ฉินอันอันคิดว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ตัวเองคงเป็นเมียน้อยแล้วใช่ไหม?
และหากผู้หญิงคนนั้นไม่มีชีวิตอยู่แล้ว จะเท่ากับว่าเธอเป็นแค่ตัวแทนของผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?
ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง ก็ล้วนแต่เจ็บปวดไม่น้อย
ระหว่างที่จิตใจของฉินอันอันกำลังสับสนอยู่นั้นเอง ความคิดของฟู่ซื่อถิงก็ล่องลอยไปที่อื่นเช่นกัน
“ฉินอันอัน บอกผมหน่อยสิว่าคุณชอบฟู่เย่เฉินตรงไหน!” เขาควักกล่องบุหรี่ออกมาด้วยสีหน้าอ่านยาก
“ฉันไม่ได้ชอบเขาแล้ว” เสียงฉินอันอันฟังดูอู้อี้
ถ้าไม่ใช่เพราะเพิ่งจะพูดคุยกับเขา บางทีเธออาจจะใช้ฟู่เย่เฉินยั่วโมโหเขาต่อไปได้
ถึงแม้ว่าพฤติกรรมแบบนี้มันจะดูไม่รู้จักโตมากก็ตาม
แต่ทุกครั้ง ฟู่ซื่อถิงมักจะอารมณ์เสียใส่เธอเพราะเรื่องขี้ปะติ๋วเสมอ
ถ้าเธอไม่ทำอะไรเพื่อเป็นการตอบโต้บ้าง เธอคงจะอัดอั้นตายไปเสียก่อน
“พอคุณมองออกว่าเขาเป็นพวกขี้แพ้ ก็เลยเลิกชอบงั้นเหรอ?” เขาคีบบุหรี่ไว้ที่ระหว่างนิ้ว ไม่ได้จุดมัน
“ในสายตาของคุณ นอกจากเงิน ก็ไม่มีเรื่องอื่นแล้วเหรอ?” ฉินอันอันถามเขา “ตอนแรก ที่ฟู่เย่เฉินตามจีบฉัน เขาเขียนบทกวีรักส่งให้ฉันทุกวัน ทุกสุดสัปดาห์เขาจะพาฉันไปดูนิทรรศการศิลปะ พาไปดูคอนเสิร์ต พวกเราคุยกันแต่เรื่องสวยงาม…”
“สวยงามเหรอ? ผมกลับมองว่ามันไร้สาระ! เพราะว่าในสมองของเขามีวิธีจีบผู้หญิงไงล่ะ อาชีพการงานถึงได้ล้มเหลวไม่เป็นท่า” ฟู่ซื่อถิงแทรกเธอด้วยเสียงทุ้มลึก “เรื่องที่สวยงามประเภทนี้ โง่เง่าจนน่าหัวเราะ!”
ฉินอันอันเอ่ยขึ้นบ้าง “ฟู่ซื่อถิง หรือว่าคุณเกิดมาปุ๊บก็เป็นผู้ใหญ่และประสบความสำเร็จขนาดนี้เลยเหรอ? ตอนอายุสิบห้า ฉันก็แค่ชอบผู้ชายหล่อ ตอนอายุสิบหก ฉันก็ชอบผู้ชายที่เรียนเก่ง ตอนอายุสิบเจ็ด ฉันก็ชอบผู้ชายที่เล่นบาสฯเก่ง อายุสิบเก้า ฉันก็ชอบผู้ชายที่มีความสามารถ…”
“ฉันเคยชอบฟู่เย่เฉิน ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะเกลียดเขา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จะให้ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นไม่ได้”
“เลิกพูดได้แล้ว!” ฟู่ซิ่ถิงหักบุหรี่ที่อยู่ระหว่างนิ้วของเขาเป็นสองส่วน ดวงตามีความหนาวเย็นปรากฏขึ้น “รีบกลับห้องตัวเองไปซะ!”
ฉินอันอันเม้มริมฝีปากสีสดของเธอ แล้วลุกขึ้นจากโซฟา
เธอไม่ได้ตรงกลับไปที่ห้อง เพราะเธอหิวมาก
เธอเดินตรงไปที่ห้องทานอาหารแทน
“ป้าจาง มีอาหารไหมคะ?”
ท่าทางของเธอดูราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับคนที่ทะเลาะกับฟู่ซื่อถิงเมื่อกี้นี้ไม่ใช่ตัวเอง
แม่บ้านจางเตรียมอาหารเย็นให้เธอทันที
เธอนั่งลงในห้องกินข้าว พอเปิดโทรศัพท์ดูก็เห็นข้อความจากหลีเสี่ยวเถียน
ทั้งหมดมีสามข้อความ
ข้อความที่หนึ่ง : นัดบอดจบแล้ว! ฉันไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไหร่ เขาดูอ่อนปวกเปียกยังไงก็ไม่รู้ ดูเหมือนเขาเองก็ไม่ค่อยสนใจฉันเหมือนกัน แต่เพราะครอบครัวเขากดดัน เขาเลยบอกว่าถ้าฉันไม่รังกียจ คราวหน้าค่อยนัดกินข้าวกันก็ได้
ข้อความที่สอง : เขาบอกฉันว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ให้เงินเขาใช้จ่ายเยอะนัก! แล้วเขาจะมีเงินหนึ่งพันสองร้อยล้านได้ยังไง! ระหว่างพวกเธอสองคนมีเรื่องเข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่า?
ข้อความที่สาม : ฉันติดสินใจนัดกินข้าวกับเขาช่วงสุดสัปดาห์นี้แล้ว! ฉันจะต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้ได้! ว่าแต่ ธุระด่วนของเธอคือเรื่องอะไรกันแน่?
ฉินอันอันตอบกลับข้อความของเธอ : อธิบายสั้น ๆ ไม่ได้ ไว้ฉันเรียบเรียงคำพูดได้แล้วจะบอกเธอทีหลังนะ
หลังจากหลีเสี่ยวเถียนได้รับคำตอบก็รีบโทรมาทันที
ฉินอันอันจับโทรศัพท์เอาไว้แล้วเหลือบมองไปทางห้องนั่งเล่น
ฟู่ซื่อถิงยังอยู่ที่นั่น
ถ้าเธอคุยโทรศัพท์ เขาต้องได้ยินแน่นอน
เธอตัดสายโทรศัพท์ แล้วส่งข้อความกลับไปหาหลีเสี่ยวเถียน : ตอนนี้ฉันไม่สะดวกรับสาย พรุ่งนี้พวกเราไปเจอกันที่มหาวิทยาลัยแล้วค่อยคุย!
......
เวลาสี่ทุ่มครึ่ง หลังจากฟู่ซื่อถิงอาบน้ำเสร็จ ก็สวมชุดคลุมผ้าไหมสีเทา เดินวนไปมาอยู่ในห้อง
ขาที่ไม่มีแรงมากนัก ตอนนี้กลับมามีเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยมแล้ว
เขาครุ่นคิดถึงคำถามข้อหนึ่งมาตลอด
คำถามนี้ทำให้เขาขมวดคิ้วแน่น มันเป็นปมในใจที่ยากจะแก้
ครู่หนึ่ง เขาเปิดโทรศัพท์ โทรหาโจวจื่ออี้
“จื่ออี้ เช็คดูหน่อยว่าพรุ่งนี้มีนิทรรศการศิลปะหรือคอนเสิร์ตอะไรไหม เวลาที่ดีที่สุดคือช่วงบ่ายหรือไม่ก็ช่วงเย็น”
โจวจื่ออี้ตอบกลับ “ได้ครับประธานฟู่ คุณอยากดูนิทรรศการศิลปะหรือว่าคอนเสิร์ตแบบไหนเหรอครับ?”
คำถามข้อนี้ ไม่ง่ายสำหรับเขาเลย
เขาไม่เคยไปชมนิทรรศการศิลปะหรือคอนเสิร์ตเลยสักครั้งเดียว
เรียกได้ว่าจนป่านนี้เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลย
“นายเลือกแบบที่ผู้หญิงชอบก็แล้วกัน” เขาเอ่ย
“ได้ครับประธานฟู่ แต่ว่าผู้หญิงที่อายุต่างกันก็ชอบคนละแบบกันนะครับ…” โจวจื่ออี้ยังคงสอบถามต่อ
ฟู่ซื่อถิงไม่เคยขอให้เขาทำเรื่องแปลก ๆ แบบนี้มาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รอวันหย่า คุณสามีร้าย