การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันของอวี้หนานเฉิงทำให้อวี้เฟิ่งหยาหยุดการดิ้นรน เวลานั้นเซิ่งอันหรานก็จับให้เธอนั่งลง
“พวกเรามาคุยกันหน่อย”
เซิ่งอันหรานวางแอปเปิ้ลและมีดลงบนโต๊ะข้างๆหัวเตียง ในขณะที่เดินผ่านอวี้หนานเฉิงเธอก็เผยรอยยิ้ม ด้วยสีหน้าที่ให้กำลังใจเขา
ความเข้าใจผิดตลอด 20 ปีมันไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงกันได้ง่ายๆ ความแค้นเคืองและความดื้อรั้นในเรื่องนี้มันไม่สามารถแก้ไขกันได้เพียงคำสองคำ ต้องใช้ความเข้าใจกันของทั้งสองฝ่ายอย่างมาก
เมื่อเซิ่งอันหรานออกไปแล้ว อวี้เฟิ่งหยาก็รู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูก
“อาเฉิง บ่ายนี้ฉันก็จะไปแล้ว มีเรื่องอะไรที่ทำให้นายต้องลำบากใจอีกหรอ”
อวี้หนานเฉิงมองไปยังอวี้เฟิ่งหยา แล้วขมวดคิ้ว
“หมอบอกให้คุณนอนรอดูอาการอีกสักหนึ่งอาทิตย์ แต่ถ้าบ่ายนี้คุณไปแล้ว ถึงเวลานั้นถ้าหมอถามผมว่าคุณไปไหน คุณคิดว่านี่มันไม่ใช่การทำให้ผมลำบากใจหรอ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี้เฟิ่งหยาก็มีสีหน้าที่นิ่งไป ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดี
อวี้หนานเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ภายในห้องผู้ป่วยนั้นก็เงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง
“ตอนนี้เผยหย่งจื้อก็ถูกจับกุมตัวเอาไว้แล้ว เขามีคดีติดตัวไว้ไม่น้อย มีโทษถึงกับต้องประหารชีวิต ก่อนที่ศาลจะพิจารณาคดีคุณมีอะไรจะฝากบอกกับเขาไหม?”
อวี้หนานเฉิงพูดถึงเผยหย่งจื้อ โดยไม่มีประเด็นอะไรที่จะหลีกเลี่ยงได้
อวี้เฟิ่งหยากำผ้าปูที่นอนทั้งสองข้างไว้แน่นก่อนที่จะผ่อนคลายออก พร้อมกับพูดออกมาเบาๆสองคำว่า
“ไม่มี”
ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดอีก ถึงอย่างไรอวี้หนานเฉิงก็รู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้ว จะแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดนั่นก็เป็นเรื่องที่น่าอายและไม่ควรทำ สู้คุยกันทุกเรื่องเลยดีกว่า
อวี้หนานเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “อืม เทียนเอินบาดเจ็บไม่มาก แค่มีไข้ขึ้นสูงเล็กน้อยและตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น เมื่อวานเขาถูกย้ายไปโรงพยาบาลที่จินหลิงแล้ว เป็นโรงพยาบาลในเขตค่ายทหาร ถ้าคุณไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลที่นี่ ก็สามารถทำเรื่องย้ายไปอยู่โรงพยาบาลเดียวกับน้องก็ได้”
อวี้เฟิ่งหยาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างประหลาดใจ “เธอ……เธอเรียกเขาว่าอะไรนะ?”
เธอไม่เคยคาดหวังให้อวี้หนานเฉิงยอมรับกู้เทียนเอินเป็นน้องชายของเขา สำหรับเธอแล้วคิดว่าแค่อวี้หนานเฉิงเต็มใจที่จะปฏิบัติต่อเทียนเอินในฐานะคนแปลกหน้า มันก็ถือว่าเป็นการที่เทียนเอินได้รับเอาใจใส่ดูแลแล้ว
อวี้หนานเฉิงหลบสายตาของเธอที่มองมา “ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ เป็นหลานคนเดียวของคุณปู่อีก ต่อไปจากนี้เขาก็เป็นทายาทของตระกูลอวี้แล้ว เป็นทายาทของเซิ่งถังกรุป ต่อไปการใช้ชีวิตของเขาผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”
อวี้เฟิ่งหยารู้สึกเจ็บปวดในใจ
สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดคือความสงสัยในตัวเองของอวี้หนานเฉิงเกี่ยวกับตัวเองหลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ แต่มันก็มาถึงแล้ว
“พูดเหลวไหล”
เสียงที่มีพลังดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูเข้ามา
บรรยากาศภายในห้องผู้ป่วยถูกทำลายลง
“คุณปู่?”
“พ่อ?”
อวี้หนานเฉิงและอวี้เฟิ่งหยาพูดออกมาพร้อมกัน
ชายชราเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและแฝงไปด้วยความโกรธเคือง
“พ่อเลี้ยงเธอมา30ปี ฉันเลี้ยงนายมา20ปี นายจะบอกว่าไม่ใช่หลานฉันก็ไม่ใช่เลยหรอ บอกไม่ใช่ลูกก็ไม่ใช่เลยหรอ ไม่อยากเป็นทายาทของฉันแล้วหรอ”
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าอย่างเย็นชาแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
“เรื่องทั้งหมดหนูรู้หมดแล้ว”
ชายชราหันไปมองที่เตียงผู้ป่วย ได้เห็นหน้าลูกสาวที่เขาไม่ได้เห็นมานานเกือบ 20 ปีด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มันจึงทำให้เบ้าตาของเขาเปียกชุ่มชื้นขึ้นมา แต่ก็ไม่ยอมให้ใครได้เห็น รีบหันหน้าหนีแล้วเช็ดน้ำตา
อวี้เฟิ่งหยารีบลุกจากเตียง “พ่อ”
“เธอไม่ต้องขยับหรอก”
ชายชราโบกมือ พูดด้วยน้ำเสียงที่เอาใจใส่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน