ่งเลยสักนิด ลองถามแบบนี้ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในวัยยี่สิบต้นๆ มีสิทธิ์อะไรต้องแบกรับผิดชอบแทนคนใจดำอำมหิตของบริษัทที่กำลังจะล้มเหลว?”
หลังจากคำแถลงการณ์จบลง ผู้สื่อข่าวในกลุ่มต่างมองหน้ากัน ไม่อาจตอบคำถามดังกล่าวได้
ในกลุ่มของพวกเขามีไม่กี่คนที่รู้ถึงความสัมพันธ์ซับซ้อนของตระกูลเซิ่ง พวกเขาคิดว่าเซิ่งอันหรานเป็นลูกสาวคนที่สองของเซิ่งชิงซานและอวี๋ซูซิน แต่ท้ายที่สุดทุกอย่างในภาพถ่ายก็ถูกเปิดเผย ยังมีรูปที่เธอไปร่วมพิธีฝังศพเซิ่งอันเหยา
ทุกคนจึงคิดว่าเซิ่งอันหรานเป็นคุณหนูใหญ่ที่ใช้ชีวิตอยู่ดีกินดีเติบโตมาในบ้านตระกูลเซิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกคนคิดว่าเธอควรจะรับผิดชอบเซิ่งซื่อกรุป ในที่สุดการตรวจสอบก็เปิดเผยออกมาว่า เธอมีทรัพย์สินมากมายที่เป็นชื่อของเธอเอง
น้าสะใภ้โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม เซิ่งอันหรานมองผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอตั้งใจก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้น้าสะใภ้ได้ผ่อนคลายลง
น้าสะใภ้ช่วยเหลือเธอมากขนาดนี้ ส่วนที่เหลือเธอจะจัดการเอง
“บางท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ คนที่พูดแทนฉันเมื่อสักครู่เป็นน้าสะใภ้ของฉันเอง เพื่อนที่ดีที่สุดของคุณแม่ยามที่เธอยังมีชีวิตอยู่ และยังเป็นภรรยาของพี่ชายของคุณแม่ฉันด้วย เธอเป็นญาติของฉัน”
เซิ่งอันหรานยืนขึ้น กวาดสายตามองเหล่านักข่าวในกลุ่มผู้ชม “งานแถลงข่าวในวันนี้ ฉันไม่ได้เชิญคุณน้ามาตั้งแต่แรก แต่พวกคุณคงจะทราบกันดีว่าช่วงนี้มีข่าวใหม่ๆ เกิดขึ้นไม่น้อย จึงทำให้แตกตื่นกันไปหมด แต่แบบนี้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว”
“ดังนั้นเซิ่งซื่อกรุปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณเซิ่งจริงๆ ใช่ไหมครับ?”
นักข่าวบางคนถามขึ้นมาภายใต้แรงกดดัน “แต่เราได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้ชิงเหมิงเคยเป็นบริษัทในเครือของเซิ่งซื่อกรุป”
“ฉันคิดว่าทุกท่านควรตรวจสอบทรัพย์สินในชื่อของฉัน ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของเซิ่งซื่อกรุป ส่วนชิงเหมิง เดิมทีเป็นมรดกของคุณแม่ ก่อนที่พ่อจะจากไปเขาถามฉันว่าอยากได้อะไร ฉันจึงขอมาเพียงของที่เป็นส่วนของคุณแม่กลับมา แบบนี้คงไม่มากเกินไปหรอกนะ”
“คุณเซิ่ง เช่นนั้นก่อนที่จะมีแรงงานกระโดดตึกลงมาจากชั้นบน แสดงว่าคุณก็ยังไม่ได้ออกมา? กล่าวได้ว่าเมื่อต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ หากคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเซิ่งซื่อกรุปจริงๆ ทำไมคุณถึงไปช่วยคนอื่นล่ะครับ?”
เซิ่งอันหรานชะงักไปชั่วครู่ มองตามไปยังต้นเสียง
คำถามที่เอ่ยถามออกมาทำให้เกิดเสียงกระซิบกระซาบกัน
ชายคนหนึ่งสวมหน้ากากอนามัยปกปิดใบหน้า มองเห็นเพียงความคิดแผงความชั่วร้ายอยู่ระหว่างคิ้วเข้ม ใบหน้ากำลังบีบคั้นคำตอบจากเธอ เขาอยู่ในบรรดานักข่าวที่กำลังพูดคุยถึงเรื่องนี้
“ท่านประธาน...”
ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์เจี่ยงจวิ้นกำลังจะพูด แต่กลับถูกเซิ่งอันหรานกดเอาไว้ เธอมองไปยังผู้สื่อข่าวทั้งหลาย แล้วเอ่ยขึ้น
“ช่วยคนหนึ่งชีวิต ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ถ้าฉันไม่ใช้วิธีช่วยชีวิตเขาไว้ พวกคุณต้องการเห็นเขากระโดดลงไปตาย แล้วปรบมือแสดงความยินดีงั้นเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน