ฉินจุนยังอายุน้อยมาก แต่มีทักษะด้านการแพทย์สูงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาจะต้องมีอาจารย์สอนเขาตั้งแต่เขาอายุยังน้อยแน่ถึงได้เก่งอย่างนี้ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถ่ายทอดทักษะขั้นสูงอย่างนี้ให้คนอื่นง่ายๆ
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าฉินจุนจะไม่หวงวิชาอย่างนี้ พูดว่าจะสอนก็คือสอนจริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ได้รู้จัก หรือมีความสนิทสนมกับพวกเขาเลยสักนิด
ฉินจุนพูด “การแพทย์มีอะไรที่ไม่สามารถเผยแพร่ได้ล่ะครับ ยิ่งสามารถเผยแพร่ได้เยอะเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างมากขึ้น”
ในอดีตกฎต่างๆ ที่บอกว่าจะไม่เผยแพร่วิชาออกไป ส่วนใหญ่เป็นเพราะหลังจากที่พวกเขาส่งต่อวิชาไปแล้ว เหล่าลูกศิษย์ก็นำไปใช้หากินจนได้ดี แต่อาจารย์ผู้สอนกลับอดตาย
ฉินจุนไม่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้การรักษาด้วยเข็มเก้าเล่มนี้ก็เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ เทคนิคขั้นสูงที่เขารู้จัก การสอนให้พวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไรนัก มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ฉินจุนได้รับเชิญให้เข้าไปในห้องเรียน ทั้งห้องเต็มไปด้วยเหล่าอาจารย์ และนักเรียน คนที่อยู่ด้านหลังต้องยืนขึ้น ตอนนี้คณบดีเมิ่งนั่งอยู่แถวหน้าของห้องเรียนราวกับนักเรียน ถือปากกาและกระดาษเตรียมจด
เพราะศาสตราจารย์ฉินเป็นผู้บรรยาย โอกาสนี้หายากมาก ก่อนหน้านี้เคยเห็นแต่ในทีวี แต่ก็คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ศาสตราจารย์ฉินจะมาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
เฉินเค่อเอ๋อร์พยายามเบียดตัวเข้าไปอยู่นาน แต่ก็เข้าไปไม่ได้ ก็ได้แต่โมโหอยู่ข้างนอก เธอจึงตะโกนออกมาเสียงดัง
“พวกคุณจะเบียดกันทำไม! ศาสตราจารย์ฉินเป็นพี่เขยของฉัน พวกคุณรีบหลบไปเดี๋ยวนี้นะ!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ เพื่อนนักเรียนหลายคนก็แหวกทางให้เธอทันที และมองไปที่เฉินเค่อเอ๋อร์ และพูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“จริงเหรอ? เค่อเอ๋อร์เธอเป็นน้องเมียของศาสตราจารย์ฉินเหรอ?”
เฉินเค่อเอ๋อร์แค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “จะโกหกทำไมล่ะ? ก็เป็นน้องเมียจริงๆ !”
หลังจากพูดจบ เฉินเค่อเอ๋อร์ก็เดินเข้าไปอย่างเย่อหยิ่ง และหาที่นั่ง
หลังจากนั้นฉินจุนก็สอนการรักษาด้วยเข็มเก้าเล่มให้กับนักวิชาการสูงอายุเหล่านี้อย่างละเอียด ฉินจุนอธิบายได้ดีมาก แม้ว่าวิธีการเข็มนี้จะยากมาก แต่เมื่อฉินจุนเป็นคนอธิบายก็ทำให้นักเรียนเหล่านั้นเข้าใจได้ง่ายขึ้น
แม้ว่าจะมีปัญหา ฉินจุนสามารถแก้ไขได้ทันที พวกเขาเพียงแค่พูดไม่กี่คำ ฉินจุนก็รู้ว่าพวกเขาต้องการจะถามอะไร
ความเข้าใจในทักษะทางการแพทย์ในระดับนี้นั้นทำให้พวกเขานับถือจริงๆ
ปรมาจารย์ นี่สิถึงเรียกว่าปรมาจารย์ที่แท้จริง
เฉินเค่อเอ๋อร์ฉวยโอกาสนี้เดินเข้าไปหาคณบดีเมิ่ง และพูดว่า
“อาจารย์เมิ่งคะ คุณว่าวิทยานิพนธ์ของหนู…”
คณบดีเมิ่งรีบพูด “ยังต้องพูดอีกเหรอ วิทยานิพนธ์ของคุณไม่มีปัญหาอะไรเลย ฉันกลับจะเกียรตินิยมกับเธอด้วย นักศึกษาที่โดดเด่น และมีความคิดอย่างเธอนั้นมีไม่มากนะ”
เฉินเค่อเอ๋อร์ดีใจมาก รีบไปให้คณบดีเมิ่งเซ็นชื่อ นี่ก็ถือว่าวิทยานิพนธ์ของเธอผ่านแล้ว
ด้วยความใจดีของคณบดีเมิ่ง เขาก็มาส่งเฉินเค่อเอ๋อร์และฉินจุนอย่างไม่ค่อยเต็มใจอยากให้พวกเขากลับนัก
หลังจากออกจากประตูมหาวิทยาลัยแล้ว เฉินเค่อเอ๋อร์ก็กลายเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ของฉินจุนทันที เธอเข้ามากอดแขนของฉินจุนและพูดว่า
“พี่เขย คุณเจ๋งมาก คุณคือศาสตราจารย์ฉินจริงเหรอเนี่ย?”
ฉินจุนยิ้มบาง ๆ “เธอก็รู้จักศาสตราจารย์ฉินเหรอ?”
“แน่นอนว่าฉันต้องรู้จักสิ! ฉันก็เป็นคนที่ทำงานในวงการแพทย์นะ ฉันเคยดูการถ่ายทอดสดของคุณ มันเจ๋งมาก ฉันคิดว่าคุณเป็นแก่ซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นพี่เขยสุดหล่อของฉันนี่เอง!”
แขนของฉินจุนถูกเฉินเค่อเอ๋อร์กอดไว้ หน้าอกของเธอก็เบียดอยู่ตรงแขนของเขา ทำให้ฉินจุนไม่กล้าขยับ
“นั่นอะไรน่ะ เธอทำอย่างนี้ไม่ค่อยดีนะ ผู้ชายผู้หญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกันเกินไป”
เฉินเค่อเอ๋อร์อึ้งไปชั่วครู่ และก็รู้สึกว่าการกระทำของเธอเองก็ชวนเข้าใจผิดอยู่เหมือนกัน แต่เธอก็ยิ้มออกมา และก็พูดด้วยท่าทางขี้เล่นทันที
“พี่เขย พี่ว่าฉันหรือพี่สาวฉันสวยกว่ากัน?”
ฉินจุนจ้องไปที่เธอ “พวกเธอก็พอๆ กันนั่นแหละ แต่พี่สาวเธอสวยสง่ากว่า”
เฉินเค่อเอ๋อร์กลอกตาอย่างพูดไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง