เสียงอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เงียบไปนาน
กู้เทียนเอินรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที “แม่ อย่าเงียบสิ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เขาไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ผมก็แค่คิดว่า แม่ต้องการพบเขาไหม ?และผมก็คิดว่าเขาคงจะไม่ใช่คนใจแข็งอย่างนั้น"
"ไม่ต้องหรอก"
น้ำเสียงที่อ่อนโยนแฝงไปด้วยความแข็งทื่อ “ในช่วงฤดูร้อน ฉันเจอเขาแล้ว”
“เจอกันแล้ว ?”
กู้เทียนเอินประหลาดใจ “ เมื่อไรนะ ?”
“ฉันต้มซุปไว้ในหม้อ แขกของโรงแรมกำลังรอทานอยู่ แค่นี้ก่อนนะ ”
พูดเสร็จ สายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป
เมื่อเห็นที่หน้าจอโทรศัพท์แสดงคำว่า 'แม่คนสวย' สองคำตรงบรรทัดแรก กู้เทียนเอินก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขารู้สึกตื่นตระหนก
ทุกคนล้วนมีอดีตที่อยากจะเก็บซ่อนไว้เป็นการส่วนตัว เมื่ออดีตถูกขุดคุ้ยออกมา คนส่วนใหญ่มักจะวิตกกังวล และไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
เขาจำไม่ได้แล้วว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงยื่นใบสมัครเป็นอาสาสมัครในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ อาสาสมัครทั้งสามคนเต็มในจะมาที่เมืองจินหลิง และเขาก็ยังจำได้อีกว่าหลังจากที่เขามาที่นี่ มันมักจะมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเข้าใกล้ชิดคนๆหนึ่ง
แค่ไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่ข้างๆเขาด้วยวิธีแบบนี้
หลังจากวันนั้น เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ข่าวของเมืองจินหลิงออกประกาศเพื่อเตือนให้ประชาชนทั่วไปหันมาให้ความสนใจกับไข้หวัดใหญ่ครั้งที่เกิดขึ้นในครั้งล่าสุดนี้
อวี้หนานเฉิงเป็นไข้ก่อน แล้วค่อยเป็นหวัด กู้เทียนเอินทำหน้าที่ดูแลเขาเป็นเวลาสองวันติด สุดท้ายตัวเองก็ดันมาติดเชื้อจากเขาโดยตรงด้วย แรงงานคนเดียวในครอบครัวล้มป่วยลง
เซิ่งอันหรานกำลังทำการฆ่าเชื้อภายในบ้านโดยสวมหน้ากากอนามัย กู้เทียนเอินถูกห่อด้วยผ้าห่มและนอนไออยู่บนโซฟา
“วันพรุ่งนี้ผมยังมีคาบเรียนจากอาจารย์ชาวต่างชาติ”
“นายพักไว้ก่อนเถอะ” เซิ่งอันหรานเหลือบมองเขา “ถ้าไม่ระวังกลัวว่านายจะแพร่เชื้อให้กับอาจารย์และคนอื่นๆ อย่างนั้นมันเป็นบาปนะ นอนพักอยู่ที่บ้านสักสองวัน อย่าออกไปที่ไหน และอย่าเอาเชื้อไปติดใครซะล่ะ "
“แล้วเสี่ยวซิงซิงกับจิ่งซีล่ะ?” เสียงของอวี้หนานเฉิงดังมาจากอีกฟากหนึ่งของโซฟา
เนื่องจากเขาเป็นหวัดค่อนข้างรุนแรง เสียงของอวี้หนานเฉิงจึงแหบแห้งและทุ้มต่ำเป็นพิเศษ
“อีกสักพักฉันกะว่าจะพาพวกเด็กๆไปไว้ที่บ้านคุณอาสะใภ้ก่อน” เซิ่งอันหรานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “แต่พอโทรไป คุณอาบอกว่าแม่บ้านในบ้าน 2 คนก็เป็นหวัดด้วย ที่นั่นเพิ่งให้พวกเธอหยุดทำงานและพักผ่อน ตอนนี้ทั้งบ้านกำลังทำการฆ่าเชื้ออยู่"
"นี่มันแพร่กระจายเป็นวงกว้างไปแล้ว "
กู้เทียนเอินพูดขึ้นขัดจังหวะ "ทำไมพี่ไม่เปลี่ยนสถานที่ล่ะ"
"จะเปลี่ยนไปที่ไหน" เซิ่งอันหรานยืนบนไม้ถูพื้น "ซูจิ้งกับเกาจ้านก็ไปอเมริกามาแล้ว พี่ฉินทำงานในบริษัททุกวัน อีกอย่างเขาเองก็ไม่รู้วิธีการเลี้ยงพวกเด็ก ๆ ด้วย เส้าซือและหลินมู่เยียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ พวกเขาทั้งสองคนไม่เหมาะหรือยังไง ?ที่บ้านพวกเขามีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่ ”
"ทั้งสองคนไปบาหลี"
"ไปฮันนีมูน"
กู้เทียนเอินพูดซ้ำถึงสองครั้ง
เซิ่งอันหรานถือไม้ถูพื้นไปที่ห้องน้ำ เธอปลดกระดุมผ้ากันเปื้อน ถอดถุงมือ จากนั้นก็สวมเสื้อคลุม และตะโกนไปที่ห้องนอนว่า "จิ่งซี เสี่ยวซิงซิง เราจะไปกันแล้ว"
เด็กสองคนวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเด็กจะติดเชื้อ เซิ่งอันหรานจึงให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยไว้แต่เนิ่นๆ เด็กทั้งสองกำลังติดกระดุมที่หมวกสีส้มใบเล็กๆ ในตอนนี้ทั้งใบหน้าของเด็กๆมองเห็นแค่เพียงดวงตาเล็กๆสองข้าง
“ตอนเช้าแม่ได้บอกไว้แล้วว่า ให้พวกเด็กๆไปอยู่ที่บ้านของคุณยายสะใภ้ก่อนสองวัน รอให้ทั้งสองคนในบ้านอาการดีขึ้น แม่จะรีบกลับไปรับพวกหนูกลับมา ”
เด็กน้อยสองคนเชื่อฟังมาก แต่ละคนจับมือของเซิ่งอันหรานคนล่ะข้าง ส่วนมืออีกข้างก็ลากกระเป๋าของตัวเองคนล่ะใบ
เข้ามาในลิฟต์ได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือของเซิ่งอันหรานก็ดังขึ้น หลังจากเห็น ID ผู้โทร เธอก็ผงะ ไม่นานหลังจากนั้นเธอจึงกดปุ่มรับสาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน