เมื่อครู่พวกเธอก็บอกไปชัดแล้วนะว่าภัตตาคารพิพิธภัณฑ์ติ่มซำแห่งนี้เป็นภัตตาคารชั้นสูง เทียบกับระดับมิชลิน 3 ดาวได้เลย
เพราะฉะนั้นคนระดับธรรมดานั้นไม่มีทางจะจองได้เลย อีกอย่างเมื่อกี้พวกฉินจุนก็บอกไว้แล้วว่าพวกเธอไม่ได้จองที่นั่งเอาไว้ เพราะฉะนั้นพวกเธอสองคนต้องเข้ามาไม่ได้แน่นอน
ร้านที่คนแน่นขนาดนี้ถ้าไม่ได้จองไว้ก็ไม่มีทางมีที่นั่ง
ขนาดว่าถงจี้เฟิงเป็นนักธุรกิจใหญ่ ยังต้องใช้เส้นสายไม่น้อยเลยกว่าจะได้ เขาต้องจองล่วงหน้าถึงเจ็ดวัน อีกอย่างแถมยังได้เป็นที่นั่งธรรมดาชั้นสองอีกด้วย
ถึงแม้ว่าบรรยากาศภาพรวมจะดูดี แต่ว่าที่นั่งของพวกเธอถือว่าเป็นที่นั่งที่แย่ที่สุดในชั้นสอง
พวกฉินจุนกับไช่ไช่ไม่ได้จองเอาไว้ แต่กลับเข้ามาได้แบบนี้ชักน่าสนุกแล้วสิ
“พี่ฉิน เมื่อกี้เขาบอกว่าชั้นไหนนะคะ?”
“ชั้นสองโต๊ะหมายเลข 9 นะ?”
พอทั้งสองเดินเข้ามา ก็เดินขึ้นไปชั้นบนทันที พอมาถึงชั้นสองหาโต๊ะหมายเลข 9 เจอพอดี บนโต๊ะมีชุดรับประทานอาหารสองชุดวางเตรียมไว้ ดูแล้วน่าจะเตรียมให้พวกเขา
ทั้งสองคนจึงนั่งลงทันที
จริง ๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่พวกเรื่องมากเรื่องบรรยากาศร้านอาหารหรือที่นั่ง ขอแค่อาหารถูกปาก ก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น
โดยเฉพาะฉินจุน พวกสถานที่โอ่อ่าใหญ่โตไม่มีอะไรที่เขาไม่เคยเห็น เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลชั้นนำของตงไห่ ผ่านโลกมามากมาย
ประกอบกับเขาได้ติดตามท่านอาจารย์ไปรักษาคนไข้ทั่วทุกสารทิศหลายปี พบเจอสถานที่หรูหรามาก็มาก เรียกได้ว่าเคยร่วมรับประทานอาหารระดับประเทศในหลาย ๆ ประเทศ ร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ขณะที่ทั้งสองคนนั่งลง ถงจี้เฟิงก็ขมวดคิ้ว เตรียมจะเข้าไปขวาง
ตอนนั้นเองจู่ ๆ อายะก็ดึงตัวถงจี้เฟิงเอาไว้
“ท่านประธานถงคะ อย่าเพิ่งไปห้ามพวกมันเลยค่ะ!”
ถงจี้เฟิงขมวดคิ้วมุ่น “ทำไมล่ะ นั่นมันเป็นที่ของเรานะ ผมเป็นคนจองเอาไว้!”
ทันใดนั้นอายะก็ยิ้มออกมาแล้วเอ่ย “คุณลองคิดดูนะคะ ทำไมพวกนั้นถึงได้เดินไปที่ที่นั่งของเรา?”
ถงจี้เฟิงขมวดคิ้ว “ผมจะไปรู้ได้ยังไง?”
อายะทำเหมือนตัวเองฉลาด “คุณลองคิดดูนะคะ เมื่อกี้คนพวกนั้นเพิ่งรู้จักชื่อของคุณ ตอนที่พวกมันเดินเข้ามาต้องบอกว่ามากับคุณแน่ ๆ เพราะฉะนั้นถึงได้เข้ามาได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันไม่ได้จองเอาไว้ จะเข้ามาได้ยังไง?”
ถงจี้เฟิงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ที่อายะพูดมาก็มีเหตุผล ถ้าไม่ทำแบบนั้นพวกมันก็ไม่มีทางเข้ามาได้หรอก ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นั้นไม่มีทางที่พวกมันจะจองได้ ขนาดถงจี้เฟิงที่มีเส้นสายกว้างขวาง ยังแทรกคิวไม่ได้เลย
“ที่พูดมาก็มีเหตุผล แล้วคุณจะทำยังไง?”
อายะยิ้มก่อนจะเอ่ย “ไลฟ์สดไปเลยสิคะ อีกเดี๋ยวเราไลฟ์สดให้ทุกคนได้เห็นว่าไช่ไช่นางแบบชื่อดังอ้างชื่อคนอื่นเข้ามากินอาหารฟรี ๆ ยังไง วิธีนี้เป็นไงคะ?”
ถงจี้เฟิงเองก็หัวเราะออกมา “วิธีนี้โหดอยู่นะ แบบนี้ก็ทำให้หล่อนเสียชื่อเสียงได้ในพริบตา แถมยังลดแฟนคลับของหล่อนไปไม่น้อย”
อาชีพนางแบบอย่างพวกเธอเดิมทีก็มีฐานะไม่ธรรมดา ถ้าเมื่อไหร่มีข่าวเชิงลบออกมานิดหน่อย ก็จะส่งผลกระทบต่อโฆษณาที่พวกเธอเป็นพรีเซนเตอร์อย่างมาก
ถ้าหากเมื่อใดก็ตามที่มีข่าวเชิงลบออกไป มีความเป็นไปได้มากว่าไช่ไช่จะต้องหลุดจากตำแหน่งการเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าหลาย ๆ ชิ้น เมื่อได้ก็ตามที่เสียงานพรีเซนเตอร์ไป มันก็จะตกไปเป็นของอายะที่อยู่ลำดับสองแน่นอน
พอคิดมาถึงตรงนี้อายะก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เธอรีบหามุมแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเริ่มไลฟ์สด
“ฮาโหล ๆ สวัสดีค่าทุกคนน วันนี้ฉันจะมาไลฟ์สดให้ทุกคนดู วันนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากค่ะที่เชิญท่านประธานถงแห่งจี้เฟิงนิวส์ มาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ท่านประธานถงทักทายทุกคนหน่อยเร็วค่ะ?”
เรื่องแบบนี้อายะทำเป็นประจำอยู่แล้ว ทุกครั้งเวลาที่เธอไปรับประทานอาหารกับคนมีชื่อเสียงก็จะต้องถ่ายทอดสด ให้คนดูได้เห็นว่ารอบข้างเธอมีแต่คนมีชื่อเสียง
อีกอย่างมีหลาย ๆ ครั้งที่เธอเป็นคนจ่ายเงินเอง เพื่อได้กินข้าวกับบุคคลมีชื่อเสียง จ่ายเงินเพื่อสร้างข่าว
ครั้งนี้มาทานอาหารกับถงจี้เฟิง จริง ๆ แล้วไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น แต่เป็นเพราะว่าเธอกับถงจี้เฟิงมีความสัมพันธ์พิเศษกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่กล้าเปิดเผยออกไป
แต่เหตุผลวันนี้ก็คือ เธอต้องการจะไลฟ์สดโจมตีไช่ไช่ เพราะฉะนั้นถึงได้ไลฟ์สดโชว์หน้า
หลังจากไลฟ์สด ถงจี้เฟิงก็ทำท่าทางเป็นปกติ ทั้งสองคนไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวกัน เหมือนแค่เป็นเพื่อนร่วมงานกันแค่นั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง