ตอน บทที่ 847 สัตว์ประหลาด จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 847 สัตว์ประหลาด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 847 สัตว์ประหลาด
……….
สวี่ชีอันโบกมือ แล้วร่างของมนุษย์เงือกหญิงที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในเกลียวคลื่นสีขาวก็ลอยขึ้นกลางอากาศ ไปหยุดตรงหน้าคนทั้งสอง
“ไม่มีรอยฟันชัดเจน ร่างกายของผู้โจมตีน่าจะมีขนาดมหึมา กัดขาดในคราเดียว…”
สวี่ชีอันตรวจสอบบริเวณบาดแผลของมนุษย์เงือกที่ ‘ขาดครึ่ง’ และทำการวิเคราะห์
“เป็นการเผชิญหน้ากับนักล่าขนาดยักษ์”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางรอจนเขาเอ่ยจบ จึงเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
“เท่าที่ข้ารู้ อาณาเขตทะเลแถบนี้ไม่มีนักล่าขนาดใหญ่ยึดครองหรืออาศัยอยู่ หากมนุษย์เงือกผู้นี้มิใช่องครักษ์ประจำกายของราชินีเงือก หากเป็นมนุษย์เงือกธรรมดา ก็อาจเป็นไปได้ว่าบังเอิญไปเจอนักล่าที่หลงเข้ามาในอาณาเขตของมนุษย์เงือก
“สำหรับตอนนี้ เป็นไปได้มากว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเกาะมนุษย์เงือกแล้ว เพราะองครักษ์ประจำกายราชินีไม่มีทางอยู่ห่างกายราชินีเงือกแน่”
สวี่ชีอันพยักหน้า
“ดังนั้นเมื่อองครักษ์ประจำกายเผชิญหน้ากับนักล่า ก็เท่ากับว่าราชินีต้องเจอนักล่าด้วย และราชินีเงือกซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ แต่องครักษ์ประจำกายกลับถูกสังหาร…”
เหตุผลนั้นชัดเจนในตัวเอง ว่าศัตรูก็เป็นขั้นเหนือมนุษย์เช่นกัน
“ผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ในโพ้นทะเลเยอะเพียงนี้เลยรึ ออกทะเลมาก็เจอสองคนแล้ว” ใบหน้าของสวี่ชีอันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
สถานที่ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของกลุ่มเผ่าพันธุ์หลายชั่วอายุเช่นเกาะเงือกนี้ ก็เหมือนกับกลุ่มอำนาจเล็กๆ ที่รวบรวมอิทธิพลโดยทายาทเทพมาร การจะมีผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์นั่งรักษาการณ์ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือเกาะหนอนไหมซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของไหมอเวจี
แต่การพบขั้นเหนือมนุษย์ได้สุ่มสี่สุ่มห้าทุกที่เช่นนี้ ก็ออกจะเกินจริงไปสักหน่อย
นางปีศาจผมขาวเบ้ปาก
“ครั้งก่อนที่ข้าออกทะเล นอกจากผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์เหล่านั้นซึ่งมีถิ่นที่อยู่เป็นหลักแหล่งแล้ว ก็แทบไม่เจอเทพมารสภาวะเหนือมนุษย์ระหว่างทางเลย”
ความหมายก็คือ สถานการณ์เช่นนี้นับเป็นเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ต่ำ
อาจเป็นได้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เงือกไปยั่วยุอะไรศัตรูผู้แข็งแกร่ง หรือทายาทเทพมารจากที่อื่นเตร็ดเตร่มาที่นี่พอดี
สวี่ชีอันสำรวจศพต่อไป แล้วจู่ๆ ก็พลันขมวดคิ้วและเอ่ยว่า
“หรือบางที คนเดือดร้อนจะเป็นพวกเรา!”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางมองเขาพลางส่งเสียง ‘หืม’ ด้วยเสียงงุนงง
“ศพของมนุษย์เงือกผู้นี้แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานกว่าสิบชั่วยาม แต่พวกมนุษย์เงือกกลับไม่มานำร่างของสหายกลับไป และไม่มีร่องรอยของการถูกกุ้งปลาในทะเลกัดกินด้วย” สวี่ชีอันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“นี่หมายความว่าอย่างไร”
นางปีศาจผมขาวฉลาดเป็นกรด ชั่วเวลาเพียงดีดนิ้ว นางก็เข้าใจได้ทันที
นางขมวดคิ้วพลางว่า
“นักล่าทรงพลังนั่นยังคงว่ายวนอยู่ในเขตน่านน้ำใกล้ๆ!”
ดังนั้นมนุษย์เงือกจึงไม่กล้าออกจากเกาะ สิ่งมีชีวิตในเขตน่านน้ำใกล้เคียงบ้างก็ถูกกิน บ้างหนีไปด้วยความตกใจ ร่างนี้จึงรักษาสภาพไว้ได้ค่อนข้างดี ไม่ถูกปลาถูกกุ้งในทะเลกัดกิน
ระลอกคลื่นสีฟ้าคราม เรือเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่ โดยกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ ตามแรงคลื่น
สวี่ชีอันและจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกำลังเฝ้ารอบางอย่างเงียบๆ ในระหว่างการเดินทางนับจากนี้
แสงอาทิตย์เจิดจ้า ท้องฟ้าสีครามสดใส ไอเค็มของลมทะเลพัดเส้นผมและชายผ้า ทันใดนั้น ใบหูของสวี่ชีอันก็พลันขยับ เขาได้ยินเสียงคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างกะทันหันอยู่ไม่ไกล และมีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ
และเวลาเดียวกันนั้น สัญชาตญาณอันตรายของจอมยุทธ์ก็เริ่มเตือน
ไอสังหารและแรงอาฆาตโจ่งแจ้งไม่มีปิดบัง…สวี่ชีอันเหลือบมองนางปีศาจผมขาว จิ้งจอกจำแลงเดินไปยังกราบเรือด้วยสองขาเรียวยาวมีพลัง
นางบิดเอวเล็กน้อย แล้วหางจิ้งจอกขนฟูฟ่องหางหนึ่งก็พลันชูขึ้นและทิ่มลงไปยังผิวน้ำ
ส่วนอีกแปดหางนั้นยกขึ้นอย่างช้าๆ ประหนึ่งนกยูงรำแพนเตรียมพร้อมการโจมตี
สวี่ชีอันนิ่งตั้งใจฟัง เสียงคำราม ‘ครั่นครืน’ ที่ข้างหูและกระแสคลื่นใต้น้ำพลันรุนแรงขึ้นหลายเท่าในพริบตา
กินเหยื่อแล้ว…เขาเอ่ยในใจเงียบๆ
เวลานี้เอง ขาเรียวยาวแน่นกระชับของจิ้งจอกเก้าหางก็ตึงขึ้นอย่างกะทันหัน เข่าสองข้างทรุดลงเล็กน้อย หางทั้งแปดที่อยู่ด้านหลังยืดตรงในพริบตา
เอวเล็กๆ บิดดึง ราวกับชาวประมงกำลังออกแรง
เวลาต่อมา ผิวน้ำก็ผุดขึ้น พร้อมละอองน้ำพวยพุ่ง
‘ครืน!’
คลื่นสีฟ้าครามและฟองสีขาวพุ่งสูงสิบกว่าจั้ง ท่ามกลาง ‘หยาดฝนที่ตกหนัก’ เงาขนาดมหึมาทะยานขึ้นจากผิวน้ำทะเล สะท้อนเข้าในแววตาของสวี่ชีอันและจิ้งจอกเก้าหาง
นี่คือมังกรน้ำ ลำตัวปกคลุมด้วยเกล็ดดำสนิท ส่วนหัวดุร้ายอัปลักษณ์ มีเดือยกระดูกงอกเป็นแถวที่หลัง ตรงหน้าผากมีเขางอกหนึ่งเขาคล้ายกับหอกยาว
แขนขาของมันหนามากต่างจากมังกรน้ำทั่วไป ระหว่างกรงเล็บมีเนื้อเป็นพังผืดหนา
ภาพลักษณ์โดยรวมดูคล้ายตะกวดมากกว่า
นอกจากนี้ ร่างกายของมันยังเต็มไปด้วยรอยย่นบิดเบี้ยวยุ่งเหยิง เพียงได้มองก็ทำให้คนเวียนหัวตาลาย แน่นหน้าอกและอาเจียนแล้ว
ปราณโลหิตเข้มข้น พละกำลังแข็งแกร่งมาก เป็นลักษณะของขั้นสามช่วงกลาง…สวี่ชีอันเหลือบมองแวบหนึ่ง พลางประเมินตบะของอีกฝ่าย
นี่ไม่ใช่เพราะแววตาของเขามีความดุร้ายยิ่งนัก แต่เพราะมังกรน้ำไม่ได้เก็บงำกลิ่นอาย ทั้งยังแสดงความดุร้ายหยิ่งผยองอย่างถึงอกถึงใจ
ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์รุนแรงและขาดสติ
ลำตัวของมังกรน้ำถูกพันด้วยหางจิ้งจอกขนฟูฟ่อง เมื่อเห็นว่ามิอาจหลุดจากหางจิ้งจอกจึงคำรามเสียงเข้มแล้วเอาหัวชนเข้ามา
“โฮก!”
นางปีศาจผมขาวยกริมฝีปากแดงสด แปดหางที่อยู่ด้านหลังรวบรวมกำลังตั้งท่า แล้วพุ่งออกมาราวกับโซ่เหล็กเพื่อเกี่ยวส่วนคอ แขนขา หาง รวมถึงเอวของมังกรน้ำตามลำดับ
‘ฟู่ ฟู่…’
ท่ามกลางเสียงชิ้นส่วนร่างกายแยกออกจากกันอันทำให้คนขนพองสยองเกล้า ร่างของมังกรน้ำถูกแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดสีแดงเข้มสาดกระจาย
มังกรน้ำซึ่งถูกแบ่งเป็นส่วนๆ ยังไม่สิ้นชีพ เลือดเนื้อที่ถูกตัดขาดกำลังดิ้นพล่าน พยายามจะงอกใหม่อีกครั้ง
หากแต่มันล้มเหลว จิ้งจอกเก้าหางรอบรู้วิธีรับมือกับทายาทเทพมาร (จอมยุทธ์) ขั้นสาม นั่นคือการฟันเป็นชิ้นๆ ยิ่งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยยิ่งดี
จากนั้นจึงควบคุมรยางค์ที่ขาด ไม่ให้พวกมันรวมตัวกันได้อีก
เช่นนี้แล้ว แม้ขั้นเหนือมนุษย์จะไม่ตายในทันทีด้วยพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ทว่าพลังชีวิตของแขนขาที่พิการนั้นก็ไม่เพียงพอจะสร้างร่างกายทั้งหมดขึ้นใหม่ได้
เฉกเช่นตอนนี้ ร่างกายแต่ละส่วนของมังกรน้ำต่างพยายามที่จะ ‘เกิดใหม่’ ทว่าแก่นโลหิตของพวกมันมีจำกัด เป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นร่างใหม่ที่สมบูรณ์หนึ่งร่าง
“สติปัญญาของมันเหมือนจะมีปัญหาแล้ว ไม่สามารถสื่อสารได้…”
จิ้งจอกเก้าหางตรวจดูมังกรน้ำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนทำการวินิจฉัย
“อะไรทำให้สติปัญญาของมังกรน้ำขั้นเหนือมนุษย์ตัวหนึ่งเกิดปัญหารึ”
สวี่ชีอันพูดจบก็ดีดนิ้ว
ได้ยินเพียงเสียง ‘เป๊าะ’ กะโหลกของมังกรน้ำถูกยกขึ้น เศษกระดูกและเนื้อสมองกระเด็นกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
ปีศาจโฉมสะคราญผมขาวได้ฟังก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า
“เป็นไปไม่ได้!”
นางเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงส่งหางจิ้งจอกสองหางออกสำรวจในน้ำ และ ‘จับ’ มังกรน้ำออกมาท่ามกลางคลื่นทะเลม้วนเป็นเกลียว ‘ครั่นครืน’ แล้วลอยอยู่กลางอากาศ
“พลังวิเศษฟ้าประทานของเผ่าพันธุ์ปีศาจมักจะควบแน่นอยู่ภายในแก่น หากเป็นทายาทเทพมารจะขึ้นอยู่กับความเบาบางของสายเลือด หากสายเลือดของเทพมารมีความบริสุทธิ์สูง จะตีตราอยู่บนเลือดเนื้อและร่างกาย หากสายเลือดบางเบาจะตีตราอยู่ภายในแก่น”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกล่าว
สวี่ชีอันเอ่ยว่า
“รอยยับย่นบนร่างของมังกรน้ำตัวนี้ก็คือพรสวรรค์ฟ้าประทานกระมัง”
ดวงตางดงามเปล่งประกายจับจ้องรอยย่นบิดเบี้ยวเหล่านั้น นางปีศาจผมขาวพยักหน้าพลางเอ่ยปากว่า
“ข้าน่าจะรู้สาเหตุแล้ว…รอยยับย่นพวกนี้ทำให้จิตเดิมสับสน ดังนั้นเมื่อครู่ข้าจึงไม่ได้สังเกตให้ดี เจ้าดูสิ พวกมันยุ่งเหยิงทีเดียว”
สวี่ชีอันพยักหน้า
จิ้งจอกเก้าหางเอ่ยต่อว่า
“ไม่เพียงเท่านั้น รอยยับย่นซึ่งแสดงถึงพรสวรรค์ฟ้าประทานเหล่านี้ยังแตกต่างกันทั้งหมดด้วย อีกทั้ง รอยย่นแต่ละรอยก็ล้วนไม่สมบูรณ์ มันจึงเหมือนการรวมตัวของพรสวรรค์ฟ้าประทานที่บกพร่อง
“ข้าคิดว่า นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าจึงสัมผัสได้ถึงพรสวรรค์ฟ้าประทานอันสับสนยุ่งเหยิง”
สวี่ชีอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนนิ่งมองใบหน้าอันงดงามของนางปีศาจโฉมสะคราญแล้วเอ่ยว่า
“สถานการณ์นี้เป็นเช่นไร”
คำถามประหนึ่งผู้เชี่ยวชาญขอคำแนะนำจากมืออาชีพ
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร”
นางกลอกตาขาวงามพริ้งเพริศ จากนั้นจึงทำสีหน้าเคร่งขรึม
“พลังวิเศษฟ้าประทานมีมาตั้งแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือด บ้างเป็นสายเดี่ยว บ้างเป็นสายคู่ ทว่ามิอาจอยู่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เพียงพลังวิเศษฟ้าประทานที่ไม่สมบูรณ์ก็เพียงพอที่จะอธิบายปัญหาแล้ว”
สวี่ชีอันคิดอย่างรอบคอบแล้วเอ่ยว่า
“มันตกสู่ห้วงความบ้าคลั่ง สูญเสียสติสัมปชัญญะ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกี่ยวกับรอยยับย่นแปลกๆ บนตัว เพราะพลังเหนือธรรมชาติยุ่งเหยิงพวกนี้เพิ่มขึ้นมา จึงทำให้ขาดสติไป”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางส่งเสียง ‘อืม’ “ข้าก็สงสัยเช่นนั้น แต่สติปัญญาของมันก็ได้เสียไปแล้ว แต่ก่อนเคยไปที่ไหน พบเจออะไรมาบ้าง พวกเราไม่มีทางรู้ได้”
ใบหน้าของนางแสนเสียดาย!
สวี่ชีอันกลับยิ้มและเอ่ยว่า
“พวกเราไม่รู้ แต่ราชินีเงือกอาจจะรู้ ไปเยือนเกาะมนุษย์เงือกก่อนเพื่อสังเกตการณ์ เราช่วยนางจัดการศัตรูผู้แข็งแกร่งไปตัวหนึ่ง การสืบหาข้อมูลบางอย่างคงไม่มากไปกระมัง”
นอกจากนี้ ยังมีข่าวกรองเกี่ยวกับแต่ละสถานที่ตั้งถิ่นฐานของทายาทเทพมาร และสถานที่พักของสิ่งมีชีวิตทรงพลังต่างๆ
อืม ถือโอกาสเจอราชินีเงือกผู้ขึ้นชื่อด้านความงามด้วย
เวลานี้เอง ศีรษะคนผู้หนึ่งได้โผล่ขึ้นมาบนผืนน้ำทะเลไม่ไกลนัก เป็นความงดงามอันโดดเด่น เส้นผมสีเขียวเข้ม ม่านตาสีทองระยิบระยับ รวมถึงใบหูแหลม
นางมองประเมินสวี่ชีอันและจิ้งจอกเก้าหางที่อยู่หัวเรือด้วยความอยากรู้อยากเห็นระคนขลาดกลัว
มาพอดี…สวี่ชีอันพึมพำในใจ ก่อนเหยียดฝ่ามือออกไป นิ้วทั้งห้าออกแรงคว้า
……………………………………………………….
……….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...