มู่ซย่ากำลังจะจับอีกฝ่ายทุ่ม แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใบหน้าของชายคนนั้น มือของเธอก็หยุดทันที
“คุณชายเยี่ย?” เธอกะพริบตาปริบอย่างงุนงง และถามด้วยความประหลาดใจ “คุณ...ทำไมคุณถึง...”
“ทำไมถึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฉัน” มู่ซย่ายังไม่ทันพูด เยี่ยซือเจวี๋ยก็ขัดจังหวะเธอทันที
มู่ซย่ามองตาเยี่ยซือเจวี๋ยด้วยความงุนงง ดวงตาคู่นั้นเหมือนสิงโตที่ดุร้าย และในเวลานี้ ราชาแห่งป่าก็ดูเหมือนกำลังถูกยั่วยุให้โกรธ
ความหมายของเยี่ยซือเจวี๋ยก็คือ เมื่อครู่ที่เขาเดินอยู่ที่โถงสนามบิน เธอไม่ได้เข้าไปทักทาย เขาจึงโกรธอย่างนั้นหรือ
นั่นก็แสดงว่าเขาจำเธอได้ แล้วทำไมเขาถึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอตอนอยู่ที่สนามบินล่ะ ตอนอยู่ในเครื่องก็ไม่สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ
มู่ซย่าทั้งขำทั้งพูดไม่ออก “คุณแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฉันก่อนเองนะ คุณชายเยี่ยงานยุ่งขนาดนี้ ฉันจะกล้าเข้าไปรบกวนคุณได้อย่างไรกันคะ”
มู่ซย่าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเยี่ยซือเจวี๋ยกำลังคิดอะไรอยู่ ในเมื่อรู้จักเธอ แต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก
แกล้งทำเป็นไม่รู้จักหรือ งั้นก็แกล้งต่อไปสิ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงโผล่มาดันเธอติดกำแพง แล้วยังถามว่าทำไมเธอถึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา
มู่ซย่าผลักเยี่ยซือเจวี๋ยออก “ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม...นายปล่อยฉันก่อนสิ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้าจะไม่ดี”
เยี่ยซือเจวี๋ยทำเหมือนกันไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขายังคงจ้องมาที่ดวงตาของเธอด้วยสายตาจริงจัง
ดวงตาคู่นั้นใสสะอาดราวกับสายน้ำในลำธาร แต่กลับลึกลงไปดังทะเลลึกที่มองไม่เห็นก้น
ไม่มีสายตาแห่งความเกรงกลัวหรือการประจบสอพลอในดวงตาคู่นั้น เธอปฏิบัติต่อเขาเหมือนปฏิบัติกับคนอื่นๆ ทั่วไป
เหมือนคนอื่นๆทั่วไป…
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
“เธอโกรธงั้นหรือ ที่ฉันจำเธอไม่ได้ตอนอยู่สนามบินนั้น”
มู่ซย่าเบ้ปาก “ฉันไม่ได้โกรธ”
ทำไมเธอต้องโกรธด้วย
เยี่ยซือเจวี๋ยนิ่งเงียบหลังจากได้ยินคำตอบของเธอ เขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร
เยี่ยซือเจวี๋ยนิ่งไปครู่หนึ่งก็ปล่อยเธอ เขาถอยออกไปก้าวหนึ่งแล้วถามเธอว่า “เธอมาทำอะไรที่เมืองหนาน ตามฉันมาหรือ เพราะว่าฉันยังไม่ให้คำตอบเธอน่ะหรือ”
“ตามนาย? ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก เอาเวลาที่คอยตามนายมาทำอย่างอื่นได้อีกเยอะแยะ แล้วก็ ฉันยังมีเรื่องอะไรที่จะต้องรอคำตอบจากนายอีกหรือ”
มู่ซย่าเบะปาก ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ คำพูดสุดท้ายที่เยี่ยซือเจวี๋ยพูดในงานเลี้ยง
เธอทำตาโต เอามือแตะอก และถามว่า “นายคงไม่ได้จำเรื่องล้อเล่นที่ฉันพูดตอนนั้นหรอกนะ”
“ก็ฉันบอกแล้วว่าในเรื่องล้อเล่นมีความรู้สึกที่แท้จริงซ่อนอยู่ ฉันกำลังไตร่ตรองอยู่ เธออย่าเพิ่งใจร้อน”
“หา?” มู่ซย่าเอียงศีรษะอย่างขบขันและกล่าวว่า “ฉันอยากจะเคาะกะโหลกคุณออกดูจริงๆ ว่าข้างในมีแต่ขี้โคลนหรือเปล่า”
สีหน้าของ เยี่ยซือเจวี๋ยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ “คำพูดนี้ฉันน่าจะเป็นคนพูดมากกว่า”
“นายพูดบ้าอะไร”
และในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของมู่ซย่าก็ดังขึ้น
เธอกดปุ่มรับสาย เป็นเสียงของซือถูไห่ “มู่ซย่า ลูกอยู่ที่ไหน ปล่อยให้น้องรออยู่ตั้งนานแล้ว!”
รอหรือ เธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของซือถูชิงซาน
มู่ซย่าเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงรู้สึกผิดแล้วพูดว่า “หนูเพิ่งจะขึ้นเครื่องครั้งแรก...ยังไม่ค่อยรู้ทางค่ะ ขอโทษนะคะพ่อ ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันคะ เดี๋ยวหนูไปหา”
“ลูกไปหาเจ้าหน้าที่สนามบินนะ พวกเราอยู่ที่ประชาสัมพันธ์”
“ได้ค่ะพ่อ เดี๋ยวหนูจะรีบไป” มู่ซย่าวางสาย ภาพลักษณ์ของลูกสาวผู้อ่อนโยนหายไปหมดสิ้นหลังจากวางสาย
เธอโบกโทรศัพท์ต่อหน้าเยี่ยซือเจวี๋ย “พ่อของฉันตามหาแล้ว ฉันต้องไปแล้ว อีกเรื่องหนึ่ง ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เรื่องนั้นนายไม่ต้องเอาไปไตร่ตรอง เพราะว่าฉันพูดเล่น!”
มู่ซย่าพูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไป
แต่เมื่อเธอก้าวเดินได้เพียงสองก้าว ก็ได้ยินเสียงเยี่ยซือเจวี๋ยที่อยู่ด้านหลังถามขึ้นด้วยความสงสัย “ความสัมพันธ์ของเธอกับคนในครอบครัวเป็นยังไงหรือ”
มู่ซย่าไม่เข้าใจคำถามของเขา เธอหันมาตอบว่า “คนในครอบครัวก็คือความสัมพันธ์แบบครอบครัวสิ”
เยี่ยซือเจวี๋ยพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “แต่ฉันรู้สึกว่า พวกเขาไม่ได้มองว่าเธอคือครอบครัว”
มู่ซย่าพูดเช่นนี้ทำให้ซือถูไห่นึกขึ้นมาได้ว่า พวกเขาทั้งสามนั่งที่นั่งชั้นเฟิสต์คลาส แต่มู่ซย่ากลับนั่งชั้นประหยัดเพียงลำพัง
แค่กๆ... เขาไอแห้งๆ รู้สึกโกรธไม่ลง แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ เราไปกันได้แล้ว ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวจะสาย”
“ค่ะๆ” มู่ซย่าก้มหน้ารับคำ ดูเป็นเด็กหัวอ่อนเชื่อฟัง แล้วยังรีบร้อนช่วยมู่ซินเย่ว์ถือกระเป๋า
อารมณ์โกรธของซือถูไห่หายอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ ซือถูไห่รู้สึกว่า ลูกสาวคนโตที่เขาได้กลับคืนมานั้นไม่เหมาะที่จะพาออกงานสังคมสักเท่าไหร่
บางที เขาควรจะมุ่งความสำคัญไปที่ซือถูชิงซาน
ซือถูชิงซานได้รับการโปรดปรานอย่างรวดเร็วจากพ่อของเธอ ซือถูไห่จองที่พักใกล้กับสถานที่จัดงานพิธี และจองห้องสูทให้ซือถูชิงซาน
ซือถูชิงซานนั่งอยู่ในห้องและพูดกับมู่ซินเย่ว์ด้วยความดีอกดีใจ “แม่คะ แผนของหนูเจ๋งใช่ไหมล่ะ”
ใบหน้าของมู่ซินเย่ว์ดูไม่ค่อยดีนัก เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าผลีผลามทำอะไรไปเองน่ะ!”
ซือถูชิงซานเห็นมู่ซินเย่ว์โกรธ จึงดึงมือของมู่ซินเย่ว์และออดอ้อน “แม่คะ อย่าโกรธเลยนะ ดูสิผลมันก็ออกมาดีไม่ใช่หรือ”
มู่ซินเย่ว์นึกได้ว่า ซือถูไห่จองห้องธรรมดาราคาถูกที่สุดในโรงแรมให้มู่ซย่า สีหน้าเธอก็ดีขึ้นเล็กน้อย แล้วเอานิ้วจิ้มไปที่จมูกของซือถูชิงซาน “ยัยลูกสาวร้ายกาจ คราวหน้าไม่ว่าจะทำอะไรอีก ต้องบอกให้แม่รู้ก่อนนะ”
“วางใจเถอะค่ะแม่ หนูว่ามู่ซย่าไม่ได้จัดการยากอย่างที่แม่บอกหรอก ตอนนี้มันต้องกำลังอัดอั้นจะตายอยู่แล้วแน่ๆ เลยค่ะ”
มู่ซินเย่ว์กลับจมอยู่ในความเงียบ
ใครก็ตามที่ถูกซือถูชิงซานแกล้ง จะต้องแก้ต่างให้ตัวเองแน่นอน แต่มู่ซย่ากลับรับผิดและไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งยังพยายามประจบเอาใจ แสดงให้เห็นว่า...
มู่ซย่าเป็นคนที่สามารถเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ได้
และคนที่เก็บอารมณ์ได้ เมื่อถึงเวลาเอาคืน ก็จะยิ่งน่ากลัว
“ลูกรัก ลูกฟังนะ” มู่ซินเย่ว์กล่าวอย่างเคร่งขรึม “แม่มาลองคิดๆ ดูแล้ว วันนี้ลูกแค่ทำตัวดีๆ ขึ้นไปรับรางวัลก็พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รอจนกว่าพวกเรารู้เรื่องราวของมันทั้งหมดแล้วค่อยหาโอกาสก็ไม่สาย”
“รู้แล้วค่ะแม่” ซือถูชิงซานรับปากอย่างเชื่อฟัง แต่กลับไม่ได้เอามาใส่ใจเลยสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานวายร้ายจะแต่งงานกับฉันให้ได้!
ปลดล๊อคด้วยเหรียญแล้ว กลับมาอ่านซ้ำทำไมอ่านไม่ได้ ยังต้องให้ปลดล๊อคอีก แบบนี้เอาเปรียบผู้อ่านนะ...
When will you come?...
จะมาตอนไหนคะ...
จะมาอัปตอนไหนคะ...
ฮือออใจจะขาดมาต่อนะคะ...
เลิกอ่านดีไหม อยู่ๆก็อัดเหลือ2ตอน...
จากที่อัปวันละ10 ตอนตอนนี้เหลือแค่2ตอนแล้วหรอ...
ทำไมฮับแค่2ตอนละคะ...
โอ้ยค้างอีกจะหาอ่านได้จากแอปไหนเนี่ย...
อยากได้หนังสือเป็นเล่มมีขายไหมค่ะ...