เซิ่งอันหรานไม่ได้คิดว่าเหตุผลที่อวี้หนานเฉิงทำอะไรแบบนั้นไปเพื่อตัวเขา เธอเข้าใจความทุ่มเทในหน้าที่การงานของเขา ดังนั้นจึงตัดสินใจปล่อยเขาไปทำธุระตัวเอง
อวี้หนานเฉิงสองจิตสองใจ ขมวดคิ้วเป็นปม
บรรยากาศอึมครึมอยู่สักพัก กู้เทียนเอินเข้าใจสถานการณ์ได้ทันที เขาลุกขึ้นมือทั้งสองที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง ยกขึ้นมาโอบไหล่เซิ่งอันหรานอย่างไม่เกรงกลัว
“วางใจเถอะครับ ฝากภรรยาคุณไว้กับผม ระยะนี้ผมอยู่ที่บ้านจะช่วยคุณป้องกันอย่างเต็มที่”
สีหน้าของอวี้หนานเฉิงดำคล้ำเสียยิ่งกว่าก้นหม้อ สายตาจับจ้องอยู่ที่ไหล่ของเซิ่งอันหราน
“เธอเป็นพี่สะใภ้ของนาย”
เขากล่าวเตือนด้วยคำขู่
“ผมรู้น่า เธอยังเป็นพี่สาวของผมด้วย”
หน้าตาของกู้เทียนเอินผุดผ่อง เขาดูอ่อนกว่าวัยและกระฉับกระเฉงกว่าอวี้หนานเฉิงมาก อวี้หนานเฉิงจ้องมองท่าทีของเขาและพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไม่โต้เถียงอะไรอีก ขณะก้าวเท้ากำลังจะเดินออกไป กลับพูดเตือนขึ้นมาเบาๆ ว่า
“คงได้เวลาโทรหาน้องสะใภ้สักหน่อยแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกู้เทียนเอินพลันหน้าเปลี่ยนสี มือข้างที่จับรีบชักออกราวกับถูกไฟดูด
“ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็นผู้ชาย คุณไปเรียนรู้นิสัยเสียชอบเป็นพวกขี้ฟ้องแบบนี้มาจากไหน”
“นักธุรกิจให้ความสำคัญกับวิธีการที่มีประสิทธิภาพและให้ผลดีเท่านั้น”
รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นมาตรงมุมปากของอวี้หนานเฉิง เขาก้าวข้ามไปและหันกลับมาจูบหน้าผากเซิ่งอันหรานต่อหน้ากู้เทียนเอิน ฝ่ามืออุ่นสัมผัสใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบาสองครั้ง
“จัดการธุระเรียบร้อยแล้วผมจะไปหา”
พูดจบ ก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินจากไป เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นหินอ่อนพร้อมกับเสียงกำชับกู้เทียนเอิน ดังก้องกังวานไปทั่วพื้นที่——
“ปกป้องอันหรานให้ปลอดภัย”
กิจกรรมการแข่งขันทักษะความรู้สำหรับแพทย์ฝึกหัดของโรงพยาบาลจินหลิง เป็นงานที่จัดขึ้นทุกๆ สองปีโดยโรงพยาบาลของรัฐบาลมากกว่าสิบแห่งในเมือง ดังนั้นจึงมีแพทย์ฝึกหัดจำนวนไม่มากที่จะมาทันโอกาสเช่นนี้ได้พอดิบพอดี เป็นการแข่งขันที่ลงทะเบียนด้วยความสมัครใจเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตาม ชื่อการลงทะเบียนของเซิ่งอันหรานกลับเขียนว่าฟ่านหลิงชวงไว้ที่ด้านหลังเธอ
เหตุผลก็คือการแข่งขันในครั้งนี้เป็นโอกาสหายาก หากอาศัยสติปัญญาของเซิ่งอันหราน มีความเป็นไปได้สูงว่าความสามารถที่มีอยู่จะเปิดเผยออกมาในระหว่างการแข่งขันนี้ เมื่อถึงตอนนั้นการฝึกงานให้ผ่านไปอย่างราบรื่นคงไม่ใช่ปัญหา และยังเป็นประโยชน์ในการเลื่อนตำแหน่งหลังจากบรรจุมาเป็นพนักงานประจำอีกด้วย
แต่ท้ายที่สุด สิ่งที่เกลี้ยกล่อมเซิ่งอันหรานได้สำเร็จก็คือคำพูดที่ว่า “ช่วงนี้เธอขอเปลี่ยนกะและลาหยุดบ่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันรับผิดชอบแทนเธอ ป่านนี้เธอคงถูกไล่ออกไปนานแล้ว”
ที่ปัดน้ำฝนช่วยขจัดละอองน้ำบนกระจกหน้ารถออกไป แต่เพียงไม่นานหมอกขาวก็ก่อตัวขึ้นมาใหม่ ภาพเบื้องหน้ามองเห็นเลือนราง เซิ่งอันหรานกระชับนิ้วบนพวงมาลัยแน่น ขับรถไปอย่างราบรื่น
บรรยากาศภายในรถเงียบไปชั่วขณะ กู้เทียนเอินกำลังเล่นของตั้งโชว์เล็กๆ บนรถ ของตั้งโชว์รูปฮัสกีเล็กๆ เมื่อรถสั่นสะเทือน หัวที่ติดตั้งสปริงไว้ด้านในจะสั่นดุกดิกไปมาอย่างน่ารัก
“คุณชอบของเล่นแบบนี้เหรอ?"
เธอขยับหัวเล็กๆ ของฮัสกี อย่างไม่ใส่ใจ
“เสี่ยวซิงซิงเป็นคนซื้อมา”
“ให้เสี่ยวซิงซิงกับจิ่งซีไปต่างประเทศ แต่คุณไม่ได้ไปด้วย เต็มใจไหม?"
แววตาของเซิ่งอันหรานสั่นไหวเล็กน้อย หลังจากที่ได้ยินคำถามของกู้เทียนเอินขนตาเธอกระเพื่อมเบาๆ รถขับรถต่อไปด้วยใบหน้านิ่งสงบ
“เสี่ยวซิงซิงเติบโตมากับฉัน เธอดูแลตัวเองได้ตั้งแต่อายุห้าขวบ จนตอนนี้อายุได้สิบสองปีแล้ว เรื่องส่วนใหญ่เธอทำมันเองคนเดียวทั้งหมด ฉันอาจจะไม่ใช่แม่ที่ดีเท่าไหร่ เธอเข้มแข็งมากๆ เลยล่ะ”
เธอหยุดชะงักไป แววตาหม่นหมองลง
“ข้อแรก ฉันมีเรื่องที่ต้องทำ ฉันไปไม่ได้ ข้อสอง ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาจะปลอดภัยกว่าถ้าฉันไม่ได้ไปกับพวกเขาด้วย”
“ที่คุณพูดก็ถูก”
กู้เทียนเอินแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย เขาหยิบตุ๊กตาผ้าที่ใช้เป็นพนักพิงขึ้นมาเล่น เซิ่งอันหรานจ้องมองไปข้างหน้า เพียงคำพูดประโยคเดียวเผยความคิดภายในใจเขาออกมา
“นายกับเยี่ยจือเป็นยังไงบ้าง? เมื่อกี้ที่หนานเฉิงพูดถึงเธอ สีหน้านายดูไม่ปกติเอาซะเลย"
ที่เซิ่งอันหรานไม่พูดอะไร เพราะกังวลว่าอวี้หนานเฉิงยังอยู่ตรงนั้น กู้เทียนเอินมีความพะว้าพะวังอะไรบางอย่าง เดิมทีเธอก็ไม่อยากเอ่ยถึง แต่เมื่อเห็นกู้เทียนเอินแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจ
แน่นอนว่าคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียวทำให้กู้เทียนเอินถึงกลับวางตุ๊กตาในมือลง ตุ๊กตาทั้งหมดนอนแหงนหน้ามองขึ้นไปยังหลังคารถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน