โม่เซียวพยักหน้าหงึกๆ
ไอ้เหี้ย!แม่งเอ้ย เหี้ยจังว่ะ!ไป๋ชิงสบถคำหยาบในใจ
ปกติเธอเป็นคนอ่อนโยนดั่งเทพธิดา ตอนนี้สวรรค์เล่นตลกให้เธอเปลี่ยนบทบาทใช่ไหม?
“ฉันไม่บริจาคหรอก” ไป๋ชิงขบฟันพูด “ฉันไม่บริจาคไขกระดูกให้กับผู้หญิงที่ทำลายครอบครัวฉัน แย่งสามีฉันหรอก”
อันที่จริงสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สาเหตุของการปฏิเสธ เหนือสิ่งอื่นใดคือตอนนี้เธอตั้งครรภ์ มีลูกแล้ว บริจาคไม่ได้
ทว่าเธอบอกโม่เซียวไม่ได้
ขืนให้โม่เซียวรู้ มีหวังต้องถูกบังคับให้ทำแท้งแน่ เธอไม่เอาแบบนั้นเด็ดขาด!
“ถ้าคุณยอมบริจาค ผมจะทำตามทุกเงื่อนไขของคุณ” โม่เซียวพูดอย่างใจกว้าง
“แล้วรับปากได้ไหมว่าจะไม่หย่า?” ไป๋ชิงก้มหน้าถาม เพราะเธอไม่อยากให้โม่เซียวเห็นแววตาเศร้าโศกของตัวเอง
โม่เซียวนิ่งเงียบ ดูเหมือนเขาจะรักและหวงแหนหยุนชีชีมาก
ต่อให้เขารับปาก เขาก็ทำเพื่อช่วยชีวิตหยุนชีชี ยอมสละความสุขที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนที่เขารัก เป็นรักที่ประเสริฐและยิ่งใหญ่จริงแท้
“ไป๋ชิง คนเราไม่ควรโลภมากรู้ไหม?” โม่เซียวกล่าวเสียงเรียบ “ถึงผมจะรับปากคุณเพื่อชีชี แต่คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้รักคุณ”
ใบหน้าไป๋ชิงซีดเผือดทันควัน
คำว่า ‘ผมไม่รักคุณ’ ประหนึ่งมีดอันคมกริบที่เฉือนกลางใจเธอ คล้ายกับเลือดสดไหลพรั่งพรู เจ็บปวดเหลือแสน
“แต่ถ้าฉันต้องการเฝ้าสุสานของความรักอันนี้ให้ได้ล่ะ?” ไป๋ชิงเงยหน้าขึ้นเนิบๆ พลางเห็นดวงตาสุกใสอันเด่นชัดของเธอ
“งั้นคุณก็จะไม่ได้อะไรเลย” โม่เซียวมองเธอด้วยแววตายโสโอหัง “ตั้งเงื่อนไขด้านผลประโยชน์อื่นๆ”
“โม่เซียว เป็นครั้งแรกที่คุณทำให้ฉันไม่เจริญอาหาร” ไป๋ชิงวางช้อนลง “คุณบอกว่าฉันโลภมาก แล้วคุณต่างอะไรกับฉัน คุณอยากให้ฉันหย่ากับคุณ แล้วคุณจะได้อยู่กับหยุนชีชี ได้ ฉันรับปาก แต่ตอนนี้คุณยังคิดจะให้ฉันช่วยเธออีกเหรอ คุณโหดร้ายกับฉันเกินไปหรือเปล่า?”
เขารู้หรือเปล่าว่าเธอรักเขามากแค่ไหน ทำไมเขาต้องทรมานเธออย่างโหดเหี้ยมเพียงนี้
“โม่เซียว ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบทั้งสองด้านหรอก” ทันใดนั้นไป๋ชิงกลายเป็นคนดีด้วยดีกลับ ร้ายด้วยก็ร้ายตอบขึ้นมา “อย่างเช่นคุณกับฉัน”
เธอรักผู้ชายคนนี้สิบปี สุดท้ายความรักก็กลายเป็นคมมีดที่ทำร้ายตัวเธอเอง
“คุณโลภ ไม่รู้จักพอเลยจริงๆ” โม่เซียวลุกพรวด จากนั้นก็เดินออกไป
ไป๋ชิงเหยียดยิ้มเย้ยหยันตัวเอง จากนั้นก็พึมพำกับตัวเองต่อว่า “ใช่สิ ฉันมันคนโลภ อยากได้ทุกอย่าง อยากได้ทั้งตัวคุณและหัวใจคุณ”
เธอพูดจบก็หยุดกิน เพราะเธอไม่มีอารมณ์กินต่อแล้ว
เมื่อออกจากร้านโจ๊ก ไป๋ชิงก็มุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลโม่
ช่วงก่อนคุณย่าโม่เป็นลมล้มพับ อาการพึ่งจะดีขึ้นสองสามวันนี้เอง
ไป๋ชิงมองคนชราผู้เมตตา เธอเอ่ยปากพูดเรื่องหย่ากับโม่เซียวไม่ได้เลยจริงๆ
“คุณย่าค่ะ” ไป๋ชิงนั่งขอบเตียง
หลังจากที่คุณย่าโม่เห็นไป๋ชิง รอยยิ้มบนใบหน้าก็เข้มข้นขึ้นหลายส่วน “หลานรักชิงมาแล้ว”
คนตระกูลโม่ที่โปรดปรานไป๋ชิงที่สุดก็คือคุณย่าโม่ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะพ่อแม่ของไป๋ชิงได้ช่วยชีวิตท่านไว้เท่านั้น แต่ท่านโปรดปรานเพราะตัวไป๋ชิงเองด้วย
ตอนที่คุณย่าโม่เป็นลมครั้งก่อน ก็มีไป๋ชิงที่อยู่ในเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนั้น เธอยังคงสติไว้แล้วหาวิธีช่วยเหลือคุณย่าโม่ได้ทันท่วงที
คุณหมอบอกว่า หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นของไป๋ชิง เกรงว่าคุณย่าโม่คงอำลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว ทว่ามีเพียงคุณย่าโม่ ไป๋ชิงและคุณหมอรู้เรื่องนี้ คนอื่นไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง
คุณย่าโม่จับมือเล็กอันอ่อนนุ่มของไป๋ชิง พลางถอนหายใจ “ไม่รู้เลยว่าหนูจะมีความรู้เยอะขนาดนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปริศนารักนัดบอด(จบ)