“หม่าม้า ไปกันได้แล้ว กรุณาค้นหาไป่ตู้ () เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์”
เซิ่งอันหรานได้สติกลับคืนมา เธอจึงกระแอมออกมาอย่างเก้อเขินในขณะที่มองไปยังท้ายรถที่ได้เคลื่อนตัวออกจากบริเวณแถวนั้นไปแล้ว
ระหว่างเดินทางกลับ เซิ่งเสี่ยวซิงได้ดึงมือของเซิ่งอันหรานเอาไว้ แล้วจ้องมองเธออย่างเจ้าเล่ห์
“หม่าม้า เมื่อกี้หม่าม้าคงจะไม่ได้ใจเต้นแรงหรอกนะ!”
“ใครใจเต้นแรงกัน?” เซิ่งอันหรานไม่ยอมรับ “ใจเต้นแรงบ้าอะไรกัน?”
“แล้วที่หม่าม้ายืนจ้องมองรถของลุงอวี้อยู่ตั้งนานไม่ยอมไปไหน หนูยังรู้สึกทำตัวไม่ถูกแทนหม่าม้าเลยนะ!”
“เซิ่งเสี่ยวซิง!”
ใบหน้าของเซิ่งอันหรานนั้นแดงไปหมด เธอเงียบไปอยู่พักใหญ่
แต่เมื่อตอนที่กำลังเดินออกจากลิฟต์ ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องที่เซิ่งเสี่ยวซิงได้ก่อเอาไว้เมื่อกี้ สีหน้าของเธอก็ได้เปลี่ยนไปแล้วใช้มือจับไปที่ต้นคอของเซิ่งเสี่ยวซิงเอาไว้
“เมื่อกี้หม่าม้ายังไม่ได้ชำระความกับเราเลยนะ ใครใช้ให้เชิญคนอื่นเข้าบ้านตามอำเภอใจแบบนี้?หนูได้รับอนุญาตจากหม่าม้าแล้วหรอ?”
เซิ่งเสี่ยวซิงต่อสู้ดิ้นรน แถมยังเถียงคำไม่ตกฟากอีกว่า
“หม่าม้าปล่อยหนูนะ นี่เป็นการตอบแทนหม่าม้านะ!คุณครูสอนมา”
“……”
ไม่ว่าการตอบแทนนั้นจะเป็นสิ่งที่คุณครูได้สอนมาจริงหรือไม่ ในวันจันทร์ถัดมาหลังเลิกเรียน เซิ่งอันหรานก็ได้พบกับอวี้หนานเฉิงที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล ที่มาเตรียมรอรับลูกเขากลับบ้าน
“เดี๋ยวผมไปส่งพวกคุณเอง ทางเดียวกันพอดีเลย”
รถเก๋งคันสีดำจอดอยู่ใต้ต้นไม้ข้างทางอย่างไม่สะดุดตา เซิ่งอันหรานเห็นผู้คนที่เดินไปมาอยู่ริมถนนแถวนั้นต่างก็เรียกรถแท็กซี่กันไม่ได้เลย และช่วงเวลานี้รถไฟฟ้าใต้ดินคนก็คงจะเบียดแน่นกันหมด เธอจึงตอบตกลงกลับกับเขา
เมื่อถึงหน้าประตูบ้าน เธอพูดขอบคุณเขาออกมาอย่างเกรงใจ
“รบกวนประธานอวี้อีกแล้ว ถ้าไม่ติดว่าคุณยุ่งอยู่ตลอดเวลา ฉันก็คงจะเชิญให้คุณมาอยู่กินข้าวด้วยกันแล้วหล่ะค่ะ”
เธอพูดออกมาด้วยความเกรงใจ และแสดงความเกรงใจออกมาอย่างชัดเจน กลัวว่าอวี้หนานเฉิงจะฟังไม่เข้าใจ
แต่บังเอิญว่าก็มีบางคนที่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจขึ้นมาจริงๆในเวลาที่ไม่อยากจะเข้าใจ
“ผมไม่ยุ่งเลย” เสียงของอวี้หนานเฉิงดังก้องในหู “จิ่งซีบอกว่าอยากกินอาหารฝีมือคุณอยู่พอดีเลย เขากลับบ้านไปก็ไม่ค่อยจะกินข้าวสักเท่าไร งั้นเราไปกันเถอะ”
พูดเสร็จ เขาก็เดินลงจากรถ
เซิ่งอันหรานแทบอยากจะเอามือขึ้นมาตบปากตัวเอง ทำไมปากถึงได้หาเรื่องแบบนี้?
คำพูดเกรงใจพวกนั้นไม่พูดมันจะตายไหม?
ทั้งที่ก็รู้สึกเสียใจในภายหลัง แต่เมื่อหลังจากพาอวี้หนานเฉิงและอวี้จิ่งซีเข้ามาในบ้านแล้ว เซิ่งอันหรานก็ตั้งใจเตรียมทำกับข้าวอย่างเต็มที่ นำวัตถุดิบจากในตู้เย็นออกมาทำอาหาร ส่วนประกอบนั้นถึงแม้ว่ามันจะธรรมดาแต่ก็อร่อยได้ด้วยฝีมือของเธอ
“บ้านเล็กหน่อย อย่าถือสาเลยนะคะ”
“ดีกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก ไม่ต้องทำอะไรแล้ว รีบมานั่งกินข้าวเถอะครับ” อวี้หนานเฉิงกำลังคีบอาหารให้กับเด็กทั้งสองคน เขาทำตัวสบายๆราวกับเป็นบ้านของตัวเอง
เมื่อเซิ่งอันหรานได้ยินที่เขาพูดออกมา ก็รู้สึกแปลกประหลาดใจ เธอถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วนั่งเก้าอี้ลงตรงข้ามกับเขา
บรรยากาศมันช่างดูอึดอัดทำตัวไม่ถูก เธอจึงคิดหาเรื่องที่จะพูดคุยกับเขา จึงพูดขึ้นว่า
“เมื่อกลางวันฉันได้ยินผู้ช่วยโจวบอกว่า ปกติคุณมักจะมีงานกินเลี้ยงตอนเย็นเป็นประจำ”
“อืม”
“ที่จินถาน”
“วันนี้ไม่มี”
“อ่อ”
หลังจากจบบทสนทนาอันสั้นๆที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรในการพูดคุยเลย เซิ่งอันหรานจึงตัดสินใจที่จะไม่เอ่ยปากถามอะไรเขาอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าอวี้หนานเฉิงนั้นถือว่าชนะขาดลอยในการพูดคุยกัน
ไม่มีประเด็นคุยกันก็ค่อยยังชั่ว ยิ่งหาเรื่องคุยกันเธอยิ่งรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูก
หลังจากบทสนทนาจบลง ก็มีเพียงความเงียบเข้ามาปกคลุมอยู่แปบหนึ่ง เซิ่งเสี่ยวซิงที่กำลังเคี้ยวอาหารพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนให้ฟัง อวี้หนานเฉิงนั้นดูสนใจมากและถามเธออยู่สองสามคำถาม อวี้จิ่งซีที่นั่งอยู่ด้านข้างก็พยักหน้าตามไปด้วยไม่ก็ส่ายหัวบ้าง
บรรยากาศก็ค่อยๆเริ่มดูผ่อนคลายลง
เมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว อวี้หนานเฉิงก็ได้นั่งพูดคุยอยู่กับเด็กทั้งสองคนอยู่ที่ห้องรับแขก เซิ่งอันหรานกำลังล้างจานอยู่ในห้องครัว เมื่อเธอล้างจานเสร็จออกมาจากห้องครัวก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว
“นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวผมจะพาจิ่งซีกลับก่อนนะครับ”อวี้หนานเฉิงลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อขอตัวกลับอย่างเรียบง่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน