ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 53

“ขับรถ ไปอวี้ย่วนวิลล่า”

เกาหย่าเหวินขึ้นรถสั่งให้คนขับขับรถ ไม่สนผู้จัดการที่ตามออกมาจากห้องอัดรายการ

วันนี้เป็นวันลองชุดแต่งงานของเธอนะ เธอให้ความสำคัญกับวันนี้แค่ไหน อวี้หนานเฉิงไม่ใช่ไม่รู้ ยิ่งไปกว่านั้นสูทงานแต่งของ

อวี้หนานเฉิงยังไม่ได้ทำ และวันนี้ก็เป็นวันวัดตัวตัดชุด นัดดีไซเนอร์ไว้แล้ว ตารางงานวันนี้อวี้หนานเฉิงก็ยืนยันยกเลิกแล้ว จะผิดนัดได้ยังไง?

เธอสงสัยว่าจะเป็นอวี้จิ่งซีเด็กน่ารำคาญตัวภาระนั้นทำเสียเรื่อง

อีกด้านหนึ่ง

เซิ่งอันหรานเพิ่งถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง หลังแสดงการ์ดเชิญ ก็ถือของขวัญที่เตรียมไว้อย่างดีเข้าห้องจัดเลี้ยง

งานเลี้ยงเหมาโรงแรมจินหลิงทั้งชั้นทำเป็นงานเลี้ยงฉลองการหมั้น ตกแต่งโอ่อ่าตระการตา ลูกโป่งหลากสีเต็มไปหมด แขกที่มาร่วมไม่เป็นเศรษฐี ก็เป็นคนดัง

เซิ่งอันหรานมองไปรอบๆ ไม่เห็นคนรู้จักเลย เธอไม่คุ้นเคยกับงานแบบนี้ เลยเดินไปกินอาหารเงียบๆในมุมหนึ่ง

ในห้องแต่งตัวชั้นสอง คนสวมชุดราตรีเป็นกลุ่มล้อมรอบว่าที่คู่หมั้นหลีเย่ว์ ต่างก็เป็นเพื่อนตอนมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เจอกันนาน เวลานี้ทุกคนมีท่าทีประจบและคำพูดที่อิจฉาเหมือนๆ กัน

“หลีเย่ว์ เริ่มแรกฉันก็รู้สึกว่าเธอสวยที่สุดในหอพักของพวกเรา เธอยืนคู่กับเฉียวเจ๋อนั่นเหมือนสวรรค์บรรจงสร้างขึ้น”

“รอเธอจัดงานแต่ง เธอต้องให้ฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะ ไม่แน่ฉันอาจหาเจอใครสักคนในหมู่เพื่อนเจ้าบ่าว”

“เธอสวยมาก ฉันได้ยินว่ามาว่าชุดราตรีนี้ เฉียวเจ๋อให้ดีไซเนอร์อิตาลีทำให้เธอใช่ไหม? มูลค่า2แสนกว่าใช่ไหม? รีบให้ฉันจับหน่อย”

หลีเย่ว์หัวเราะเบาๆ ลูบชุดราตรีบนตัว “ไม่เท่าไหร่ ก็แค่2แสนกว่าเอง ที่สำคัญคือดีไซเนอร์คนนี้ คนทั่วไปเชิญมาไม่ได้นะ”

เฉียวเจ๋ออยู่ข้างๆ ถูกปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน ได้ยินหลีเย่ว์พูดก็ยิ่งหงุดหงิด ออกจากห้องแต่งตัว เดินตรงมุมทางเดินชั้นสอง จุดบุหรี่ม้วนหนึ่งเดินไปพลางสูบไปพลาง มองความคึกคักชั้นล่างอย่างเบื่อหน่าย ราวกับคนนอกคนหนึ่ง

“ว่าที่เจ้าบ่าว ทำไมถึงไม่มีความสุขเลย?”

ซูซินเพื่อนคู่หูคว้าไหล่เขาไว้ พูดอย่างสนุก“คงไม่ได้นึกเสียใจทีหลังหรอกนะ?”

เฉียวเจ๋อดีดเศษบุหรี่ สีหน้าเหนื่อยล้า “หากฉันบอกว่าใช่ละ นายเชื่อไหม?”

ซูซินชะงัก

“นายพูดจริงพูดเล่น? นายกับหลีเย่ว์คบกันมา6ปี ตอนนี้เกิดบ้าอะไร?”

เฉียวเจ๋อฝืนยิ้ม “ช่างเถอะ พูดไปนายคงไม่เข้าใจ”

6ปีก่อนตอนเพิ่งแอบคบกับหลีเย่ว์รู้สึกถึงแปลกใหม่ น่าสนใจ และตื่นเต้นดี

เธอเป็นคนเสนอตัวมากกว่าเซิ่งอันหราน มีวิธีการใหม่ๆ ต่างๆทำให้เขาสนุก เวลานั้นเซิ่งอันหรานยุ่งกับการทำวิจัยยา ไม่มีเวลาอยู่กับเขา ทำให้เขามีเวลาว่างมาก ถึงขนาดลืมไปว่าตัวเองยังมีแฟนสาวตัวจริงอยู่

ต่อมาเซิ่งอันหรานไปต่างประเทศกะทันหัน ตัดขาดกับทุกคน ในใจเขาแอบคิดว่าคืนนั้นเธอคงเห็นตัวเองกับหลีเย่ว์ ถึงได้เสียใจจากไป เขารู้สึกผิดอยู่พักหนึ่ง และตัดขาดหลีเย่ว์ไป แต่ต่อมาเพราะทนการเอาใจของหลีเย่ว์ไม่ไหว

หลังจากนั้นเขาก็คบกับหลีเย่ว์อย่างเปิดเผย นานวันเข้า ความแปลกใหม่หมดไป ทุกวันทนกับการยึดติดและระแวงของหลีเย่ว์ เขาถึงได้นึกถึงความดีของเซิ่งอันหราน

ซูซินตบหัวไหล่เขา เหมือนเข้าใจสุดซึ้ง “จริงๆ แล้วผู้หญิงก็แบบนี้ เริ่มต้นตอนเพิ่งคบกันก็แปลกใหม่ดี นานวันเข้า ความแปลกใหม่ก็หมดไป อย่าคิดมากเลย”

เฉียวเจ๋อปิดเงียบไม่ตอบอะไร

“งานเลี้ยงฉลองการหมั้นในวันนี้ของนาย มีสาวสวยมาร่วมไม่น้อย ฐานะทางบ้านก็ใช้ได้ แม่ฉันจับฉันดูตัวทั้งวัน ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้ว หาคนที่เข้าตาเองดีกว่า”

ความเศร้าบนหน้าเฉียวเจ๋อหายไปเล็กน้อย หัวเราะออกมา

“ทำไม? ถูกใจใคร? พี่ชายแนะนำให้นาย”

“นั่น คนนั้น สวยใช่ไหม” ซูซินยื่นปากไปทางมุมหนึ่งในชั้นล่าง ทำหน้าภูมิใจ

“ทั้งงานเลี้ยง ฉันรู้สึกว่าคนนี้เข้าตาที่สุดแล้ว รูปร่างหน้าตาไม่ต้องพูดถึง ที่สำคัญในออร่า มีความเป็นผู้ใหญ่แฝงความไร้เดียงสานั้น หึๆ ความรู้สึกแบบนั้นขึ้นเตียงต้องสยิวแน่ๆ”

มองตามสายตาของซูซินไปครู่หนึ่ง เฉียวเจ๋อไม่อาจละสายตา

ชุดเดรสเกาะอกสีเงิน หน้าสั้นหลังยาวลากพื้น เผยข้อเท้าเรียวเล็ก ลอนผมสยายอยู่ที่ไหล่ ในมือถือขนมหวาน กินอยู่ในมุมที่ไม่มีคนอยู่

ในความโก้หรูที่เสียงดังรอบๆ เธอเหมือนแพร่กระจายดินแดนบริสุทธิ์ไปรอบๆ อย่างนั้น สะอาดจนไม่มีควันไฟ แต่กลับมีความรู้สึกที่ทำให้คนอยากเข้าไปใกล้อย่างน่าประหลาด

“ฉันไม่คุยกับนายแล้ว ถือโอกาสที่คนอื่นยังไม่ลงมือ ฉันต้องไปก่อน”

“เดี๋ยวก่อน”

เฉียวเจ๋อได้สติ คว้าซูซินด้วยความไว น้ำเสียงตักเตือน “ห้ามไป”

“ทำไม?”

“ในงานเลี้ยงนายจะทำกับใครก็ได้ตามสบาย แค่คนนี้ที่ไม่ได้”

เซิ่งอันหรานกินขนมหวานไป3ชิ้น พนักงานบริการข้างๆ ยังอดมองเธอไม่ได้

ในเมื่องานเลี้ยงแบบนี้ เหมือนไม่ค่อยมีใครมางานเพื่อจะกินอาหารจริงๆ

เธอกำลังดื่มน้ำ เสียงคุ้นเคยหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง

“อันหราน”

หันหน้าไปเห็นเฉียวเจ๋อสวมสูทขาวทั้งตัว จัดทรงผมอย่างพิถีพิถัน เทียบกับตอนเป็นนักศึกษาไม่รู้ว่าดูสงบนิ่งกว่ามากเท่าไหร่ เวลานี้กำลังมองเธอ นัยน์ตามีเปลวไฟความตื่นเต้นกระโดดอยู่

“เป็นเธอจริงๆด้วย เธอมาได้ยังไง?”

เซิ่งอันหรานคิ้วกระตุก พูดแบบไม่ปิดบัง

“ได้รับการ์ดเชิญงานหมั้นของพวกนายถึงมา บวกกับคู่หมั้นนายโทรเชิญ3-4ครั้ง หากฉันยังปฏิเสธอีกละก็ คงแสดงว่าในใจฉันคิดไม่ซื่อ ไม่งั้นนายคิดว่าฉันจะมาทำไม?”

ฉุดเจ้าบ่าวรึไง? ฝันไปเถอะ

“ขอโทษ” เห็นชัดว่าเฉียวเจ๋อคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ เปลวไฟนัยน์ตาหม่นลงเล็กน้อย มากกว่าคือความเสียใจ“ฉันไม่รู้ว่า

หลีเย่ว์ทำแบบนี้ ทำให้เธอลำบากแล้ว”

เห็นท่าทีเขายังถือว่ามีมารยาท ความอึดอัดในใจของเซิ่งอันหรานก็หายไปได้บ้าง

“ไม่เป็นไร ไม่ได้ลำบากอะไร ตอนนั้นทุกคนก็เป็นเพื่อนเรียนกัน พวกนายหมั้นฉันมาอวยพรก็เป็นเรื่องสมควร นี่เป็นของขวัญที่ให้กับพวกนาย”

พูดอยู่ เธอยื่นกล่องของขวัญที่ถือไว้ในมืออยู่นานแล้วไป

“ไม่มีราคา แต่เป็นน้ำใจเล็กๆ จากฉัน”

“ฉันรู้” เฉียวเจ๋อรีบรับมา สายตาไม่ละจากหน้าของเซิ่งอันหรานไปเลย พูดอย่างเลื่อนลอย “ของขวัญมีค่าที่ใจ ฉันเข้าใจ”

คำพูดมากมายที่ไม่ทันได้พูดก่อนหน้านี้ และยังไม่ทันได้มองเธอจนพอ วันนี้มองใกล้ๆ อย่างถี่ถ้วน เธอดูใจดีและสวยขึ้นกว่าเมื่อ 6ปีก่อนมาก เหมือนหยกสวยชิ้นหนึ่ง แกะสลักลวดลายความเป็นตัวเองออกมา

“งั้น ขออวยพรให้นายกับหลีเย่ว์มีความสุข”

เซิ่งอันหรานยิ้มอย่างมีมารยาท

มาเข้าร่วมงานฉลองการหมั้นในครั้งนี้ สำหรับเธอแล้วเป็นเพียงการบอกลาเรื่องอดีตเท่านั้น

“อันหรานที่จริงฉัน…”

เฉียวเจ๋อท่าทางสับสน อึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก

“ที่จริงหลายปีนี้ฉันเป็นห่วงเธอมาตลอด ถามคนอื่นว่าเธออยู่ที่ไหน แต่ไม่เคยได้ข่าวคราวเลย หลายปีมานี้เธอสบายดีไหม?”

“ก็ดีนะ”

“งั้น งั้นก็ดี”

เฉียวเจ๋อกำถุงของขวัญในมือแน่น มีบางคำพูดที่พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดไปแล้ว วันนี้พูดออกมาไม่ได้แล้ว

“อาเจ๋อ!”

จู่ ๆ มีเสียงหวานหนึ่งดังขึ้น ทั้งสองคนหันไปพร้อมกัน เห็นหลีเย่ว์ถือกระโปรงเดินลงจากบันไดมาทางพวกเขาทั้งสอง

“ฉันก็ว่าอาเจ๋อคุยกับใคร ที่แท้เป็นเธอเองเหรอ อันหราน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน