“ความหมายของฉันก็คือ ถ้าคุณหาเงินได้ไม่มาก ทำไมถึงยังซื้อกระโปรงและรองเท้าส้นสูงราคาแพงขนาดนี้ให้ฉันล่ะ?” ฉินอันอันเปลี่ยนมาให้รองเท้าแตะ แล้วก็เดินไปอยู่ด้านหน้าเขาแล้วพูดเสริมอีกว่า “ฉันโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยใส่ชุดกระโปรงและรองเท้าแพงขนาดนี้เลย”
ฟู่ซื่อถิงพูด “น่าสงสารจริง”
หลังจากฟู่ซื่อถิงพ่นสี่คำนี้ออกมา เขาก็เข้าไปในลิฟต์
เธอมองประตูลิฟต์ปิดลงอย่างนิ่งงัน
ที่จริงเธอยังมีอะไรที่จะพูดมากกว่านี้อีก
ที่เธออยากจะพูดก็คือเรื่องที่เขาถลุงเงินเป็นเบี้ย ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเกินกว่าเหตุ
เมื่อกลับมาถึงห้อง เธอถอดชุดกระโปรงโอตกูตูร์บนตัวออก เข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัว
น้ำอุ่นไหลอาบตั้งแต่ศรีษะลงมา
ประสาทสัมผัสทั้งหมดค่อย ๆ เฉื่อยชาและพร่าเลือน
วันรุ่งขึ้น
ฉินอันอันมาถึงฉินกรุ๊ปแต่เช้า
พอสิบโมงเช้า ห้องประชุมก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน
“สวัสดี ท่านผู้อาวุโสและทุก ๆ ท่าน ฉันคือฉินอันอัน ที่ฉันเรียกประชุมทุกท่านในวันนี้ ก็เพราะเมื่อคืนนี้ฉันถูกลักพาตัวค่ะ” สายตาของฉินอันอันกวาดตามองใบหน้าของทุกคนจนทั่ว
“เป็นไปไม่ได้! อันอัน คุณไม่เป็นใช่ไหม?!” มีคนพูดด้วยความประหลาดใจ
“ฉันไม่เป็นอะไร ที่ฉันเรียกทุกคนมาวันนี้ เพื่อคุยกับทุกคนอย่างตรงไปตรงมาค่ะ” ฉินอันอันพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “สถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทค่อนข้างย่ำแย่ เงินทุนภายนอกมีแนวโน้มที่ไม่ดีนักต่อโครงการของบริษัทเรา ดังนั้นผู้ซื้อจึงยินยอมซื้อในราคาต่ำเท่านั้น และบริษัทของเราก็มียอดหนี้เสียที่ค่อนข้างสูง ราคาที่ผู้ซื้อเสนอจึงทำได้แค่โปะหนี้เท่านั้น”
“ระบบซูเปอร์เบรนที่พัฒนาโดยบริษัทของเรานั้นที่จริงสามารถนำออกมาใช้ได้แล้ว! ขอแค่เราเอาระบบนี้ออกมาและจัดงานแถลงข่าวให้องค์กรใหญ่ ๆ ได้เห็นว่าระบบใหม่ของพวกเราเจ๋งแค่ไหน มันจะต้องดึงดูดการลงทุนได้แน่นอน!”
มีคนเสนอความเห็น
คนอื่น ๆ ทยอยตอบรับ
“ประการแรก พ่อของฉันไม่ยินยอมให้ขายบริษัท ซึ่งคิดว่าผู้อาวุโสทุกท่านต่างก็ทราบดี ประการที่สอง ระบบใหม่ยี้ยังดำเนินการพัฒนาไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เกรงว่าจะไม่ได้มูลค่ามากอย่างที่ใคร ๆ คิด”
“แล้วจะทำยังไงดี? หรือว่าต้องปล่อยให้บริษัทล้มละลายงั้นเหรอ?”
“ถ้าหากไม่มีการอัดฉีดเงินทุน เกรงว่าสุดท้ายจะมีแค่วิธีนี้เท่านั้น” ฉินอันอันกล่าว
รองประธานโกรธจัด ตบโต๊ะแล้วตะโกนด้วยความโกรธว่า “ฉินอันอัน! เธอก็แค่อยากจะฮุบระบบซูเปอร์เบรนไว้คนเดียว! พ่อของเธอไม่ได้พัฒนาระบบนี้คนเดียวนะ!”
ฉินอันอันมองไปที่รองประธานอย่างเฉยเมย “ลุงโจวคะ ในเมื่อคุณพูดเองว่าพ่อของฉันไม่ได้พัฒนาระบบคนเดียว ถ้าอย่างนั้นคุณก็นำทีมวิจัยและพัฒนาทำระบบซูเปอร์เบรนนี้ซ้ำขึ้นมาอีกครั้งสิคะ ถึงตอนนั้นคุณอยากจะขายหรือใช้มันตั้งบริษัทใหม่ ฉันก็จะไม่ว่าอะไรเลย!”
รองประธานหน้าแดงก่ำเพราะคำพูดของฉินอันอัน
ฉินเจี๋ยคือหัวหน้าวิศวกร ถ้าไม่มีเขา ระบบใหม่นี้คงไม่มีทางพัฒนาขึ้นได้
“ปากเธอบอกว่าทั้งหมดนี้เพื่อพ่อ แต่เธอกลับแอบนำของ ๆ พ่อยกให้คนนอก…”
ฉินอันอันสวนกลับ “หมายความว่าคนที่ลักพาตัวฉันเมื่อวาน คือลุงโจวเหรอคะ?”
ดวงตารองประธานเบิกกว้างราวกับไข่ห่าน
“ถ้าหากการที่ลุงโจวยังอยู่กับบริษัทเพราะหวังจะได้รับกำไรมหาศาลล่ะก็ ฉันขอแนะนำให้คุณหาทางออกด้วยวิธีอื่น หนี้สินของบริษัทยังชำระคืนได้ไม่หมดเลย จะเอากำไรจากไหนมาแบ่งให้คุณกัน?” ฉินอันอันพูดมาถึงตรงนี้ก็มองไปทางคนอื่น ๆ “ใครที่มีความคิดเหมือนกับรองประธานโจว มารับเงินเดือนนี้ไปได้เลยค่ะ”
รองประธานโจวและสมาชิกหลักของแผนกวิจัยและพัฒนาสองคนออกไปจากห้องประชุม
“ฉินอันอันคนนี้มองด้วยตาก็ดูเหมือนคนหัวอ่อนไม่มีปากมีเสียง คิดไม่ถึงว่าจะเหี้ยมโหดขนาดนี้”
“เธอบอกว่าเอาของให้ฟู่เย่เฉินไปแล้ว…ฉันคิดว่าไม่ใช่แบบนั้นจริง ๆ หรอก! บางทีมันอาจจะยังอยู่กับเธอนั่นแหละ!”
“พวกเรามาคิดหาวิธีตามสืบฟู่เย่เฉินกันก่อนเถอะ!”
......
ตอนกลางวัน
ฉินอันอันออกจากบริษัท ไปเจอหลี่เสี่ยวเถียนเพื่อนสนิทตามที่นัดไว้
ทั้งสองนัดพบกันที่ร้านหม้อไฟแห่งหนึ่ง
“อันอัน ตอนนี้ทำไมถึงนัดเจอเธอยากขนาดนี้! เธอลองนับดูสิ ช่วงนี้ฉันนัดเธอได้กี่ครั้ง?” หลีเสี่ยวเถียนบ่น “การหาเงินทุนให้บริษัทพ่อเธอมันยากลำบากมากเลยงั้นเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รอวันหย่า คุณสามีร้าย
สนุกมากค่ะ...