วันรุ่งขึ้นเซิ่งเสี่ยวซิงก็ได้ไปโรงเรียน ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในรั้วโรงเรียน ผู้คนเข้าก็มารายล้อมเธอมากมาย เธอได้มองเห็นจังเวยที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขากำลังยืนอยู่หน้าเสาธงพร้อมตะโกนเสียงดังออกมาว่า “เซิ่งเสี่ยวซิง ฉันขอโทษ!”
ใบหน้ากลมๆของจังเวยที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจและไม่เต็มใจจะพูดออกมา ยิ่งมีผู้คนมากขึ้นเท่าไรก็ทำให้ใบหน้าของเขาก็ยิ่งแดงขึ้นเท่านั้น เซิ่งเสี่ยวซิงหันไปมองอย่างไม่ได้สนใจอะไร เธอเดินฝ่าฝูงชนออกมาและเดินตรงไปที่ห้องเรียน
ขณะกำลังนั่งลงบนเก้าอี้ อวี๋หลานหลานก็ยื่นหน้าใบใหญ่ของเธอเข้ามาใกล้
“ครั้งนี้จังเวยขี้ขลาดมากเลย ฉันได้ข่าวมาว่าอีก 2 วันเขาก็จะถูกย้ายไปห้อง 5 แล้ว วันนี้ตอนเช้าเขาไม่ยอมลงมาก็ถูกแม่ลากให้ลงมา ได้ยินว่าวันจันทร์หน้าเขาต้องอ่านจดหมายขอโทษเธอต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนที่หน้าเสาธงอีกด้วยนะ”
สีหน้าของเซิ่งเสี่ยวซิงดูครำ่เครียด
“เธอรู้ได้ไง?”
“เมื่อกี้ฉันได้ยินผอ.คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาคุยกัน อาจารย์ที่ปรึกษาดุจังเวยจนร้องไห้ไปเลย น่าจะรู้ว่าเขาทำความผิดต่อคนในห้อง5ไว้ไม่น้อย จึงจงใจย้ายเขาไปที่นั่น”
อวี๋หลานหลานไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุการณ์มันจะพลิกกลายเป็นเลวร้ายลง เมื่อวานเธอร้อนใจถึงขั้นนอนไม่หลับ คิดว่าครั้งนี้เซิ่งเสี่ยวซิงจะต้องโดนทำโทษอย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงว่าเมื่อวันนี้ตอนเช้าที่มาถึงโรงเรียน ผอ.และอาจารย์ที่ปรึกษาพร้อมกับแม่ของจังเวยจะมาดึงเขาออกไปนอกห้อง
จู่ๆ เซิ่งเสี่ยวซิงก็นึกถึงอะไรบางอย่าง
เมื่อคืนเธอหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องของอวี้จิ่งซี กลางดึกเธอลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นแสงคอมพิวเตอร์สลัวๆอยู่ที่ขอบเตียง เธอพูดกระซิบแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอนั้นกำลังวางแผนพักการเรียนอยู่ ผ่านไปสักครู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ดับลง พร้อมกับเสียงอันเยือกเย็นของอวี้จิ่งซีที่ดังมาจากความมืด
“เธอสามารถพักการเรียนได้แต่ไม่ใช่เพราะคนอื่น การหนีอะไรบางอย่างนั่นมันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีนะ”
หลังจากทุกอย่างกลับมาอยู่ในสภาวะเงียบสงบ เธอก็ได้ยินนั้นพูดอย่างอ่อนโยนขึ้นอีกครั้งว่า
“เธอยังจำตอนที่เราอยู่โรงเรียนอนุบาลได้ไหม ฉันถูกคนอื่นรังแกก็ได้เธอที่คอยปกป้องฉันตลอด เวลานั้นฉันก็ได้แต่คิดนะว่าถ้าฉันโตขึ้นฉันก็จะไม่ให้ใครมารังแกเธอได้”
“เอ๊ะ เธอคิดอะไรอยู่?”
อวี๋หลานหลานทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วยื่นเข้ามาใกล้
“พี่ชายหล่อๆคนเมื่อวานใช่พี่ชายของเธอไหม? เธอเอาเบอร์ให้ฉันหน่อยได้ปะ?”
ในขณะที่เซิ่งเสี่ยวซิงกำลังหยิบของออกจากกระเป๋า เมื่อได้ยินคำพูดนั้นถึงกลับตาค้างพูดไม่ออก
“เธอคิดจะทำอะไร?”
ทันใดนั้นใบหน้าของอวี๋หลานหลานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“เธอรู้อะไรไหมเมื่อวานตอนที่พี่ชายเธอกำลังต่อสู้เพื่อเธออยู่นั้น มันหล่อแค่ไหน เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่ไหม ขอแค่เบอร์โทรคงจะไม่มากไปหรอกนะ?”
เซิ่งเสี่ยวซิงยัดกระเป๋านักเรียนเข้าไปในลิ้นชัก ในใจก็พลางคิดว่าอวี้จิ่งซีกับอวี้หนานเฉิงนั้นคล้ายกันมากทั้งนิสัยและหน้าตา จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนเพื่อน
“ถ้าจะคบหาดูใจกับคนอย่างพี่ชายฉันมันจะเหนื่อยมากเลยนะ ฉันคิดว่าซุนเฉินน่าจะเหมาะสมกับเธอมากกว่านะ”
อวี๋หลานหลานเหลือบตามองบน แล้วก็บังเอิญไปเห็นซุนเฉิงกำลังเดินเข้ามในห้องเรียนพร้อมกับซาลาเปาเต็มปาก
“ไฮ หลานหลาน”
ซุนเฉินกำลังเดินเข้าใกล้อวี๋หลานหลานและโบกมือทักทาย แต่จู่ๆเขาก็เกิดคันจมูกขึ้นมากะทันหัน จึงจามออกมา ทำให้เศษอาหารกระเด็นใส่ชุดนักเรียนของอวี๋หลานหลานเต็มไปหมด
“ซุนเฉิน นายกล้าทำตัวรังเกียจแบบนี้ได้ไง?”
อวี๋หลานหลานระเบิดออกมา
หน้าของซุนเฉินซีดขาวเผือด และด้วยความตกใจเขาจึงรีบยื่นมือที่เปื้อนคราบน้ำมันมาเช็ด เลยทำให้ชุดนักเรียนที่ขาวสะอาดนั้นเปื้อนคราบน้ำมันไปด้วย
“นี่——มันอุบัติเหตุ มันคืออุบัติเหตุ”
เมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่ค่อยจะดี เด็กชายจึงโยนซาลาเปาในมือทิ้งแล้วรีบวิ่งเผ่นหนีไป
——
วันนี้ในขณะที่กู้อันกำลังเตรียมตัวสำหรับการอภิปรายอยู่ รุ่นพี่ร่วมงานที่อยู่ข้างๆก็สะกิดบ่าของเธอ แล้วชี้ไปยังด้านหลัง
“นั่น มีโทรศัพท์เข้า”
เมื่อเธอหันไปมองเบอร์โทรที่แสดงบนหน้าจอ มือของกู้อันที่ยื่นออกไปก็ชะงักไปอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย จากนั้นใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความมืดมนอย่างเห็นได้ชัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน