ทางด้านนอกประตูทุกคนล้วนแล้วแต่ถือกล้อง พวกเขาเป็นนักข่าวบันเทิง ได้ยินข่าวแต่เช้าว่า เส้าซืออดีตเจ้าชายนักไวโอลินได้กลับมาถึงประเทศจีนและอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่กรุงเวียนนา หนังสือพิมพ์บันเทิงเพิ่งลงข่าวใหญ่ว่า นางเอกชื่อเสียงโด่งดังนามว่า ซูหรานราน ได้ไปฟังการแสดงพิเศษของเขาและหลังจากที่จบการแสดงทั้งคู่ก็หายไปด้วยกัน
นักข่าววงการบันเทิงให้ความสนใจในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของซูหรานหรานมาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว และเมื่อเร็วๆนี้ซูหรานหรานก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนในที่สุดก็ได้รับข่าวเกี่ยวกับตัวของเส้าซือ ฉะนั้นทุกคนเลยต้องการรีบรายงานข่าวนี้เป็นคนแรก
“นักข่าวพวกนี้มันบ้าไปแล้วหรือยังไง! ฉันไม่ได้มีความเกี่ยวอะไรกับซูหรานหรานอะไรนั่นเลย ไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ”
เส้าซือปิดตาแมวลงด้วยความโมโห
“หาใครไม่หา แล้วมาหาได้ยังไง”
“ตอนนั้นนอกจากซูหรานหรานก็มีแค่คุณ ก็ไม่แปลกใจเลยที่นักข่าวจะมาหาคุณ” อวี้หนานเฉิงชำเลืองมองเส้าซือ “ซูหรานหรานเป็นศิลปินหญิงที่โด่งดังในตอนนี้ ซึ่งตัวผมเองก็รู้จัก แล้วคุณจะไม่รู้ได้ยังไง?”
“นี่คุณ…”เส้าซือกลัวว่าเซิ่งอันหรานจะเข้าใจผิด เขาจึงจ้องเขม่นไปที่อวี้หนานเฉิง “คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“ก็ไม่ได้หมายความว่ายังไง แค่ถามเฉยๆ แต่ไม่คิดว่าคุณจะกระตือรือร้นอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองอย่างรีบร้อนขนาดนี้ เพราะที่นี่ก็ไม่ได้มีใครสนใจว่าคุณจะมีความสัมพันธ์กับเธออย่างไร ”
หลังจากที่อวี้หนานเฉิงพูดจบ ใบหน้าของเส้าซือก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
“อวี้หนานเฉิง คุณอย่ามาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่นะ”
“อย่าทะเลาะกันเลยเส้าซือ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้” เซิ่งอันหรานรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที “เรื่องเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ก่อน จะให้พวกเขามายืนอยู่ที่ประตูปิดทางเข้าออกแบบนี้ไม่ได้ "
“ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ ”เส้าซือหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“ไม่มีประโยชน์หรอก” อวี้หนานเฉิงพูดขึ้นอย่างมีชั้นเชิง “ไม่มีอาชญากรรม อย่างมากที่สุดก็แค่การมารบกวนผู้อื่น หลังจากที่ตำรวจขับไล่พวกเขาลงไปที่ชั้นล่างแล้ว ก็หมดหน้าที่ของตำรวจ ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็จะหาวิธีขึ้นมาใหม่ ”
เมื่อเห็นว่าอวี้หนานเฉิงพูดจาด้วยความไม่เกรงใจ เส้าซือจึงโต้กลับเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำว่า
“แล้วคุณมีวิธีอะไร ?คุณฉลาดและมีความสามารถมากนิ คุณลองพูดมาสิ”
ทันทีที่คำพูดประโยคสิ้นสุดลง เซิ่งอันหรานก็มองไปยังอวี้หนานเฉิงด้วย
เรื่องมันเป็นเพราะเส้าซือที่ทำให้พวกเขาต้องมาติดกันอยู่ในห้องนี้ ยังรวมถึงอวี้หนานเฉิง และลูกชายของเขาก็ต้องมาได้รับผลกระทบไปด้วย
“จริงด้วย ท่านประธานอวี้ คุณมีความคิดอะไรดีๆบ้างไหม?”
เซิ่งอันหรานถามขึ้น อวี้หนานเฉิงไม่อยากเสียเวลากับเส้าซือไปมากกว่านี้ เขาจึงพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า "โทรไปที่ฝ่ายบุคคลของอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ก่อน และขอให้พวกเขาพายามรักษาความปลอดภัยมานำคนกลุ่มนี้ลงไป"
“แล้วมันต่างอะไรกับที่ฉันจะโทรเรียกตำรวจล่ะ ?ยามมีประโยชน์มากกว่าตำรวจหรือไง?”เส้าซือเหลือบมองเขาอย่างดูถูก
ใบหน้าของอวี้หนานเฉิงยังสงบนิ่ง ไม่นานจากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“อย่างน้อยยามรักษาความปลอดภัยก็อยู่ที่นี่ตลอด แถมยังมาที่นี่ได้เร็วกว่าตำรวจเสียอีก ”
“เฮ้ ?คุณเถียงผมเหรอ!”
“เส้าซือ ปล่อยให้ประธานอวี้พูดให้จบก่อน” เซิ่งอันหรานมองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าอวี้หนานเฉิงคงไม่ได้มีวิธีแค่นี้หรอก เขาจะต้องมีวิธีอื่นอีกแน่
“ไม่ต้องรีบ” อวี้หนานเฉิงเหลือบมองไปที่นาฬิกาข้อมือของเขา “ยามน่าจะมาถึงแล้วล่ะ”
ไม่นานหลังจากอวี้หนานเฉิงพูดจบ ยามรักษาความปลอดภัยก็ได้ทำการแยกย้าย นักข่าวที่อยู่ข้างนอกออกไป พร้อมกับมาเคาะประตูเพื่อขอโทษ แล้วบรรยากาศทางด้านนอกก็ค่อยๆสงบลง
“ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว” เซิ่งอันหรานถอนหายใจด้วยความโล่ง
เซิ่งอันหรานพูดยังไม่ทันจบประโยคดี เสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้น "ติงต๊อง"
“คงไม่ได้กลับมาอีกรอบหรอกนะ?” เซิ่งอันหรานขมวดคิ้วอีกครั้งด้วยความลำบากใจ
การแข่งขันของวงการบันเทิงในตอนนี้ มันรุนแรงมากขนาดนี้เชียวหรือ?
อวี้หนานเฉิงเดินไปเปิดประตู
“ท่านประธาน ตอนนี้ทุกคนรออยู่ที่ชั้นล่างเป็นเวลาชั่วคราว ไม่ต้องเป็นห่วง”
คนที่มากดกริ่งคือโจวฟัง ผู้ช่วยของอวี้หนานเฉิง
“เอ๊ะ?”เส้าซือแสยะยิ้มด้วยใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม “ผู้ช่วยก็มาอยู่ที่นี่ด้วย คุณคิดจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ”
เมื่อเห็นว่าเซิ่งอันหรานเชื่อมั่นในตัวอวี้หนานเฉิงมากขนาดนั้น เขาก็ไม่อยากที่จะยอมแพ้ ผู้ชายคนนี้นอกจากจะหาเงินได้แล้ว ยังสามารถทำอะไรอีกนะ ทำไมถึงหยุดนักข่าวพวกนั้นได้
อวี้หนานเฉิงขี้เกียจจะพูดเรื่องไร้สาระกับเส้าซือ ส่วนโจวฟังนั้นรู้และเข้าใจความคิดเจ้านายของเขาเป็นอย่างดี เขาเดินเข้าไปและหยุดต่อหน้าของเส้าซือ
“คุณเส้าซือใช่ไหมครับ?”
“อืม”เส้าซือ ยกคางขึ้นเล็กน้อยด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง “ฉันเอง”
"รบกวนคุณเส้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับผมหน่อย"
“จะทำอะไร?”เส้าซือก้าวถอยหลังไปก้าวใหญ่ เขาดูตื่นตัวมาก “คุณต้องการทำอะไร?”
สีหน้าของโจวฟังดูเคร่งขรึมไม่เปลี่ยน "ผมจะใส่เสื้อผ้าของคุณและลงไปเบี่ยงเบนความสนใจของพวกนักข่าวที่ชั้นล่างก่อน จากนั้นที่ชั้นล่างจะมีคนจัดการส่งคุณไปที่โรงแรม ทุกอย่างถูกจัดการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว"
เส้าซือชะงักไปครู่หนึ่ง "ฉันจะต้องไปอย่างนั้นเหรอ? แล้วอันหรานกับซิงซิงล่ะ?"
วิธีนี้ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะเดิมที่เขาก็ต้องการหาวิธีจะออกไปจากที่นี่ เพียงแค่หาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของพวกนักข่าวออกไป แต่เป็นเพราะวิธีนี้อวี้หนานเฉิงเป็นคนจัดการ มันเลยดูเหมือนว่าตัวเขาถูกขับไล่ให้ออกไปเสียมากกว่า
“เมื่อคุณออกไปจากที่นี่แล้วพวกเธอก็จะปลอดภัย ” อวี้หนานเฉิงตอบคำถามด้วยท่าทีเรียบง่าย
เส้าซืออดที่จะจ้องตาอวี้หนานเฉิงไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมาหักล้างได้ ดังนั้นเขาจึงต้องยอมตามโจวฟังกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
สิบนาทีต่อมา โจวฟังสวมชุดของเส้าซือที่เคยถูกนักข่าวถ่ายภาพมาก่อนพร้อมกับแบกกระเป๋าไวโอลินไว้ด้านหลังค่อยๆเดินลงไปที่ชั้นล่าง ท่ามกลางนักข่าวจำนวนมาก โจวฟังกดหมวกลงเล็กน้อยเพื่อปิดบังใบหน้า จากนั้นก็ถูกยามรักษาความปลอดภัยพาตัวขึ้นรถไป ทางด้านหลังของรถที่เขานั่งมา มีกลุ่มนักข่าวขับตามมากันมาเป็นขบวน
ในเมื่อทุกคนไปกันหมดแล้ว เส้าซือจึงค่อยๆเดินลงมาจากตึกอย่างระมัดระวัง บอดี้การ์ดชายสองคนในชุดสูทนำทางเขาไปขึ้นรถและพาตัวเขาออกจากชุมชนแห่งนั้น
"ในที่สุดทุกคนก็ไปกันหมดแล้ว"
เซิ่งอันหรานนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่ง
"มันยังไม่จบ"
อวี้หนานเฉิงมองไปที่เซิ่งอันหราน "คุณต้องไปจัดกระเป๋าของคุณกับเสี่ยวซิงซิงด้วย"
เซิ่งอันหรานรู้สึกงงงวย“อ่า ?จัดกระเป๋าอะไร?”
“คุณคิดว่าหลังจากที่นักข่าวรู้ว่าเส้าซืออาศัยอยู่ที่นี่แล้ว ที่นี่ยังจะปลอดภัยอีกต่อไปไหม ?หลังจากที่พวกเขารู้ว่าคนที่อยู่บนรถคันนั้นไม่ใช่เส้าซือ พวกเขาจะต้องกลับมาที่นี่อีกแน่นอน”
“แต่เส้าซือก็ย้ายออกไปแล้วนิ”
“ผู้หญิงกับเด็กที่อาศัยอยู่กับเส้าซือ คุณไม่คิดว่าพวกเขาจะถามถึงหรือ?”
การวิเคราะห์ของอวี้หนานเฉิงนั้นละเอียดรอบคอบและไร้ที่ติมาก แม้แต่เซิ่งอันหรานก็ยังพูดไม่ออก ตอนนี้เธอรู้สึกลำบากใจมาก
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันคงไม่ใจอ่อนตอบตกลงกับเด็กคนนั้นไปตั้งแต่แรกหรอก หรือว่าเธอต้องไปขออาศัยในโรงแรมเซิ่งถังในราคาพนักงาน อย่างน้อยก็คงจะดีกว่าจะต้องมาอาศัยอยู่ที่บ้านของตัวเองในตอนนี้
บอดี้การ์ดของอวี้หนานเฉิงช่วยยกกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สองใบของเซิ่งอันหรานลงไปที่ชั้นล่าง
“หม่าม้า พวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันคะ?” เซิ่งเสี่ยวซิงเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับกะพริบตาด้วยสีหน้ากังวลใจ “กลับไปบ้านของคุณตาเหรอคะ?”
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว
หากตอนนี้มีแค่เธอตัวคนเดียว จะกลับไปที่บ้านตระกูลเซิ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเสี่ยวซิงซิงต้องกลับไปด้วย คงจะต้องถูกคนอื่นตราหน้าเป็นแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงทำใจยอมรับไม่ได้
ชายเสื้อของอวี้หนานเฉิงถูกกระตุกไปมาเป็นพักๆ เมื่อเขาก้มหน้ามองลงมา ปรากฏว่าอวี้จิ่งซีกำลังดึงชายเสื้อของเขาอยู่ ราวกับว่าเด็กน้อยกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา
อวี้หนานเฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักหรอกนะ ผมจัดการไว้ให้แล้ว”
###ต่อไปจะลงทุกวันตามปกติค่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน