บทที่ 448 ขั้นแรกของการสืบเสาะ
เมื่อเห็นข้อความของหมายเลขหนึ่ง สวี่ชีอันก็รู้สึกร้อนตัวและละอายใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดันนั้นเขาจึงไม่ตอบสนองในทันที
หมายเลขสอง ‘เจ้ามีเบาะแสของเหิงหย่วน? เร็วเช่นนี้เลยรึ?’
สมแล้วที่เป็นจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหิน กระตือรือร้นในการสาธารณประโยชน์และกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง! สวี่ชีอันชื่นชมอย่างเงียบๆ
ในเวลาเดียวกัน สวี่ชีอันก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา สมแล้วที่เป็นฮว๋ายชิ่ง สมแล้วที่เป็นบัณฑิตหญิงหัวกะทิอันดับหนึ่งของต้าฟ่ง ศักยภาพช่างน่าทึ่งจริงๆ
หนึ่ง ‘ระหว่างฆ่าผิงหย่วนป๋อ เหิงหย่วนบังเอิญเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น นี่คือการคาดเดาของหมายเลขสาม ตกลงแล้วเขาเห็นอะไรกันแน่? ไม่มีทางคาดเดาได้ ข้ารู้สึกสับสนเพราะเหตุนี้ กระทั่งนอนก็ยังหลับตาไม่ลง’
จิตวิญญาณในการขบคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย คือมาตรฐานของบัณฑิตหัวกะทิ สมแล้วที่เป็นฮว๋ายชิ่ง ถ้าตอนนั้นข้ามีจิตวิญญาณเช่นนี้ มหาวิทยาลัยชิงหวาคงกวักมือเรียกข้าไปแล้ว…ไม่สิ พูดเช่นนี้ไม่ได้ ควรจะเป็น ข้าไม่เคยให้โอกาสมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พวกมันจะดีเพียงใด ข้าก็เป็นนักเรียนที่พวกมันรับไม่ได้…
สวี่ชีอันถือชิ้นส่วนหนังสือปฐพี พลางบ่นอุบอิบอย่างเงียบๆ
หมายเลขหนึ่งยังคงส่งข้อความต่อไปว่า ‘ด้วยอุปนิสัยขี้สงสัยของฝ่าบาทของพวกเรา เขาจะต้องฆ่าปิดปากเหิงหย่วนอย่างแน่นอน แต่นักบวชเต๋าจินเหลียนบอกว่า ตอนนี้เขายังไม่ตาย เช่นนั้น เขาย่อมถูกคุมขังอยู่ในสถานที่ที่ฝ่าบาทสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา แต่หลังจากที่สายลับของไหวอ๋องพาเหิงหย่วนเข้ามาในเมืองชั้นใน ก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย แล้วเขาไปที่ใดกันแน่?’
ฮว๋ายชิ่งระมัดระวังจริงๆ คำก็ฝ่าบาท สองคำก็ฝ่าบาท เห็นๆ กันอยู่ว่านั่นคือเสด็จพ่อของเจ้า…
ตอนนี้สวี่ชีอันเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะแขวะฮว๋ายชิ่ง จนกระทั่งคิดหาวิธีทำให้นางติดกับ
หมายเลขหนึ่ง ‘ต่อมา การคาดเดาเกี่ยวกับการหนีลงใต้ดินของหมายเลขสี่ ทำให้ข้าเจาะออกมาจากปัญหาที่แก้ไม่ได้ครั้งก่อน มีชีพจรมังกรอยู่ใต้ดินของเมืองหลวง ชีพจรมังกรขยายไปทุกทิศทาง หากใช้วิธีหนีลงใต้ดิน ก็สามารถใช้ชีพจรมังกรเป็นพื้นฐานในการเดินทางได้ ดังนั้น ข้าจึงตรวจสอบจวนของผิงหยวนป๋อ และพบว่าจวนหลังนั้นคือจวนพระราชทาน ซึ่งจวนที่จักรพรรดิมอบให้ขุนนาง เป็นสิ่งที่มีข้อกำหนดเฉพาะ ตัวอย่างเช่น สถานที่ที่มีตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ยอดเยี่ยม ถึงจะมีคุณสมบัติในการสร้างจวนดังกล่าว และในเมืองหลวง สถานที่ที่มีตำแหน่งฮวงจุ้ยดีที่สุด ตั้งอยู่บนชีพจรมังกรอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากแอบเข้าไปในจวนของผิงหย่วนป๋อ ข้าก็พบเส้นทางลับในสวนหินประดับด้านหลังจวน…’
หมายเลขหนึ่งบอกรายละเอียดของเรื่องราวให้ทุกคนในพรรคฟ้าดินได้ทราบ
ที่แท้จวนของผิงหย่วนป๋อก็มี ‘อุโมงค์ใต้ดิน’ จริงๆ เช่นนั้นก็สามารถตรงเข้าไปในพระราชวังผ่านค่ายกลใต้ดินได้ใช่หรือไม่?
แม้ว่าทุกคนในพรรคฟ้าดินจะประหลาดใจ แต่สุดท้ายก็สอดคล้องกับเหตุผลเดิม ดังนั้น พวกเขาจึงสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว และรู้สึกยินดีกับความคืบหน้าของคดี
ถึงแม้หมายเลขหนึ่งจะไม่เปิดเผยตัว แต่สติปัญญาและความสามารถก็ควรค่าแก่การไว้วางใจ เพียงแค่เป็นรองสวี่ชีอันในแง่ของการสืบสวนคดีเท่านั้น…
หลี่เมี่ยวเจินพองแก้มด้วยความกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย
ฮึ่ย! เป็นเพราะสวี่ชีอันที่หมกเม็ด ไม่ยินยอมถ่ายทอดทักษะของเขามาให้ตนเอง ดังนั้น ระดับทักษะการสืบสวนของนางจึงก้าวหน้าเพียงน้อยนิด
ทางด้านทิศเหนือที่ห่างไกล ฉู่หยวนเจิ่นที่โดยสารอยู่บนเรือรบส่งข้อความมาว่า ‘จะเปิดใช้งานแผ่นหินนี้อย่างไร? ต้องใช้วัตถุที่มีข้อกำหนดพิเศษ หรือว่าสัจจคาถาบางตอน?’
หมายเลขหนึ่ง ‘ต้องใช้วัตถุที่มีข้อกำหนดพิเศษ ถึงจะสามารถกระตุ้นคาถายืมดินหลีกหนีที่จารึกอยู่ในแผ่นหินได้ นอกจากนี้ เป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนคาถายืมดินหลีกหนีได้ด้วยตนเอง คนทั่วจิ่วโจวที่สามารถเปลี่ยนคาถายืมดินหลีกหนีให้เป็นค่ายกลได้มีจำนวนน้อยจนนับนิ้วได้’
หมายเลขสาม ‘ไม่น่าจะเป็นสำนักโหราจารย์กระมัง’
เมื่อสวี่ชีอันถามคำถาม สิ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองคือสมาคมโหรลึกลับ หากไม่ใช่สำนักโหราจารย์ คนที่สามารถจัดเรียงค่ายกลนี้ให้คงอยู่ ก็มีเพียงสมาคมโหรลึกลับที่มีสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับราชสำนักเท่านั้น
แต่หากเป็นเช่นนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่สมาคมโหรลึกลับจะเป็นพันธมิตรกับจักรพรรดิหยวนจิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ
จักรพรรดิและกบฏมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันงั้นรึ?
ระดับความเหลวไหลเหมือนกับคู่ปรับสองคนที่ตกหลุมรักกันอย่างกะทันหัน และละทิ้งเทพธิดาไปเกลือกกลิ้งกันอยู่บนเตียง…
หมายเลขสี่ ‘เอ๋ ตอนนี้สวี่ชีอันเป็นนายท่านของหนังสือปฐพีไม่ใช่รึ?’
ภายในพรรคฟ้าดินเงียบสงัดลงทันที
สวี่ชีอันรู้สึกราวกับสมุดปกเหลืองที่ตนเองเก็บรวบรวมและซ่อนไว้อย่างดี ถูกคนอื่นหยิบไปประจานเขาในที่สาธารณะ ศีรษะของเขาเริ่มชาเล็กน้อย
หมายเลขสาม ‘เรื่องนั้นค่อยพูดกันทีหลัง คุยเรื่องสำคัญกันก่อน หมายเลขหนึ่ง ข้าอยากรู้ว่าเจ้าตัดสินได้อย่างไร ว่าค่ายกลจำเป็นต้องใช้วัตถุที่มีข้อกำหนดพิเศษ ไม่ใช่สัจจคาถา?’
หมายเลขหนึ่งไม่สนใจเขา
อืม จากการคาดเดาในฐานะนักสืบที่มีประสบการณ์มาหลายปี มีความเป็นไปได้มากที่นางจะขอความช่วยเหลือจากฉู่ไฉ่เวยแล้ว ฮว๋ายชิ่งและไฉ่เวยเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด…ถึงอย่างไร ข้าก็ไม่เคยเข้าใจว่าปลาหัวโตที่โง่เขลาจะเป็นเพื่อนสนิทกับปลาโลมาแสนฉลาดได้อย่างไร…
หมายเลขหนึ่งหลีกเลี่ยงการตอบคำตอบของหมายเลขสาม และส่งข้อความต่อไปว่า ‘ข้าพอจะควบคุมวิธีการเปิดใช้งานแผ่นหินได้ เศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีสามารถทำงานนี้ได้’
เมื่อเห็นข้อความนี้ ในบรรดาทั้งสี่คน นอกจากฉู่หยวนเจิ่นและลี่น่าแล้ว หลี่เมี่ยวเจินและสวี่ชีอันก็เข้าใจได้ทันที
รูปแบบของหนังสือปฐพีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผนึกเทพแห่งฟ้าดิน หนังสือปฐพีสามารถเปิดใช้งานค่ายกล ‘ยืมดินหลีกหนี’ ได้ จึงไม่น่าแปลกอะไร
แต่ที่ทั้งสองรู้สึกประหลาดใจคือ หมายเลขหนึ่งรู้เรื่องนี้อย่างทะลุปรุโปร่งได้อย่างไร?
หมายเลขสี่ ‘ใช้หนังสือปฐพีเป็นค่ายกลในการเปิดใช้งานแผ่นหินได้ด้วยรึ? จะเป็นไปได้อย่างไร?’
แม้จะเป็นเพียงแค่ตัวอักษร แต่ก็สามารถรู้สึกได้ถึง ‘สีหน้า’ อันประหลาดใจของอีกด้านได้เป็นอย่างดี และเขาก็เป็นคนที่สวี่ชีอันคุ้นเคย จึงจินตนาการได้ถึงภาพที่เขาครุ่นคิดอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ข้อบกพร่องทั่วไปของคนฉลาดคือ คิดมากเกินไป!
สวี่ชีอันจึงอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับภูมิหลังของหนังสือปฐพี
หมายเลขสี่ ‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ข้านึกว่า…’
เมื่อสักครู่ เขานึกถึงการเชื่อมโยงของสิ่งต่างๆ มากมาย แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะคิดมากเกินไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรแล้ว หมายเลขหนึ่งก็กลับมาเข้าหัวข้ออีกครั้งหนึ่ง โดยการส่งข้อความว่า ‘สิ่งที่ข้าต้องการความช่วยเหลือคือ ยอดฝีมือท่านหนึ่งที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอและเชื่อใจได้ ถือชิ้นส่วนหนังสือปฐพีเพื่อเปิดใช้งานแผ่นหิน มันอันตรายมาก เพราะเจ้าจะไม่รู้ว่าค่ายกลอีกด้านคืออะไร บางทีเจ้าอาจจะกลับมาไม่ได้’
กลุ่มสนทนาหนังสือปฐพีเงียบลงอีกครั้ง
บุคคลที่สามารถเชื่อใจได้ ควรจะเป็นสมาชิกภายในของพรรคฟ้าดิน
สำหรับบุคคลที่ฝึกฝนจนแข็งแกร่ง และมีความสามารถเพียงพอในการปกป้องตนเอง…คงมีแต่สวี่ชีอันเท่านั้น การป้องกันตัวของเขา เรียกได้ว่าเป็น ‘ร่างอมตะ’ ที่แข็งแกร่งที่สุด
สวี่ชีอันถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะส่งข้อความว่า ‘ให้ข้าทำเถอะ!’
ถึงแม้จะมองหาทหารขั้นสี่ ก็อาจจะไม่เหมาะสมไปมากกว่าเขา นอกจากนี้ ยอดฝีมือขั้นสี่ที่สามารถเชื่อใจได้ในที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล ล้วนตามเว่ยเยวียนไปออกรบหมดแล้ว
แต่เหิงหย่วนยังต้องมีชีวิตรอด ตาหัวล้านคือเพื่อน คือพันธมิตร แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เหิงหย่วนเป็นคนดี
หมายเลขสอง ‘ระวังด้วย’
หมายเลขสี่ ‘ถ้ารู้สึกถึงอันตราย ต้องกลับทันที ระวังตัวให้มากด้วย’
ตัวเขาอยู่ห่างเป็นพันลี้ ไม่สามารถทำอะไรได้ และทำได้เพียงกล่าวคำอวยพรอันจืดชืดเหล่านี้
หมายเลขหนึ่งไม่ได้พูดอะไร แต่จิตของสวี่ชีอันสัมผัสได้ถึงข้อความ ‘ส่วนตัว’ ที่หมายเลขหนึ่งส่งมา
หมายเลขหนึ่ง ‘วิธีการเปิดใช้งานแผ่นหินนั้นง่ายมาก วางหนังสือปฐพีลงบนค่ายกล และถ่ายทอดพลังปราณลงไปก็ได้แล้ว ก่อนลงมือ เจ้าควรไปที่สำนักโหราจารย์เพื่อถามหาวรยุทธ์ปกปิดกลิ่นอายจะดีที่สุด และใช้ทักษะลั่นประกาศิตแห่งลัทธิขงจื๊ออีกครั้ง เพื่อปกปิดการดำรงอยู่ของร่างกายเจ้า ด้วยวิธีนี้ เจ้าอาจจะตรวจจับการซ่อนตัวของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเงียบๆ’
นางกล่าวเสร็จสิ้นแล้วก็เงียบไป ในขณะที่สวี่ชีอันกำลังเก็บหนังสือปฐพี จู่ๆ นางก็ส่งข้อความมาว่า ‘ทุกคนมีชีวิตของตัวเอง’
นี่หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าข้าไม่ควรพาตัวเองไปอยู่ในจุดเสี่ยงตายเพื่อช่วยเหิงหย่วนงั้นรึ? สวี่ชีอันถอนหายใจอย่างเงียบๆ
หากหมายเลขหนึ่งคือฮว๋ายชิ่ง ในสายตาของนาง ‘มิตรภาพทางไกล’ คนหนึ่งที่ไม่ได้ทำอะไรมากมาย จะเทียบกับเขาได้อย่างไร
…
เรือรบหลายสิบลำต่อยาวเป็นแถว แล่นอยู่บนคลองอย่างเป็นระเบียบ
บนเรือรบลำหนึ่ง ฉู่หยวนเจิ่นที่เก็บชิ้นส่วนหนังสือปฐพีเรียบร้อยแล้ว ก็เคาะประตูห้องของสวี่เอ้อร์หลาง
“ฉือจิ้ว เจ้ามอบของนั่นให้สวี่หนิงเยี่ยน ข้าก็จะทำหน้าที่เป็นนายหน้าส่งข่าวก็แล้วกัน มีบางเรื่องที่เจ้าต้องรู้เอาไว้”
ฉู่หยวนเจิ่นกล่าวไปด้วย พลางเดินเข้าไปในห้องด้วย และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อืม ข้าเข้าใจว่าเจ้าไม่อยากพูดเรื่องนั้นอย่างเปิดเผย บนกำแพงเรือมีหู พวกเรา…”
เขาคลี่กระดาษแผ่นหนึ่งออกมา ก่อนจะให้พู่กันขีดเขียนลงบนกระดาษ จากนั้นก็ยื่นให้สวี่เอ้อร์หลางอ่าน
‘เหอะๆ…’
เปลวเพลิงลุกโชน เผากระดาษเป็นเถ้าถ่าน ก่อนจะค่อยๆ ตกลงมา
มียอดฝีมือที่หูไวตาสว่างอยู่บนเรือมากมาย ฉู่หยวนเจิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก และจากไปอย่างไม่ลังเล
เมื่อส่งฉู่หยวนเจิ่นออกไปจากห้องด้วยสายตา ในสมองของสวี่เอ้อร์หลางก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
‘เขาพูดอะไรอีก?’
‘เขาพยายามจะพูดอะไร?’
‘นี่ข้าความจำเสื่อมแล้วรึ?’
จู่ๆ คำพูดของพี่ชายใหญ่ที่กำชับเขาเป็นการส่วนตัวก่อนออกเดินทาง ก็ผุดขึ้นมาในสมองโดยไม่ได้ตั้งใจ ‘ไม่ว่าฉู่หยวนเจิ่นจะถามคำถามที่แปลกประหลาดอะไรกับเจ้า พูดเรื่องแปลกอะไรกับเจ้า เจ้าไม่ต้องไปสนใจและนิ่งเฉยเอาไว้ เอ้อร์หลางเอ๋ย พี่ชายใหญ่จะไม่ขอให้เจ้าพูดว่า ‘เตียวเสี้ยนของพี่ใหญ่อยู่บนเอว’ ข้าขอเพียงให้เจ้าช่วยปกป้องชื่อเสียงอันโด่งดังของพี่ใหญ่ก็แล้วกัน’
นี่คือสิ่งที่พี่ชายใหญ่พูด เรื่องแปลกๆ และคำถามแปลกๆ? สวี่เอ้อร์หลางทำท่าครุ่นคิด
เขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ และนั่งศึกษาตำราทหารอยู่ที่โต๊ะ หากเดินทางไปตามคลอง จากเมืองหลวงไปฉู่โจวก็ใช้เวลาไม่ถึงสิบวัน และตอนนี้ก็ผ่านไปสามวันแล้ว อีกไม่ช้าก็เข้าวันที่สี่
การเดินทางสู่สงครามผ่านไปครึ่งทางแล้ว เขาใกล้จะเผชิญหน้ากับสนามรบเป็นครั้งแรกในชีวิต
…
สวี่ชีอันนั่งอาบแดดอยู่บนเก้าอี้หวายในจวนหลังเล็กของหญิงม่าย ส่วนพระมเหสีก็นั่งแกะเมล็ดแตงโมอยู่บนม้านั่งข้างๆ เขา
ทั้งสองพูดคุยแก้เขินกันอย่างสบายๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง