เมื่อรับสาย น้ำเสียงห่วงใยจากคุณย่าฉิงที่ปลายสายบอกให้เมิ่งหว่านชูติดต่อเธอได้ทันทีหากมีเรื่องด่วน เมิ่งหว่านชูตอบรับด้วยความยินดี แล้วจึงวางสายไป
“ช่วยจอดรถที”
หลังจากวางสายแล้ว เมิ่งหว่านชูรีบบอกให้หยุดรถ
ดวงตาเย็นชาของฉิงมั่วหันจ้องมองเธอ เขายื่นมือมาบีบคางของเธอแล้วบังคับให้เธอมองเขา “ทำไม คิดว่ามีคุณย่าคอยหนุนหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือ”
“เปล่าสักหน่อย”
เมิ่งหว่านชูปัดมือของเขาออกและเลิกพูดดีๆ กับเขา “ฉิงมั่วหัน แม้ว่าคุณจะหล่อและรวย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่คิดจะแต่งงานกับคุณเพราะลุ่มหลงในเงินทองหรอกนะ อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย”
“สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ มันเป็นอุบัติเหตุทั้งหมด ฉันรู้ว่าคุณไม่ต้องการให้ฉันท้อง ส่วนฉัน ก็ไม่ได้อยากมีลูกให้คุณด้วย”
“อีกสองเดือน ฉันจะไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณสามารถให้ซ่งฉือติดตามฉันไปด้วยได้ หากผลออกมาว่าฉันท้อง ก็ทำแท้งกันตอนนั้นได้เลย จากนี้ไป พวกเราก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
เมื่อฟังคำพูดที่จริงจังของเธอ ริมฝีปากของฉิงมั่วหันก็บิดโค้งขึ้น “คุณคิดว่าผมจะเชื่อคำพูดของคุณหรือ”
ผู้หญิงเจ้าเล่ห์ ที่มี ‘ทักษะการแสดง’ ที่เก่งกาจ เขาจะเชื่อได้ยังไง!
“แล้วแต่คุณเลย แต่นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่ใช่หรือคะ” เมิ่งหว่านชูยิ้มอย่างมั่นใจ
รอยยิ้มที่สดใสของเธอทำให้ฉิงมั่วหันรู้สึกรังเกียจ “หยุดรถ!”
เมื่อรถหยุดแล้ว เมิ่งหว่านชูกล่าวอย่างสุภาพว่า “แล้วพบกันใหม่ค่ะ”
พูดจบ เธอก็ผลักประตูรถเปิดออก จากนั้นก็กระแทกประตูปิดจนตัวรถสั่น แล้วเดินจากไป
ภายในรถ ฉิงมั่วหันยกมือขึ้นนวดขมับ เขารู้สึกว่าเมิ่งหว่านชูเป็นตัวปัญหา “ดักฟังโทรศัพท์ของเธอ แล้วให้คนคอยจับตาดูจากระยะไกล”
“ครับ บอส”
ซ่งฉือรับคำสั่ง
เขาไม่ได้ถามอะไรมาก
แต่ได้ติดตามบอสมาหลายปี เขารู้ดีถึงความคิดในใจของบอส
ไม่มีอะไรนอกจากกังวลว่าในระยะเวลาสองเดือนนี้ เมิ่งหว่านชูอาจจะหาผู้ชายสักคนหรือวิธีการอื่นๆ เพื่อให้เธอตั้งครรภ์ขึ้นมา
......
หลังจากนั้น เป็นเวลาเดือนครึ่ง เมิ่งหว่านชูไม่ได้พบฉิงมั่วหันอีกเลย
ชีวิตของเธอก็กลับมาเป็นปกติ เธอทำงานเป็น รปภ. ที่เยว่เซ่อคลับในตอนกลางคืน ในช่วงกลางวันที่เธอว่างก็จะวิ่งส่งอาหาร หรือไม่ก็ทำอาหารส่งให้แม่บุญธรรมของเธอที่โรงพยาบาล
ส่วนพ่อบุญธรรมของเขา ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ
วันนี้ ขณะที่เมิ่งหว่านชูกำลังวิ่งส่งอาหาร ก็ได้รับโทรศัพท์จากนักสืบเอกชน
“คุณเมิ่งครับ ผมพบเจ้าของรถที่ก่อเหตุแล้ว” อีกฝ่ายกล่าว
เพราะคนขับรถที่ก่อเหตุในอุบัติเหตุที่พ่อแม่บุญธรรมต้องประสบหนีหายไป หลังจากการสอบสวนพบว่ารถคันดังกล่าวถูกลงทะเบียนเป็นเศษซากไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถหาคนขับได้
นักสืบเอกชนหาวิธีจนเจอรถคันนั้น และนำเลือดที่ตกค้างบนรถไปทำการเปรียบเทียนดีเอ็นเอ
จึงพบว่าคนขับรถที่ก่อเหตุเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา
จากข้อมูลเหล่านี้ เมิ่งหว่านชูมั่นใจมากว่าพวกคนตระกูลหลีจะต้องติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีนี้แน่นอน ไม่เช่นนั้น สิ่งที่นักสืบเอกชนสืบเจอ ทำไมพวกเขาถึงสืบไม่เจอล่ะ
“คนอยู่ที่ไหนหรือคะ”
“อีกสองชั่วโมงผมจะถึงหลานเฉิง แล้วผมจะติดต่อคุณอีกที”
“ได้ค่ะ ลำบากพวกคุณแล้ว”
เมิ่งหว่านชูวางสายโทรศัพท์ “พ่อจ๋า แม่จ๋า ความจริงใกล้จะเปิดเผยแล้ว หนูจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้พวกท่านแน่นอน”
ในขณะเดียวกัน ที่บ้านตระกูลหลี
จ้าวรั่วหลานกำลังพูดโทรศัพท์ หลังจากที่วางสาย เธอมองหลีฟู่อานและหลีอวิ่นเอ๋อร์สองพ่อลูกบนโซฟาด้วยสีหน้าตื่นเต้น แล้วพูดขึ้นอย่างกังวลใจว่า “นักสืบเอกชนที่เมิ่งหว่านชูจ้างวานได้สืบจนเจอคนขับรถในอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว คุณว่า มันจะเดาได้ไหมว่าเป็นฝีมือของพวกเรา”
“อะไรนะ เมิ่งหว่านชูจับเขาได้ยังไงกัน ไหนพ่อแม่บอกว่าหาคนที่เชื่อใจได้ไม่ใช่หรือคะ” หลีอวิ่นเอ๋อร์ตื่นตระหนก
เรื่องที่เกี่ยวกับชื่อเสียงของตระกูลหลี เธอไม่สามารถนิ่งดูดายได้ และยิ่งกลัวว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบในทางลบกับเธอ
หลีฟู่อานหน้าดำคร่ำเครียด “ช่วงนี้อวิ่นเอ๋อร์เพิ่งจะได้ใกล้ชิดกับคุณชายฉิง จะต้องไม่ให้เมิ่งหว่านชูสืบรู้ว่าพวกเราเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น หากเรื่องแดงขึ้นมา พวกเราคงไม่มีหน้าอยู่หลานเฉิงต่อไปได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานตัวร้ายกับยัยจอมแสร้ง