บทที่ 415 จักรพรรดิหยวนจิ่ง “เมล็ดบัวของข้าเล่า”
ภายในประตูหิน เสียงของชายชราแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนอื่น ต้องรู้ว่าท่านโหราจารย์คนปัจจุบันกำลังวางแผนอะไรอยู่ ท่านโหราจารย์รุ่นแรกไม่ฆ่าเจ้า เพราะต้องการขโมยโชคชะตา หากเจ้าตาย โชคชะตาก็จะกลับคืนสู่ต้าฟ่ง คนที่ชื่อจีเชียนพูดเช่นนี้ ใช่หรือไม่”
สวี่ชีอันพยักหน้า
ชายชราพูดต่อ “แต่คำกล่าวนี้มีช่องโหว่ หากเป็นเช่นนั้น ท่านโหราจารย์คนปัจจุบันก็เพียงแค่ต้องฆ่าเจ้า เพื่อทำลายแผนของอีกฝ่าย”
สวี่ชีอันร้อง ‘อืม’ ออกมา “ดังนั้นท่านโหราจารย์คนปัจจุบันยังมีเป้าหมายอื่นอีก หรือบางทีจีเชียนอาจจะเข้าใจผิด”
ชายชรากล่าวชม “เจ้าฉลาดมากจริงๆ พวกเราเป็นทหาร ด้วยบุคลิกของทหาร เมื่อเจอเรื่องเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องลังเลแม้แต่น้อย คว่ำโต๊ะทันที”
“คว่ำได้หรือขอรับ” สวี่ชีอันเอ่ยเสียงขรึม
“เจ้าก็สะสมกำลังและหาทางเอาตัวรอดไปก่อน ไม่ว่าท่านโหราจารย์ทั้งสองรุ่นจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นความจริง นั่นคือโชคชะตาอยู่ภายในร่างกายของเจ้า มันคือพลังของเจ้าและมันกลายเป็นที่พึ่งของเจ้า นี่เป็นความจริงที่ท่านโหราจารย์ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าน่าจะเข้าใจความหมายของข้า”
ชายชรากล่าว
“ในส่วนของการสะสมกำลัง ไม่รู้ว่าจะมีผู้อาวุโสหรือไม่” สวี่ชีอันหัวเราะ
ชายชราเงียบไปครู่หนึ่งและเอ่ยเรียบๆ “เจ้ามาร่วมงานเลี้ยงที่ภูเขาเฉวี่ยนหรงก็เพื่อการนี้สินะ”
สวี่ชีอันพยักหน้าและส่ายหน้า “ข้าเพียงแค่ลองเสี่ยงดูเท่านั้น บังเอิญข้าโชคดีพอดี”
ชายชราหัวเราะ “ได้ หากเจ้าสามารถหารากบัวเก้าสีมาให้ข้าได้ ข้าจะช่วยเจ้า!”
สวี่ชีอันเกิดความลังเล “ชิ้นเล็กๆ ได้หรือไม่”
ชายชราถามกลับ “รากบัวชิ้นเล็กๆ สามารถช่วยให้ข้าเลื่อนสู่ขั้นสองได้หรือ”
ดูท่าแล้วคงต้องการรากบัวทั้งราก อย่างน้อยก็ส่วนใหญ่ หากเป็นเช่นนี้ รากบัวที่อยู่ในมือข้าก็ไร้ประโยชน์…และรากบัวเก้าสีก็เป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายปฐพี นักบวชเต๋าจินเหลียนไม่มอบมันให้ข้าอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคิด
“เป็นของอย่างอื่นแทนได้หรือไม่“ สวี่ชีอันไม่ได้เกี่ยวพันกับรากบัวอีก
“อาจจะ!“ ชายชรากล่าว
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง สวี่ชีอันก็ถามว่า “ท่านเคยเจอท่านโหราจารย์เมื่อห้าร้อยปีก่อนคนนั้นหรือไม่”
“เคยเจอ!”
ชายชราให้คำตอบยืนยันและหัวเราะต่อ “ตอนนั้นเขายังไม่ได้บุกเบิกระบบโหร มีเรื่องน่าสนใจ ผู้ชายคนนั้นเป็นชายหนุ่มที่งดงามดุจผกา อืม เหมือนกับชายหนุ่มที่เจ้าพาขึ้นภูเขา เขาอยู่กับจักรพรรดิเกาจู่แห่งต้าฟ่งตลอดทั้งวันราวกับเงาตามตัว เป็นคนที่ฉลาดสุดขั้ว ให้ความสำคัญกับความรัก ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ แต่ดันทุรังเล็กน้อย จริงสิ ความปรารถนาของทั้งสองคนเหมือนกัน ไม่แสวงหาชีวิตยืนยาว”
ฟังเจ้าพูดแล้ว เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่ารุ่นแรกกับเกาจู่ตกหลุมรักกัน…สวี่ชีอันพร่ำบ่นในใจ
งดงามเหมือนกับผู้หญิง ให้ความสำคัญกับความรัก ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ ดันทุรังและไม่แสวงหาชีวิตยืนยาว!
เขาจดจำประเด็นหลักเหล่านี้อย่างเงียบๆ และประสานมือคำนับ “หากผู้อาวุโสไม่มีธุระแล้ว เช่นนั้นผู้น้อยขอตัวก่อน”
เสียงของชายชราดังมาจากข้างหลัง
“จะกำจัดโชคร้ายที่ใกล้เข้ามาของตัวเองอย่างไร เจ้าคิดไว้แล้วใช่หรือไม่”
“ผู้อาวุโสรอก่อนเถิด บางทีอีกไม่นาน ฆ้องเงินสวี่อาจจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ บางทีเขาอาจจะทำเรื่องที่ทำให้จิ่วโจวตื่นตระหนก” สวี่ชีอันไม่หันกลับ
“ข้าจะคอยดู” ชายชราหัวเราะ
…
หลังออกจากด้านหลังเขา แสงแดดสีแดงทองก็ส่องไปทั่วทั้งยอดเขา เขาเดินไปที่ลานของตัวเอง เวลานี้เฉาชิงหยางได้แยกย้ายทุกคนแล้วและนำหยางชุยเสวี่ยกับยอดฝีมือขั้นสี่คนอื่นๆ มารอเขาที่ประตูลาน
“บรรพชนคุยอะไรกับเจ้าหรือ”
“ฆ้องเงินสวี่ ปราณดาบเมื่อสักครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น…”
“ฆ้องเงินสวี่ ให้ข้าดูดาบพกของเจ้าหน่อยได้หรือไม่”
เจ้าลัทธิกับเหล่าหัวหน้ากรูกันเข้ามา
ผู้ดูแลหอหมื่นบุปผาเซียวเยว่หนูสวมเสื้อคลุมสีชมพูยืนสำรวมอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จา แต่นัยน์ตาคู่งามมองไปที่สวี่ชีอันอย่างเงียบๆ เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“เรื่องที่ผู้อาวุโสเฒ่าคุยกับข้านั้นเป็นความลับ ไม่อาจบอกคนนอกได้ ส่วนมัน…”
สวี่ชีอันหยิบดาบไท่ผิงที่แขวนไว้ตรงเอวมาตั้งบนพื้นและเลิกคิ้วยิ้ม “พวกเจ้าคนใดสามารถดึงมันออกมาได้ก็ลองดู”
“แค่ดาบเล่มหนึ่งเท่านั้นเอง”
หัวหน้าขั้นสี่ที่ใช้ดาบคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาเร่าร้อน เขาถูมือ จับด้ามดาบไว้และออกแรงดึง
ดึงไม่ออก
ออกแรงอีกครั้ง
ยังคงดึงไม่ออก
‘นี่…’ ทุกคนประหลาดใจและล้อมวงเข้ามา
“ไปให้พ้นๆ”
หัวหน้าคนนั้นไล่ทุกคนออกไป เขารู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย กล้ามแขนขยายใหญ่และพลังปราณก็ระเบิดอย่างรุนแรง
‘ชิ้ง!’
ดาบไท่ผิงออกจากฝักและถูกดึงออกมาอย่างกะทันหัน
วินาทีต่อมา หัวหน้าคนนั้นก็ชักมือกลับราวกับไฟฟ้าช็อต ฝ่ามือเจ็บแสบเหลือคณานับ
ดาบไท่ผิงดูเหมือนจะขุ่นเคืองเล็กน้อย คมดาบหันมา เล็งไปที่หัวหน้าคนนั้นและแทงออกไป
หนึ่งคนหนึ่งดาบไล่ล่ากัน
“อา อาวุธวิเศษ…”
“ดาบเล่มนี้คืออาวุธวิเศษหรือ เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่รู้สึก”
“อาวุธวิเศษมีจิตวิญญาณ หากไม่ใช่เจ้านายจะไม่สามารถดึงและใช้มันได้ ท่านอาศัยพละกำลังอันดุร้ายบังคับดึงดาบออกมา จึงทำให้มันโกรธ”
ทุกคนมองตาค้างและตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าดาบพกของสวี่ชีอันจะเป็นอาวุธวิเศษ แม้ว่าพวกเขาจะเห็นนิมิตตามธรรมชาติด้วยตาตัวเองเมื่อสักครู่นี้ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อมโยงมันกับดาบพก ทุกคนล้วนคิดว่าฆ้องเงินสวี่ตื่นรู้
ทหารขั้นสี่เหล่านี้ต่างก็มองดาบไท่ผิงและเผยสีหน้าน้ำลายหกออกมา
อาวุธวิเศษ
นี่คืออาวุธที่เหนือกว่าอาวุธเวทมนตร์ อาวุธวิเศษทุกชิ้นล้วนมีจิตสำนึกที่เป็นอิสระและหลุดออกจากขอบเขตของอาวุธในระดับหนึ่ง
เหมือนกับเป็นมิตรสหายมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน อาวุธวิเศษยังสามารถสะสมปราณดาบด้วยตัวเองได้และเผชิญหน้ากับศัตรูด้วยตัวเองได้
ยืมคำพูดเมื่อชาติที่แล้วของสวี่ชีอัน ‘ข้าเป็นอาวุธที่โตเต็มวัยแล้ว ข้าสามารถต่อสู้ด้วยตัวเองได้’
สำหรับเหล่าจอมยุทธ์พเนจร อาวุธเวทมนตร์สามารถนับว่าเป็นมรดกสืบทอดของวงศ์ตระกูลได้ จากพ่อสู่ลูก จากลูกสู่หลาน และสำหรับองค์กรในยุทธภพ อาวุธวิเศษสามารถนับว่าเป็นสมบัติของนิกายได้
เหนืออาวุธวิเศษยังมีของวิเศษอีก
ความแตกต่างระหว่างอาวุธวิเศษกับของวิเศษไม่ได้ดูกันที่วิธีการโจมตีและการสังหาร แต่เป็นความพิเศษกับเอกลักษณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง