การแสดงออกของแม่อวี้นิ่งไป ความประหลาดใจแผ่ซ่านไปอย่างรวดเร็วในดวงตาของเธอ เธอจ้องมองไปที่อวี้หนานเฉิงเป็นเวลานาน ก่อนจะกลับมารู้สึกตัว และพูดอย่างเร่งรีบว่า
“ไม่ใช่ ต้องคลุกด้วยไข่ก่อน จากนั้นค่อยคลุกกับเกล็ดขนมปัง”
“ผมจะพยายาม”
“ถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งอยู่ตรงนั้น สวมใส่จะสะดวกกว่า”
“อืม”
เซิ่งอันหรานนั่งอยู่บนโซฟา และได้ยินการสนทนาจากห้องครัวหูของเธอก็ตั้งขึ้น แม้ว่าอวี้หนานเฉิงจะพูดน้อยมาก แต่การทำให้เขาเริ่มพูดก่อนนั้นมันไม่ง่ายเลย
เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ ทั้งสองครอบครัวก็มาถึง
แม้ว่าจะไม่ใช่วันส่งท้ายปีเก่า แต่ความตื่นเต้นก็ไม่น้อยไปกว่าวันส่งท้ายปีเก่าเลย
เพราะว่าเซิ่งอันหรานและอวี้หนานเฉิงยังไม่ได้จัดงานแต่งงาน ดังนั้นในตอนที่น้าสะใภ้พูดถึงวันส่งท้ายปีเก่า เซิ่งอันหรานควรจะอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิงก่อน รอให้แต่งงานแล้วก็ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันสองคน
“อันหรานไม่ใช่เด็กเจ้าเล่ห์ ฉันเชื่อว่าหลังจากแต่งงานเธอจะมีชีวิตที่ดี ตราบใดที่ทั้งคู่เชื่อใจและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ฉันก็ไม่มีข้อเรียกร้องอื่นๆ”
น้าสะใภ้พูดอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่อ้อมค้อมใดๆ
“ค่ะ ฉันทราบดี” แม่อวี้พยักหน้า “อันหรานเป็นเด็กดี เด็กทั้งสองคนมาถึงวันนี้ได้ ฉันก็ได้ยินจากเทียนเอินแล้ว ว่ามันไม่ง่ายเลย หลายปีมานี้ฉันเองก็ไม่ได้ดูแลอาเฉิงเลย เขาได้เจอกับอันหราน ฉันเองก็รู้สึกโล่งใจ และดีใจจริงๆค่ะ”
“เอาล่ะ วันดีๆแบบนี้ อย่าเศร้าเลย คุณท่านผู้ทนเห็นฉากเศร้านี้ไม่ได้จึง พูดขัดจังหวะขึ้น ฉันว่านะ ในโลกนี้ใครบ้างที่จะผ่านไปแบบง่ายๆล่ะ? ตอนนี้ในครอบครัวก็สงบสุขดีแล้วไม่ใช่เหรอ ?”
“ค่ะ” เซิ่งอันหรานตอบรับ จากนั้นมองแม่อวี้แล้วพูดว่า “รอให้ฉันกับหนานเฉิงแต่งงานกันแล้ว คุณป้าก็ย้ายมาอยู่กับพวกเรา ช่วยพวกเราดูแลเด็กนะคะ”
แม่อวี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “คงไม่ล่ะ ฉันอยู่กับคุณพ่อก็โอเคแล้ว”
คุณท่านส่งเสียง หึ ออกมา “ฉันชินแล้ว หลายปีมานี้ไม่พูดว่าจะกลับมาเยี่ยมฉัน ตอนนี้ฉันชินแล้ว ไม่ต้องมาไม้นี้เลย ไปช่วยอยู่ดูแลเด็กๆเถอะ กลับมาเยี่ยมสองสามครั้งก็พอแล้ว”
สำหรับเรื่องจริงที่ว่าหลายปีมานี้ลูกสาวบุญธรรมไม่กลับมาเลยสักครั้ง ในใจของคุณท่านนั้นยังคงจดจำอยู่เสมอ ในบางครั้งเขาก็จะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดบ้าง
สิ่งที่เขาพูดนั้น คนอื่นพูดออกมาไม่ได้ ถ้าคนอื่นบอกว่าแม่อวี้ไม่ดี เขาก็จะขมวดคิ้วและด่าในทันที
เซิ่งอันหรานเองก็มองออก ผู้ชายตระกูลอวี้ล้วนปกป้องข้อบกพร่อง
ในวันส่งท้ายปีเก่า ถานซูจิ้งและเกาจ้านกลับมาจากสหรัฐอเมริกา เดิมทีเซิ่งอันหรานจะไปรับพวกเขา แต่เกาจ้านโทรศัพท์มาหยุดไว้ โดยบอกว่าเป็นครอบครัวเกาขอให้พวกเขากลับบ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่
“ครอบครัวคุณยอมรับซูจิ้งแล้วเหรอ ?”
“ผมบอกไปนานแล้ว แม่ของผมพูดง่ายมาก พี่สาวผมเองก็เช่นกัน”
“คุณอย่าโกหกครอบครัวของคุณเชียว อาการของซูจิ้งอาจเกิดขึ้นมาอีกก็ได้”
“ผมรู้” เสียงของเกาจ้านในสายดูตื่นเต้นมาก น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ “พ่อแม่ของผมใจกว้างมาก ตราบใดที่พวกเขาพูดชัดเจนว่าพวกเขายอมรับ พวกเขาก็ยอมรับจริงๆ ถ้าผมโกหกแล้วถูกจับได้ขึ้นมา ชั่วชีวิตนี้พวกเขาก็จะไม่มีทางยอมรับ ผมกล้าได้ยังไงล่ะ ! คราวนี้พวกเขายอมรับจริงๆแล้วว่าซูจิ้งเป็นลูกสะใภ้”
“คุณเงียบไปเลยนะ ฉันตอบรับที่จะแต่งงานกับคุณเหรอ ?”
อีกด้านหนึ่งของปลายสายมีเสียงถานซูจิ้งด่าดังขึ้นมา ไม่นานโทรศัพท์ก็ถูกแย่งไป “ฉันก็แค่ไปทานข้าวด้วย แต่จะไม่อยู่ฉลองปีใหม่กับพวกเขาหรอก ฉันจะไปอยู่บ้านพวกคุณ”
“ได้สิ ฉันจะเปิดประตูรอคุณ รอดูว่าคุณจะกลับมาจริงไหม”
เซิ่งอันหรานมีความสุขกับถานซูจิ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ
หลังจากวางสาย เธอก็รู้สึกโล่งใจเป็นเวลานาน เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นกู้เทียนเอินนอนดูทีวีอยู่บนโซฟา เธอจึงส่งเสียงเรียกเขา
“ไม่ต้องดูแล้ว คืนนี้ฉันจะไปซื้อของสำหรับใช้ในงานแต่ง คุณไปกับฉันหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน