บทที่ 303 ณ สุสาน
ตอนนี้จงหลีถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ไม่อาจปล่อยนางไว้ข้างนอกได้ สวี่ชีอันเป็นชายผู้อ่อนโยนต่ออิสตรีมาแต่ไหนแต่ไร
แต่การพานางไปที่สุสาน อาจเสี่ยงต่อการพังพินาศยกกลุ่ม ดังนั้นการตัดสินใจของนักบวชเต๋าจินเหลียนจึงปลอดภัยที่สุดและได้รับการอนุมัติเป็นเอกฉันท์จากทุกคน
ในคืนนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
จงหลีนั่งขัดสมาธิ ทันใดนั้นหมูป่าตัวใหญ่ก็พุ่งออกมาจากพงหญ้าข้างกาย และโจมตีนางอย่างดุร้าย นกบินข้ามศีรษะของนางก็ถ่ายมูลลงมา
จู่ๆ ต้นไม้ใหญ่ก็ถูกลมพัดมากระแทกที่หัวนางอย่างแรง นายพรานที่เข้ามาล่าสัตว์บนภูเขาตอนกลางคืน ก็ยิงธนูพลาด จนเกือบฆ่านางตาย…
น่าสังเวช น่าสังเวชเหลือเกิน เหล่าบุรุษผู้เป็นศักขีพยานความโชคร้ายของจงหลีกับตาต่างนิ่งเงียบ
ชายชาตรีต่างเงียบงัน ส่วนสาวเจ้าน้ำตาคลอ
ในที่สุดก็ถึงเวลารุ่งสาง จงหลีจัดแจงรายการของเพื่อสกัดวิญญาณชั่วร้าย และขอให้เฉียนโหย่วไปซื้อในตัวเมือง
“ข้า ข้าของีบสักประเดี๋ยว…”
จงหลียื่นมือเล็กๆ และคว้าแขนเสื้อของสวี่ชีอันเอาไว้ “เจ้าอย่าทิ้งข้านะ”
เมื่อเฉียนโหย่วกลับมาจากซื้อของ จงหลียังนอนหลับอยู่ สวี่ชีอันแบกนางไว้บนหลัง แล้วเดินตามนักบวชเต๋าจินเหลียนและคนอื่นๆ ไปยังเทือกเขาทางตอนใต้
“อืม…” จงหลีส่งเสียงพึมพำ
“เจ้านอนต่อเถอะ ถ้าไปถึงปากทางเข้าสุสานแล้ว ข้าจะปลุกเจ้าเอง” สวี่ชีอันเอ่ยเสียงเบา
จงหลีจึงหลับต่อด้วยความสบายใจ
เวลาผ่านไปสองชั่วก้านธูป เฉียนโหย่วก็พาทั้งกลุ่มเดินทางมาถึงช่องเขาแห่งหนึ่ง และได้พบทางเข้าสุสานซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยกิ่งไม้ระเกะระกะ
หลังจากที่เฉียนโหย่วย้ายกิ่งไม้ออกให้พ้นทาง ก็ปรากฏทางเดินแคบๆ พอให้หนึ่งคนผ่านไปได้
“เข้าไปกันเถิด” นักบวชเต๋าจินเหลียนกล่าว
“อืม ไปกัน”
ฉู่หยวนเจิ่นและเหิงหย่วนพยักหน้า จากนั้นมองไปยังสวี่ชีอันกับนักบวชเต๋าจินเหลียน
“บอกเหตุผลมา!” สวี่ชีอันกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“จิตสัมผัสของทหารระดับหลอมวิญญาณสามารถรับรู้ได้ถึงวิกฤตการณ์ล่วงหน้า” นักบวชเต๋าจินเหลียนยิ้ม
“พลังเทวราชคุ้มกายาแห่งระดับเพชรไร้พ่าย” ฉู่หยวนเจิ่นกล่าวเสริม
“ก็ได้ พวกเจ้าเลิกยกยอข้าได้แล้ว” สวี่ชีอันที่แบกจงหลีไว้บนหลังก้มตัวลงและเดินเข้าไปในถ้ำโจร
พวกนักบวชเต๋าจินเหลียนทั้งสี่คนเดินตามหลังไป โดยรักษาระยะห่างไม่ให้ใกล้เกินไป
ทางเดินจากปากทางเข้าช่วงแรกแคบมาก ต้องเดินเข้าไปได้ทีละคน หลังจากเดินไปอีกหลายสิบก้าว จู่ๆ พวกเขาก็ถึงบางอ้อ
เมื่อออกจากถ้ำโจร ก็พบกับพื้นที่โล่งกว้างเบื้องหน้า เมื่อเขากระโจนพ้นจากถ้ำโจร สวี่ชีอันก็เหยียบก้อนอิฐ ที่คิดว่าน่าจะหล่นลงมาจากกำแพง ตอนที่พวกโจรเข้ามาขุดสุสาน
‘กึก กึก….’
เขากะเทาะหินเหล็กไฟและจุดคบเพลิงที่เตรียมไว้ แสงไฟลุกโชติช่วง
ถ้ำโจรแห่งนี้เปิดมาเกือบสามเดือนแล้ว อากาศถ่ายเทได้ดี ปริมาณออกซิเจนในสุสานสูงมาก…แบบนี้ไม่ดีแน่ มันจะทำลายโบราณวัตถุในสุสาน ของบางอย่างเมื่อสัมผัสกับออกซิเจนแล้ว จะเสื่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว…เอ๊ะ ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นนี่หว่า คิดหาทางเอาตัวรอดให้ได้ก่อนเถอะ…สวี่ชีอันบ่นในใจ
เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง นักบวชเต๋าจินเหลียนและคนอื่นๆ ก็ออกมาจากถ้ำโจรและกระโจนเข้าไปในสุสาน
ทุกคนจุดไฟพร้อมกันเพื่อส่องสว่างในความมืดมิด
สวี่ชีอันก้มศีรษะของเขา หยิบอิฐขึ้นมาก้อนหนึ่ง และพยายามบีบมัน จึงพบว่าอิฐก้อนนี้แข็งกว่าที่เขาคาดไว้มากโข
“นี่คืออิฐอะไร” เขาถาม
นักบวชเต๋าจินเหลียนขยับคบเพลิง จ่อเข้าใกล้ และมองดูมันอย่างพินิจ “อิฐชิงกัง”
“?”
สวี่ชีอันมองไปที่เขา
“เป็นหินหายาก มีจุดเด่นคือแข็งแรง ไม่ผุกร่อนง่าย” ฉู่หยวนเจิ่นอธิบาย
“ข้าเคยเห็นอิฐชนิดนี้ในหนังสือ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นของจริง”
สวี่ชีอันพยักหน้าและพูดว่า “ที่เราเข้ามาคงจะเป็นรอบนอกของสุสานใหญ่ ดูจากอิฐนี่แล้ว ทั้งสุสานนี้คงก่อด้วยอิฐชิงกังทั้งหมด
“เจ้าของสุสานนี้ เป็นผู้สูงศักดิ์กว่าที่พวกเราคิด”
‘สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะในการคลี่คลายคดี ความคิดช่างยืดหยุ่น ความสามารถในการไตร่ตรองและวิเคราะห์ช่างแข็งแกร่ง’ ฉู่หยวนเจิ่นคิด
ทุกคนค้นหาภายในสุสานรอบหนึ่ง พบโลงศพสิบสองโลง และศพสี่ศพ พวกเขาตายมาแล้วหลายวัน ร่างกายเริ่มส่งกลิ่นเหม็นจางๆ
“สามคนเป็นพี่น้องพวกเดียวกัน ส่วนอีกคนเป็นยอดฝีมือที่ได้รับเชิญมา” เฉียนโหย่วกล่าวเสียงต่ำ
แม้ว่าภารกิจนี้จะมีความเสี่ยงสูงและอันตรายรอบด้าน แต่จิตใจของเขาก็ยังหนักแน่น
สวี่ชีอันวางจงหลีลง ส่งคบเพลิงให้นางและนั่งลงเพื่อตรวจสอบสภาพศพ “ใบหน้าเป็นสีเขียวคล้ำ ริมฝีปากเป็นสีดำ เสียชีวิตด้วยพิษ”
“ในอากาศไม่มีละอองพิษ” จงหลีกล่าว
สวี่ชีอันพยักหน้า ถอดเสื้อผ้าของผู้ตายอย่างรวดเร็ว และพบว่ามีบาดแผลเล็กๆ หลายแห่งที่แขนของศพ ราวกับว่าถูกแมลงบางชนิดกัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง