ประกาศิตราชามังกร นิยาย บท 3

ตอนที่ 3 ถูกชน

“แม่ ไม่เป็นไรใช่ไหม พวกนั้นไปกันหมดแล้ว” หลังจากที่ชายหัวล้านไปแล้ว เฉินผิงรีบเอ่ยถามถังหงอิงด้วยความเป็นห่วง “เฮ้อ! ลูกนี่นะ เพิ่งจะออกมาแท้ๆ ไปมีเรื่องกับพวกเขาทำไม!” ถังหงอิงตำหนิเฉินผิง “รีบเก็บเงินที่พื้นขึ้นมา นี่เป็นเงินที่พวกเราค่อยๆ เก็บรวบรวมมาทีละเล็กละน้อยเลยนะ” เฉินผิงก้มตัวลงเก็บธนบัตรที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นยัดคืนใส่ถุง “แม่ อีกหน่อยผมจะหาเงินเอง แม่กับพ่อพักผ่อนได้แล้ว แล้วตาของแม่ ผมจะหาทางรักษาให้นะครับ” เฉินผิงเก็บรวบรวมเงินเรียบร้อยแล้วจึงส่งถุงผ้าให้ถังหงอิง “ลูกคิดได้แบบนี้ก็พอแล้ว” ถังหงอิงพูดและร้องไห้ออกมา “ตอนนี้ลูกกลับมาแล้ว แม่ก็วางใจได้ หลายปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงลูก ป่านนี้แม่ก็คงตายไปแล้ว...” เมื่อเห็นท่าทางของแม่ ดวงตาทั้งสองของเฉินผิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง! ปัง! เฉินผิงทนไม่ไหวแล้ว เขากำหมัดทุบลงไปบนโต๊ะเพียงตัวเดียวที่มีอยู่ในบ้าน โครม! ในพริบตา โต๊ะถูกทุบจนแตกกระจาย ตระกูลเซียว... ตระกูลเกิ่ง... ฉันจะให้พวกแกชดใช้...อย่างแน่นอน ไฟโกรธในใจของเฉินผิงกำลังโหมกระหน่ำ! ดูเหมือนถังหงอิงจะรู้สึกได้ถึงไฟโกรธนี้ของเฉินผิง เธอจึงรีบพูดขึ้น “เฉินผิง อย่าได้ก่อเรื่องอีกเด็ดขาด ตอนนี้ลูกออกมาแล้ว ก็ตั้งใจหางานทำ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” “แม่วางใจเถอะ ผมรู้ว่าควรทำยังไง ผมออกไปข้างนอกสักหน่อยนะครับ!” เมื่อเฉินผิงปลอบแม่ของตนแล้วจึงออกจากบ้าน เขาจะไปหาเกิ่งซานซานเพื่อถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่! หลังจากที่ออกจากบ้านมาแล้ว ไฟโกรธของเฉินผิงยังคงระอุอยู่ภายใน! แต่ในขณะที่เฉินผิงกำลังเดินข้ามถนนอยู่นั้น ทันใดนั้น รถปอร์เช่สีแดงคันหนึ่งก็พุ่งออกจากถนนด้วยความเร็วสูง และกระแทกเข้ากับเฉินผิงจนกระเด็นขึ้นไปในอากาศ โครม! เฉินผิงร่วงตกลงมาบนพื้นอย่างแรง หากเขาไม่ได้ฝึกยุทธ์กับตาเฒ่ามังกรแล้วละก็ ดูท่า เฉินผิงก็คงจะถึงฆาตไปแล้ว! “ขับรถประสาอะไรกันวะ!” เฉินผิงมีอารมณ์โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ครั้นออกจากบ้านมาก็ถูกรถชนจนกระเด็น เวลานี้ อารมณ์โกรธในใจยิ่งหนักหน่วงขึ้น! “บ้าชะมัด เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง” ขณะที่เฉินผิงกำลังด่าทอและเตรียมจะลุกขึ้นยืน ทันใดนั้น ก็มีเสียงโวยวายของหญิงสาวดังขึ้น หญิงสาวคนหนึ่งเดินลงมาจากรถปอร์เช่ เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวพร้อมด้วยรองเท้าส้นสูง หน้าตาสะสวย แต่ทว่าใบหน้าของเธองดงามกลับเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง และกำลังมองมาที่เฉินผิง เฉินผิงขมวดคิ้ว เดิมทีเขาคิดจะลุกขึ้น แต่แล้ว ก็ล้มตัวกลับลงไปนอนอีกครั้งหนึ่ง “ใครกันที่ไม่มีตา ก็เห็นอยู่ว่าคุณชนผม หน้าตาก็สวยดี แต่ทำไมพอพูดออกมากลิ่นเหม็นยังกับอึ” เฉินผิงพูดกับหญิงสาวโดยไม่แสดงอาการโอดโอยสักนิด “นายกล้าด่าฉันหรือ” หญิงสาวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทันใดนั้น เธอยกเท้าขึ้น เตรียมจะเหยียบเฉินผิง รองเท้าส้นสูงที่หญิงสาวสวมอยู่นั้น ส้นรองเท้าเหมือนดั่งคมมีด หากถูกเหยียบเข้าละก็ จะต้องถูกเจาะเป็นรูและมีเลือดไหลแน่ๆ “ซูอวี่ฉี หยุดนะ” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะยกเท้าใส่เฉินผิง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เปิดประตูรถและลงมาจากเบาะหลัง บนตัวของชายวัยกลางคนมีพลังอำนาจอันน่าเกรงขามปกคลุมอยู่ มองดูก็รู้ทันทีว่าเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงมานาน แต่ทว่า สีหน้าของชายวัยกลางคนในยามนี้ดูซีดเซียว หายใจถี่ หลังจากที่ตะโกนคำพูดเมื่อสักครู่ออกมา เขาก็หอบหายใจยืนพิงอยู่ที่ประตูรถ! “พ่อ พ่อลงมาทำไมคะ!” เมื่อหญิงสาวเห็นชายวัยกลางคน เธอรีบวิ่งไปประคอง “พวกเรารีบไปโรงพยาบาลเถอะ อย่ามาเสียเวลาอยู่เลย...” ชายวัยกลางคนพูดกับหญิงสาว หญิงสาวพยักหน้า และเดินย้อนกลับมาที่เฉินผิงอีกครั้ง เธอหยิบเงินออกมาปึกหนึ่งแล้วโยนให้เฉินผิง “ในนี้มีหนึ่งหมื่นหยวน รีบรับเงินแล้วไปซะ พวกเรายังมีธุระด่วน!” เฉินผิงไม่ได้รับเงินไว้ แต่เขากลับลุกขึ้นพลางมองไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั่น แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก มันไม่ทันแล้ว” เมื่อพูดจบ เฉินผิงก็หันหลังกลับเตรียมจะเดินจากไป เขาดูออกว่าชายวัยกลางคนผู้นี้อยู่ในสภาวะวิกฤตแล้ว เขาไม่มีทางอดทนจนไปถึงโรงพยาบาลได้หรอก! “หยุดนะ” หญิงสาวก้าวมายืนขวางเฉินผิงไว้ เธอถลึงตาด้วยความโกรธ “หมายความว่ายังไง นายพูดให้มันชัดเจนหน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่าคิดจะไปง่ายๆ” เวลานี้ ชายวัยกลางคนก็ขมวดคิ้วด้วยเช่นกัน เขาเดินเข้ามาใกล้เฉินผิง! “โรคที่แฝงอยู่ในตัวพ่อของคุณกำเริบ ปอดฝั่งซ้ายบาดเจ็บ ไม่เกินห้านาทีลมหายใจจะติดขัด แล้วจะหายใจไม่ออกจนเสียชีวิต ภายในห้านาทีนี้คุณไปโรงพยาบาลทันไหมล่ะ” เฉินผิงถามหญิงสาวคนนั้นอย่างใจเย็น “นายพูดจาส่งเดช พ่อของฉันแค่เป็นหวัดเท่านั้น...” “อวี่ฉี…” ชายวัยกลางคนเอ็ดลูกสาว จากนั้นจึงขยับก้าวเข้ามาใกล้เฉินผิงอีก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “น้องชาย คุณรู้ได้ยังไงว่าปอดด้านซ้ายของผมบาดเจ็บ?” “ถึงบอกคุณไป คุณก็ไม่เข้าใจหรอก ตอนนี้ผมมีธุระ ไม่ว่างมาเสียเวลากับพวกคุณหรอก...” เมื่อพูดจบ เฉินผิงหันหลังกลับเตรียมจะเดินจากไป “น้องชาย...แค่กๆๆ...” ชายวัยกลางคนเรียกเฉินผิง จากนั้นก็ไออย่างรุนแรง เมื่ออาการสงบลง เขารีบรุดเข้าไปดึงแขนของเฉินผิงไว้ “น้องชาย คุณมองเห็นอาการป่วยของผม งั้นคุณก็ต้องรักษามันได้สิ น้องชายช่วยชีวิตผมด้วย ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ ผมก็ยอม นี่นามบัตรผมครับ” ชายวัยกลางคนหยิบนามบัตรออกมายื่นให้เฉินผิง เดิมทีเฉินผิงไม่ต้องการรับและไม่อยากจะใส่ใจ แต่เมื่อเขาเห็นชื่อบนนามบัตร เขาก็คว้านามบัตรไว้ทันที “คุณคือซูเหวินจง ประธานกลุ่มบริษัทตระกูลซู งั้นหรือ” “ใช่แล้วครับ” ซูเหวินจงพยักหน้า ทันใดนั้น เฉินผิงยกมือขึ้นชี้ไปที่ซูเหวินจง สองนิ้วกดลงไปที่จุดเทียนทู จุดเหรินไห่ และจุดกุยจงบนตัวของซูเหวินจง เฉินผิงเคลื่อนไหวอย่างเร็ว โดยที่ซูเหวินจงและซูอวี่ฉีไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประกาศิตราชามังกร