“ฉัน……ฉันกำลังจะไปแล้ว ขอประทานโทษด้วยค่ะคุณชาย ที่เข้ามาขัดจังหวะคุณชายกับกับคุณเซิ่ง”
คนรับใช้รีบพูดอธิบายแล้วหมุนตัวออกไปจากหน้าประตูทันที เสียงฝีเท้าก้าวออกไปอย่างรีบร้อน
“อุ้ย มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” เซิ่งอันหรานวิ่งตามออกมาที่ประตูเพื่อจะอธิบาย แต่ขณะที่ไปดึงประตูออกนั้นตรงระเบียงทางเดินก็กลับไม่เห็นใครเลยแม้แต่เงา ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองนั้นได้รู้สึกหลอนไปเอง
เธออยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา เรียบร้อยแล้ว ถึงจะให้กระโดดลงไปล้างตัวในแม่น้ำหวงก็ไม่มีทางสะอาดได้
“พวกคนรับใช้บ้านคุณหายตัวได้หรอคะ?”
เธอมองไปที่อวี้หนานเฉิงอย่างกลัดกลุ้มใจ
อวี้หนานเฉิงทำสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วขมวดคิ้วมองเธอ “ทำไมหรอ?”
“ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เซิ่งอันหรานคิดว่าพูดเรื่องพวกนี้ไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร แล้วก็ไม่อยากจะทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งด้วย เธอหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไป และเมื่อเดินมาถึงตรงระเบียงทางเดินเธอก็ได้คิดอะไรบางอย่างออกจึงหันกลับมาพูดว่า
“จริงด้วย ถ้าคุณมีเวลาว่างหล่ะก็ คุณควรจะมาอยู่เป็นเพื่อนจิ่งซีให้มากกว่านี้หน่อยนะคะ ฉันว่าเขารู้สึกไม่ปลอดภัย วันนี้คุณก็เห็นเขาเล่นกับเสี่ยวซิงซิงอย่างมีความสุขมาก เขาต้องการใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนเขา อาจไม่ใช่แค่ว่าคุณจะให้ใครหลายๆคนมาดูแลเขา แต่เขาเพียงแค่ต้องการคนที่เขาชอบมาอยู่เป็นเพื่อนมาดูแลเขาเท่านั้นเอง ”
ที่จริงแล้วเธอนั้นต้องการจะถามอวี้หนานเฉิงว่าเขาต้องแต่งงานกับเกาหย่าเหวินจริงหรือไม่ เพราะอวี้จิ่งซีดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าดาราสาวคนดังสักเท่าไร และอีกอย่างดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้วถ้าเกิดว่าตัวเองนั้นได้ถามออกไปมันก็คงจะดูแปลกๆ เกรงว่าจะทำให้คนอื่นคิดว่าตัวเองนั้นมีเจตนาอะไรแอบแฝง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดมันออกไป
ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของบ้านคนอื่น
อวี้หนานเฉิงมองมายังเซิ่งอันหรานด้วยสีหน้าที่จริงใจ จู่ๆก็มีความคิดหนึ่งลอยขึ้นมา และเขาก็เผลอหลุดปากพูดออกไปอย่างไม่ได้ทันได้คิดอะไร
“อย่างนั้นต่อไปนี้คุณก็มาอยู่ดูแลเขาที่นี่สิ”
เสียงทุ้มนั้นดังก้องอยู่ในวิลล่าที่กว้างใหญ่ เซิ่งอันหรานถึงกับมีสีหน้านิ่ง “คุณ......หมายความว่าอะไรนะคะ?”
คิ้วของอวี้หนานเฉิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แววตาก็แฝงไปด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ราวกับว่าเขาก็ไม่อยากจะเชื่อในคำพูดที่ตัวเขาเองได้พูดออกไป เขาจึงรีบหลบสายตาออกจากเธออย่างรวดเร็ว เมื่อเริ่มพูดขึ้นอีกครั้งน้ำเสียงของเขาก็ดูเบาลงในทันที
“เงินเดือนพี่เลี้ยงจิ่งซีนั้น ฉันจะให้เป็น 3 เท่าของเงินเดือนที่เธอทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมอยู่”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเซิ่งอันหรานที่เคร่งเครียดก่อนหน้านี้ก็ได้ผ่อนคลายลงบ้าง ทำเหมือนอวี้หนานเฉิงนั้นพูดเล่นออกมา เธอก็ตอบกลับออกไปอย่างกึ่งเล่นกึ่งจริงจังว่า
“ถึงจะเป็น 10 เท่าฉันก็ไม่สน ถ้ามองในมุมความก้าวหน้าทางการงานแล้ว เรื่องที่จะให้ฉันมาช่วยดูแลลูกคุณมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีไปกว่าการเป็นผู้จัดการโรงแรมที่ฉันทำอยู่เลย ประธานอวี้คุณวางใจได้ค่ะ ใจของฉันขึ้นตรงอยู่กับการทำงานที่โรงแรมเซิ่งถัง ไม่ต้องทำแบบนี้เพื่อมาทดสอบฉันหรอกค่ะ ”
อวี้หนานเฉิงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดจาอะไร
เมื่อเธอเดินออกไปแล้ว เขาได้แต่ยืนนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อครู่นี้อยู่ในห้องนอนที่ถูกปิดประตูสนิท ในใจนั้นก็รู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่พูด ความปั่นป่วนหัวใจครั้งนี้มันรุนแรงมากกว่าตอนที่เจอเธอเมื่อตอนกลางวันเสียอีก
อยากให้เธออยู่ต่อ?
เขาคิดว่าตัวเองนั้นคิดมากไปแล้วจริงๆ ทำไมถึงได้คิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้?
ความสัมพันธ์โดยรวมแล้วเธอก็เป็นแค่ผู้จัดการฝึกหัดที่เป็นลูกน้องคนหนึ่งของเขา ส่วนความสัมพันธ์โดยส่วนตัวนั้นเธอกับเขาก็เพิ่งจะรู้กันได้ไม่กี่เดือนนี้เอง ซึ่งความคิดนี้มันช่างขัดกับเหตุผลก่อนหน้านี้อย่างมาก
เมื่อคิดไปคิดมาตามหลักเหตุผลแล้ว เขาก็ถือว่าจิ่งซีนั้นชอบเธอและชอบลูกสาวของเธอเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ถึงสาเหตุของปัญหานี้ได้แล้ว แต่ก็ทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน นอนพลิกตัวไปมาอยู่ตลอดเวลา
ส่วนอีกฝ่ายตรงข้ามกับอวี้หนานเฉิง
เมื่อเซิ่งอันหรานอาบน้ำเสร็จ เธอส่องกระจกแล้วก็ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีราคาแพงของตระกูลอวี้ และแปะแผ่นมาส์กบนใบหน้า เธอวางความหยิ่งในตัวเองลงแล้วตัดสินใจหยิบมาส์กกล่องหนึ่งเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็ไปอุ้มเซิ่งเสี่ยวซิงคนสวยนอนลงบนเตียงใหญ่
มันสบายมากเลย
“หม่าม้า สบายไหมคะ ” เซิ่งเสี่ยวซิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ ถามออกมาได้อย่างถูกเวลาพอดี
เซิ่งอันหรานเอามือแตะแผ่นมาส์กแล้วพยักหน้า
“สบายจ้ะ หม่าม้าตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะเอาแผ่นมาส์กหน้ากลับไปด้วย”
“หนูจะบอกให้ เงินมันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกอย่างเลยนะ เพียงแค่หม่าม้าแต่งงานเข้ามา ทุกอย่างมันก็จะกลายเป็นของหม่าม้าทั้งหมด! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน