สีหน้าของจี้กั๋วจวินเปลี่ยนไปทันที
มันเป็นเรื่องจริง กระเป๋าที่เขามอบเป็นของขวัญนั้นเป็นของปลอมทั้งหมด
แต่กระเป๋าปลอมของจี้กั๋วจวินนั้นไม่เหมือนกับโรงงานผลิตกระเป๋าปลอมอื่น ๆ
กระเป๋าปลอมที่เขาผลิตทั้งหมดนั้นใช้วัสดุเดียวกันกับของแท้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีหรือคุณภาพของวัสดุ เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีความแตกต่างกับโรงงานผลิตของแท้เลย
สรุปเข้าใจง่าย ๆ ก็คือโรงงานเถื่อนเล็ก ๆ ของเขานี้ ถือว่าเป็นระดับเดียวกับโรงงานย่อยเลยก็ว่าได้
ไม่เหมือนกับพวกโรงงานผลิตก๊อปเกรดเอพวกนั้น
จี้กั๋วจวินทำธุรกิจในวงการนี้มานาน มีเครือข่ายคอนเนกชั่นมากมาย รู้จักคนที่เกษียณจากโรงงานLouis Vuittonหลายคน แถมพวกเขายังมีช่องทางการติดต่อของคนที่นำเข้าสินค้า จึงแอบยื่นข้อเสนอในคนพวกนั้นมาทำงานกับตัวเอง แล้วเขาก็สร้างโรงงานเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมา
เขาผลิตสินค้าก๊อปเกรดเอออกมาขาย โดยผ่านเครือข่ายของเขาเอง ซึ่งมันทำให้เขาได้กำไรมหาศาล
การทำธุรกิจแบบนี้ของจี้กั๋วจวินแทบไม่มีช่องโหว่ใด ๆ ที่สามารถจับได้
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะจับได้ก็คือ เลขซีเรียลนัมเบอร์ของกระเป๋า
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกค้าไปเช็กเลขซีเรียลนัมเบอร์ในเว็บไซต์ของแท้ จี้กั๋วจวินจึงทำการก๊อบปี้เลขซีเรียลนัมเบอร์ของสินค้าจริงมาใช้
โดยปกติแล้ว มันไม่เคยถูกจับได้ เว้นเสียแต่ว่าลูกค้าสองคนจะซื้อสินค้าที่มีเลขซีเรียลนัมเบอร์เดียวกันแล้วบังเอิญมาเจอกัน ถึงจะถูกเปิดโปง แต่มันเป็นเรื่องที่แทบไม่มีทางเกิดขึ้น
แต่เขาไม่คิดเลยว่า วันนี้ ณ ที่ตรงนี้ มันจะเกิดเรื่องที่มีความเป็นได้น้อยมากแบบนี้เกิดขึ้น
เหตุผลหลักเลยคือ กระเป๋าถือFENDI รุ่น Selleria นั้นแพงมาก และถือว่าเป็นสินค้าหายากมากในบรรดากระเป๋าแบรนด์เนม
ปกติแล้วมีแค่พวกดารานักแสดงที่เวลาเดินพรมแดงเท่านั้น ถึงจะถือกระเป๋าแบบนี้เพื่อโชว์ความไฮโซ
นอกจากนั้นแล้วก็ไม่น่าจะมีใครที่สามารถซื้อไหว ต่อให้เป็นพวกคุณนายเศรษฐีก็อาจจะไม่เลือกซื้อกระเป๋าที่ราคาแพงถึงขนาดนี้
กระเป๋าใบนี้มีจำนวนน้อยมาก ทั้งมณฑลมีแค่ใบเดียวเท่านั้น และมันก็อยู่ในมือเซินหลงหยินพอดี เขาไม่ได้มอบมันให้ภรรยา แต่มอบมันให้หวังตงเสวี่ย เพื่อเป็นการกระชับมิตรกับฉินจุน
ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญมาชนกันแบบนี้ ทำเอาจี้กั๋วจวินหน้าเสียนิดหน่อย
ยะหยาเองก็ไม่คิดว่าจะมาชนกันแบบนี้ ขนาดเลขซีเรียลนัมเบอร์ยังเหมือนกันเป๊ะ ๆ เพราะฉะนั้นมันต้องมีใบหนึ่งเป็นของปลอมแน่นอน
“นายคนแซ่ฉิน นายนี่เยี่ยมจริง ๆ เลยนะ เอากระเป๋าปลอมมาหลอกคนอื่นงั้นเหรอ?หวังตงเสวี่ยเธอนี่ก็โง่ให้คนอื่นหลอกดีจริง ๆ เลยนะ คนอื่นเขาหลอกให้กระเป๋าปลอมใบละสองแสนกว่าเธอก็เชื่องั้นเหรอ?”
หวังตงเสวี่ยรีบส่ายหน้า “ไม่ ๆ กระเป๋าใบนี้ไม่น่าเป็นของปลอมหรอก เพราะเพื่อนของพี่ฉินเป็นคนให้มา”
พอหวังตงเสวี่ยพูดจบ ยะหยาก็ขมวดคิ้วใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา
“เธอหมายความว่า กระเป๋าของฉันเป็นของปลอมงั้นเหรอ?”
มันก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ กระเป๋าของพวกเธอสองคนต้องมีหนึ่งใบที่เป็นของแท้ ถ้าหวังตงเสวี่ยบอกว่าของเธอเป็นของแท้ ก็แสดงว่ากระเป๋าของยะหยาก็ต้องเป็นของปลอม
หวังตงเสวี่ยเองก็ไม่ใช่คนชอบโทษกล่าวหาคนอื่น แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกสักอันหนึ่งแบบนี้ เธอเองก็ไม่มีทางเลือก
เซินหลงหยินเป็นถึงคนระดับไหน เขาเป็นถึงยักษ์ใหญ่ทางด้านIT เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์แบรนด์หลงหยิน เขาเป็นถึงอภิมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้าน จะซื้อกระเป๋าปลอมได้ยังไง?
เพราะฉะนั้นหวังตงเสวี่ยจึงมั่นใจว่ากระเป๋าที่อยู่ในมือของเธอนี้เป็นของแท้แน่นอน
“อันนั้นฉันก็ไม่รู้ด้วยหรอกนะ” หวังตงเสวี่ยหยิบกระเป๋าของตัวเองมา เธอไม่อยากจะพูดอะไรมาก จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ
ยะหยาได้ยินแบบนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที “ฮึ้ย!นี่แกหลอกด่าฉันเหรอ แกมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่ากระเป๋าของฉันเป็นของปลอม ฉันว่ากระเป๋าของแกน่ะสิที่เป็นของปลอม กระเป๋าของฉันเป็นคนประธานจี้ให้มาเอง ท่านเป็นถึงระดับไหนในวงการของแบรนด์เนมเธอไม่เคยได้ยินหรือยังไง?ถ้าอย่างนั้นเธอพูดมาสิว่า กระเป๋าของเธอใครให้มา?”
หวังตงเสวี่ยชะงักอย่างคิดหนัก “ฉัน……”
บางอย่างหวังตงเสวี่ยก็ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไง เธอหันไปมองหน้าฉินจุนอย่างขอความเห็น
ฉินจุนเอ่ย “ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้เสียหน่อย กระเป๋าใบนี้เซินหลงหยินเป็นคนให้มา”
พอเอ่ยถึงเซินหลงหยินทุกคนก็ออกอาการตกใจ
“เซินหลงหยิน?เซินหลงหยินแห่งแบรนด์โทรศัพท์หลงหยินน่ะเหรอ?นายแน่ใจ?”
“โอโห นายนี่ขี้โม้ชะมัด เซินหลงหยินให้กระเป๋านาย?มีสิทธิ์อะไรกัน อย่างพวกนายเนี่ยนะจะรู้จักประธานเซิน?”
“พวกนายนี่ขี้โม้จริง ๆ ตลกเป็นบ้า ประธานเซินหลงหยินเป็นถึงคนระดับไหน อย่างพวกนายเนี่ยนะจะได้รู้จักกับท่าน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง