บริษัทโลจิสติกส์ที่ดีขนาดนั้น ท่านประธานเพียงแค่บอกว่ามอบให้เขาก็เป็นของเขาแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดเลยก็คือฉินจุนกลับไม่รับมันไว้ !
มีเงินทองมากองให้ตรงหน้าแล้วยังไม่รับไว้ แบบนี้หมายความว่าอะไรรู้ไหม ก็หมายความว่าคนเขาไม่ได้ขัดสนยังไงหละ !
ขับรถคันละ3ล้านกว่าหยวน ดื่มเหล้าเหมาไถสุดแพง ยังเรียกว่าเป็นคนธรรมดาได้อยู่ไหม ?
หวังตงเสวี่ยหาลูกเขยชั้นดีมาให้แท้ๆ !
หวังหย่งเซิ่งรีบขยิบตากับลูกชายของตน “เถี่ยเฉิง มัวทำอะไรอยู่ยังไม่รีบขอบคุณพี่เขยอีก ? ”
หวังตงเสวี่ยนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของหวังเถี่ยเฉิง ตอนนี้เพื่อที่จะได้สร้างความสนิทสนมจึงรีบเปลี่ยนไปเรียกว่าพี่เขยซะแล้ว
หวังเถี่ยเฉิงรีบหันกลับมาและลุกขึ้นยืน เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาคำนับและดื่มให้ฉินจุนหนึ่งแก้ว
“พี่เขย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เป็นผมเองที่มีตาหามีแววไม่ อย่าถือสากันเลยนะครับ ผมขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว ”
หลังจากดื่มเหล้าแก้วนี้หมด หวังเถี่ยเฉิงก็ไม่กล้าหาเรื่องอีกแล้ว แถมเขายังปฏิบัติต่อฉินจุนอย่างสุภาพเหมือนกับว่าเขาเป็นประธานคนนึง
หวังหย่งเซิ่งเองก็ไม่วางมาดใหญ่โตเช่นกัน เธอก็ดื่มให้หนึ่งแก้วเพื่อแสดงความเคารพ และพูดคุยกับหวังอ้ายหมิน และซูฮวนอย่างอารมณ์ดี
ถึงแม้ว่าฉินจุนจะเด็กกว่า แต่เขาก็ต้องรักษาความสัมพันธ์และความรู้สึกที่ดีไว้
การทานข้าวมื้อนี้หวังอ้ายหมินและซูฮวนได้หน้าอย่างมาก ทั้งสองคนยิ้มปากฉีกจนแทบจะหุบไม่ได้ จากนั้นทุกคนก็ดื่มกันจนลืมเวลา
แต่ปกติแล้วฉินจุนไม่ใช่คนดื่มเหล้าเยอะอยู่แล้ว จึงเลิกดื่มเร็วกว่าคนอื่นและไปเดินเล่นที่ทุ่งหญ้ากับหวังตงเสวี่ย พระอาทิตย์กำลังตกดินและสายลมก็พัดผ่านไป ทั้งสองรู้สึกพิเศษมาก
หวังตงเสวี่ยหน้าแดงขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“พี่ฉิน ”
“หืม ? ”
“พี่หลับตาลงสิฉันมีของขวัญจะให้ ”
ฉินจุนหยุดนิ่งและค่อยๆหลับตาลง
ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีสัมผัสบางอย่างที่เย็นยะเยือกปะทะเข้ากับใบหน้าของเขา ซึ่งปรากฎว่าเป็นริมฝีปากของหวังตงเสวี่ยประทับลงบนหน้าฉินจุน
กลิ่นหอมอ่อนนุ่มละมุน
ฉินจุนลืมตาขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ก็หน้าแดงวิ่งหนีไปซะแล้ว
“จะหนีไปไหน ! ”
ฉินจุนตามมาจากด้านหลัง
หวังตงเสวี่ยเขินสุดๆ เธอยิ้มไปด้วยขณะวิ่ง “ช่วยด้วย…… ”
ไม่นานฉินจุนก็จับหวังตงเสวี่ยได้และกอดเธอไว้จากข้างหลัง ทั้งสองคนพลิกล้มตัวลงบนทุ่งหญ้าด้วยกัน
ฉินจุนเป็นฝ่ายกอดหวังตงเสวี่ยไว้ และทั้งสองกอดกันแนบแน่น หันหน้าเข้าหากันระยะห่างระหว่างปลายจมูกของพวกเขาไม่เกินหนึ่งเซนติเมตร
เพียงแค่ฉินจุนก้มหัวอีกนิดเดียวก็จะกลายเป็นจูบกันแล้ว
หัวใจของหวังตงเสวี่ยเต้นแรงขึ้น นี่คือการสัมผัสที่ใกล้ชิดที่สุดของทั้งสองคน แม้ว่าเมื่อคืนนี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์แนบชิดกัน แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นการกระทำที่ไม่ได้สติของพวกเขา ไม่เหมือนกับตอนนี้ ทั้งคู่มีสติดีและฮอร์โมนก็กำลังพลุกพล่าน
ลมหายใจของหวังตงเสวี่ยถี่ขึ้นเรื่อยๆและดวงตาของเธอก็พร่าเบลอเล็กน้อย
ขณะที่มองไปยังริมฝีปากที่เปิดครึ่งหนึ่งของเธอ และฉินจุนกำลังจะจูบ จู่ๆเสียงของซูฮวนก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก
“ลูก ? ลูกอยู่ไหน ? ”
หวังตงเสวี่ยตกใจรีบผลักฉินจุนออก และลุกขึ้นยืนจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย
“อยู่นี่ค่ะ ”
หวังตงเสวี่ยหน้าแดงเดินออกจากทุ่งหญ้าไป
“แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ ? ”
“ไม่มีอะไรแม่แค่ทำผักดองเอาไว้นิดหน่อยให้เสี่ยวฉินเขาห่อกลับไปด้วย…… ”
ขณะที่ซูฮวนกำลังพูด และเห็นลูกสาวของตัวเองหน้าแดง ประกอบกับฉินจุนที่เพิ่งเดินออกมาจากทุ่งหญ้าด้านหลังก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที
“ลูกรัก นี่แม่มาขัดจังหวะลูกหรือเปล่า ? ”
“ขัดจังหวะที่ไหนกันหละคะแม่ ! “หวังตงเสวี่ยกระทืบเท้าของเธอเบาๆดูเขินอายและหงุดหงิดนิดหน่อย
……
ฉินจุนพักอยู่ที่บ้านของหวังตงเสวี่ยอีกหนึ่งคืน และวันต่อมาก็จะกลับ ก่อนที่เขาจะไปสองสามีภรรยาได้ห่อผักดองและอาหารอื่นๆมากมายให้ฉินจุนเอาไปด้วย พวกเขาพอใจกับว่าที่ลูกเขยคนนี้มาก
ระหว่างทางกลับ หวังตงเสวี่ยที่นั่งอยู่ในรถไม่ค่อยกล้ามองหน้าฉินจุนสักเท่าไหร่
ตัวเองเป็นคนขอให้เขามาปลอมเป็นแฟนแท้ๆ สุดท้ายไปๆมาๆเหมือนละครจะกลายเป็นเรื่องจริงซะงั้น ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง