ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 225

สรุปบท บทที่ 225-2 การเสียสละของสวี่ชีอัน (2): ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สรุปตอน บทที่ 225-2 การเสียสละของสวี่ชีอัน (2) – จากเรื่อง ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet

ตอน บทที่ 225-2 การเสียสละของสวี่ชีอัน (2) ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 225-1 การเสียสละของสวี่ชีอัน (2)

“แกว่งเท้าหาเสี้ยน” หลังจากตะลึงงันไปชั่วขณะ พ่อมดแห่งความฝันก็หัวเราะออกมา

‘ตึง ตึง!’ สวี่ชีอันกระโดดลงจากกำแพง ถือกระบี่ยาวสีดำทองที่ท่านโหราจารย์มอบให้ กัดฟันเอ่ย “ผู้ที่แกว่งเท้าหาเสี้ยนคือเจ้าต่างหาก เจ้าลูกหมา”

“สวี่หนิงเยี่ยน เจ้ามาทำไม” สีหน้าของเจียงลวี่จงเปลี่ยนไปอย่างมาก “มารดาของเจ้าส่งมาตายหรืออย่างไร เจ้าช่วยพวกเราไม่ได้หรอก ไป รีบหนีไปเสีย”

ข้ายังจะหนีพ้นอยู่หรือ…สวี่ชีอันคิดในใจ

ความจริงแล้วเขาหนีไปไม่ได้ เพราะพ่อมดแห่งความฝันพันธนาการเขาไว้แล้ว เขากำหมัดอย่างช้าๆ ควันดำเหนือศีรษะส่ายขยับเล็กน้อย ราวกับกำลังสะสมพลังอยู่

“หนิงเยี่ยน นี่เจ้า…” ผู้ตรวจการจางหลับตาลง “เจ้ากำลังทำอะไร”

สวี่ชีอันไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ใช้จิตสื่อสารหาไต้ซือเสินซู

“ไต้ซือ รีบช่วยข้าสังหารคนผู้นี้ที”

“ไต้ซือ”

“บัดซบ ไต้ซือ ท่านอยู่หรือเปล่า ท่านอย่าแกล้งข้าสิ”

“ไต้ซือ มารดาข้าเถอะ…”

กลุ่มหมัดถาโถมเข้าใส่ใบหน้า กระแสลมและเสียงคำรามพัดเข้ากกหู

ตอนนี้เอง พลันมีเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังไปทั่ว “สองมือไขว่คว้าเดือนดารา โลกนี้ยากจะหาใครเทียมเรา”

ใต้ฝ่าเท้าของสวี่ชีอัน มีลวดลายเป็นระลอกส่องสว่าง ยกสิ่งกีดขวางที่โปร่งแสงขึ้นมา

‘ตูม!’

พลังปราณกำลังระเบิดด้านนอกสิ่งกีดขวางออก เสียงของการระเบิดนั้นดังอื้ออึง อิฐสีเขียวที่วางอยู่บนพื้นถูกยกลอยขึ้นทันที ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว

ห้องโถงใหญ่ของกองสมุหเทศาภิบาลทรุดตัวไปกว่าครึ่ง เกิดเสียงดังกึกก้อง

อาการหูอื้ออยู่เป็นเวลานานผ่านพ้นไป สวี่ชีอันได้ยินเสียงคำรามของเจียงลวี่จง “หยางเชียนฮ่วน เจ้าเองก็อยู่ที่อวิ๋นโจว เหตุใดถึงได้เฝ้านิ่งดูดาย เหตุใดเมื่อครู่เจ้าไม่ลงมือเล่า”

สวี่ชีอันหันกลับมาทันที พลางเห็นเงาร่างในชุดขาวหันหลังให้พวกเขาอยู่

การที่หยางเชียนฮ่วนปรากฏตัวเขาไม่แปลกใจเลย เพียงอยากเอ่ยว่า ‘ไอ้ผีทะเล ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที’

สวี่ชีอันสงสัยมานานแล้วว่าโหรที่ลักพาตัวเหลียงโหย่วผิงซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของใครสักคนในสำนักโหราจารย์ เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นหยางเชียนฮ่วนมากที่สุด

เป็นอย่างที่คาดไว้จริงด้วย

‘ข้าน้อยแซ่หยางกระทำมาทั้งชีวิต แล้วจะอธิบายให้คนอื่นฟังด้วยเหตุใด’ ประโยคนี้ปรากฏในใจของหยางเชียนฮ่วนแต่ไม่ได้เอ่ยออกไป เขาถอนหายใจพลางเอ่ยอธิบาย

“ข้ามาอวิ๋นโจวเพราะคำสั่งของท่านอาจารย์ ไม่นานก็จะไม่อยู่ที่นี่แล้ว”

ท่านโหราจารย์ให้ภารกิจเขาคือเฝ้าดูสวี่ชีอันให้ดี

สวี่ชีอันอยู่ที่ไหน เขาก็อยู่ที่นั่น

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อฆ้องเงินหลายคนถูกฆ่าตาย

“ข้าจะพาพวกเจ้าออกไป” ลวดลายภายใต้ฝ่าเท้าหยางเชียนฮ่วนขยายกว้างขึ้น ปกคลุมสวี่ชีอัน รวมถึงผู้ตรวจการจางและคนอื่นๆ

“ฮึ!”

ลวดลายแตกสลายด้วยเท้าพ่อมดแห่งความฝันด้วยฝ่าเท้าเดียว “หยางเชียนฮ่วน คิดจะช่วยคนที่อยู่ในกำมือของข้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติมากพอหรอก”

คำตอบของหยางเชียนฮ่วนคือ “สองมือไขว่คว้าเดือนดารา โลกนี้ยากจะหาใครเทียมเรา”

“อวดดี!” หนวดเคราแพะของพ่อมดแห่งความฝันสั่น เหมือนกับจะโมโหแล้ว

“จะไปหรือไม่” หูของสวี่ชีอันมีเสียงหยางเชียนฮ่วนดังเข้ามา “ข้าสามารถพาเจ้าไปได้แค่คนเดียว ยิ่งคนมาก การเรียกใช้ลวดลายจะยิ่งถูกทำลาย”

มุมปากสวี่ชีอันกระตุก “เจ้ายังมีอีกหนึ่งวิธี พาคนผู้นี้ไป”

“แต่ข้างนอกยังมีพวกกบฏหลายร้อยคน” หยางเชียนฮ่วนตักเตือน

“ข้ารู้” สวี่ชีอันตอบ

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ หยางเชียนฮ่วนก็เอ่ยตอบ “ได้”

เขากระทืบเท้าอย่างแรง ลวดลายแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว คราวนี้ มีเพียงพ่อมดแห่งความฝันเท่านั้นที่ถูกห่อหุ้มไว้ กว่าเขาจะตอบสนองกลับมา ทั้งสองก็หายตัวไปจากที่เดิมแล้ว

“พาเขาออกไปต่อสู้กันเองที่นอกเมืองนะ” สวี่ชีอันเอ่ยตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า

ไม่มีการตอบกลับ

สวี่ชีอันนำร่างฆ้องเงินทั้งสองเข้าไปในห้องโถง ค่อยๆ วางไว้ปลายเท้าเจียงลวี่จง “ขออภัยที่ข้ามาช้าไป”

“ท่านไม่ควรมา” เจียงลวี่จงพูดเสียงขรึม

สวี่ชีอันรักษาการทางเข้าลาน ง้างกระบี่ฟันแล้วฟันเล่า…กบฏเข้ามาหนึ่งเขาก็ฆ่าหนึ่ง เข้ามาสองก็ฆ่าสอง

เกราะป้องกันที่อยู่ในกระบี่เล่มยาวซึ่งถูกผลิตขึ้นท่านโหราจารย์ท่านนี้เปราะบางราวกับกระดาษกาว นับประสาอะไรกับเลือดเนื้อ

ตอนแรกยังรู้สึกเหนอะหนะอยู่บ้างกับสองมือที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างสยดสยอง แต่ยิ่งฆ่าคนมาก ก็ยิ่งเย็นชาต่อมันมากเท่านั้น

ในหมู่กบฏส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา มียอดฝีมือจากขั้นหลอมปราณไม่กี่คน สำหรับสวี่ชีอันผู้ซึ่งเต็มไปด้วยพลังปราณภายใน และเท้าที่ก้าวเข้าสู่เขตหลอมวิญญาณไปครึ่งหนึ่งแล้ว ความจริงมีความแตกต่างไม่มากนัก

ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถทนทานต่อการต่อสู้กับผู้คนจำนวนมากได้ อีกอย่างสภาพร่างกายของเขาย่ำแย่ยิ่งนัก หลังจากตัดศีรษะคนไปมากกว่าสิบในคราวเดียว สวี่ชีอันก็หมดเรี่ยวแรง ภายในท้องเกิดพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แขนขาชาวาบ ก่อนจะหมดสติ

สิ่งที่ลำบากที่สุดยังคงเป็นหน้าไม้ ลูกธนูเหล่านั้นที่ปล่อยออกมาอย่างไม่ขาดสาย เดิมทีก็ไม่ใช่แค่กระบี่เล่มเดียวถึงจะสามารถสู้ได้อยู่แล้ว

โชคดีที่มีอาวุธเวทมนตร์ของฆ้องทองแดงผูกติดอยู่ที่หน้าอก ทำให้กระบี่ หอก และหน้าไม้ทำร้ายร่างกายเขาไม่ได้ สวี่ชีอันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกันลูกศรที่ถูกลอบยิงพุ่งมาทางประตู ส่วนพื้นที่อื่นๆ ก็ปล่อยมันไป

หลังจากตัดศีรษะคนไปห้าสิบคนในคราวเดียว สวี่ชีอันก็มาถึงขีดจำกัดอันดับแรกแล้ว พลังปราณในร่างกายหมดสิ้น ดวงตาเป็นสีดำทั้งหมด วิญญาณเหมือนสระน้ำที่เหือดแห้ง ต่อมาก็เป็นลมล้มไป

หลังเขาผ่านขีดจำกัดนี้มาได้ กลับค้นพบสิ่งที่น่าแปลกใจ น้ำได้ผุดขึ้นจากสระน้ำที่เหือดแห้ง หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณไว้

ทิวทัศน์โดยรอบเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้น การแสดงสีหน้าที่ดุร้ายของพวกทหาร กล้ามเนื้อที่ปูดโปน และท่าทางการแกว่งกระบี่ไปมา…รายละเอียดทั้งหมดถูกบันทึกและตราตรึงอยู่ในใจอย่างแม่นยำ…

นี่คือขั้นหลอมวิญญาณ ขั้นหลอมวิญญาณที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

ไม่ มันยังไม่ถึงขีดจำกัด ยังสามารถบรรลุต่อไปได้อีก

เผชิญความตายอย่างกล้าหาญ!

สวี่ชีอันเข้าใจสิ่งที่ไต้ซือเสินซูหมายถึงในทันที

การสะกดจิตวิญญาณอย่างไม่ยอมแพ้ ก็เหมือนการเผชิญความตายอย่างกล้าหาญในตัวของมันเอง แต่มันยังไม่เพียงพอ หากจิตวิญญาณเปรียบเสมือนเหล็กแท่งหนึ่ง เลื่อนขั้นจากนักรบธรรมดาไปสู่ขั้นหลอมวิญญาณ ก็เทียบเท่ากับการตีด้วยค้อนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

สิ่งที่สวี่ชีอันกำลังทำอยู่ตอนนี้คือการตอกตะปูซ้ำๆ อดทนฝึกฝนจิตวิญญาณ ทำลายขีดจำกัดครั้งแล้วครั้งเล่าบนเส้นแบ่งเขตระหว่างชีวิตและความตาย

หลังจากตัดศีรษะไปหนึ่งร้อยคน เขาก็ต้องเผชิญกับขีดจำกัดอีกครั้ง หลังจากยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง น้ำพุก็ผุดขึ้นใหม่ ทำให้พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง

“ไม่ไหวแล้ว ใกล้จะปิดกั้นไว้ไม่อยู่แล้ว…ไต้ซือที่เคารพรัก ข้าขอฝากชีวิตนี้ไว้กับท่าน ท่านอย่าได้มัวล้อเล่นกับชีวิตข้านะ…ในเมืองหลวงยังมีสาวๆ กลุ่มใหญ่ที่ข้าอยากรู้จักอีกมาก…”

หลังจากตัดศีรษะไปสองร้อยคนในคราวเดียว น้ำพุก็ไม่ผุดขึ้นมาอีก เพราะสวี่ชีอันได้ตายตกไปเพราะความอ่อนเพลียแล้ว

การเติบโตอย่างรวดเร็วของจิตวิญญาณไม่สัมพันธ์กับร่างกาย เขาเอาแต่สะกดจิตวิญญาณ ความจริงการสะกดร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า จิตวิญญาณย่อมมีน้ำพุผุดขึ้นมาใหม่ ทว่าร่างกายไม่มี

……………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง