ตอนที่ 3131 สงครามปิดฉาก
มนุษย์ทองแดงขนาดยักษ์แหวกอากาศหายไปในพริบตาเดียว
ทุกคนมองไปยังทิศทางที่มนุษย์ทองแดงยักษ์ได้หายไป เวลานี้ต่างรู้สึกงงงัน พวกเขาต่างไม่รู้ว่ามนุษย์ทองแดงยักษ์นี่บ่งบอกถึงสิ่งใด และพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามนุษย์ทองแดงยักษ์นี้ดำรงอยู่ในฐานะอะไรกันแน่
แต่ว่า มีผู้คนจำนวนมากล้วนตระหนักได้ว่า การดำรงอยู่ของมนุษย์ทองแดงยักษ์นี้มีความหมายที่ไม่ธรรมดา
ลองจินตนาการดู นี่คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะออกมาจากทะเลปุ๊รู้ไห่ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ไม่ได้ตาย และหรือทำให้กลายเป็นมาร ในนั้นย่อมต้องมีสิ่งที่ผู้คนบนโลกไม่สามารถเข้าใจได้ และหรือความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของจินตนาการ
“เสียดาย” ในใจของพระอาจารย์จินกวงรู้สึกเสียใจยิ่ง ขณะมองดูมนุษย์ทองแดงที่แหวกอากาศจากไป กล่าวสำหรับเขาแล้ว ช่วงเวลาที่ได้สัมผัสกับมนุษย์ทองแดงยักษ์นั้นสั้นเกินไป เขาเพิ่งจะได้อะไรบางอย่าง มนุษย์ทองแดงยักษ์ก็แหวกอากาศจากไป
หากสามารถให้เวลาเขามากกว่านี้อีกสักหน่อยก็จะดีมาก บางทีเขาอาจสมารถสืบค้นถึงความลับที่ลึกซึ้งบางอย่างจากตัวของมนุษย์ทองแดงยักษ์นี้ และหรือสามารถศึกษาค้นคว้าถึงแหล่งกำเนิดเผ่าเซียนถงของพวกเขาได้
เสียดาย เวลาสั้นเกินไป เขาแค่เกิดแรงบันดาลใจและเข้าใจตระหนักได้เล็กน้อยเท่านั้นเอง มนุษย์ทองแดงยักษ์คนนี้ก็แหวกอากาศจากไปแล้ว
ในใจของพระอาจารย์จินกวงปรารถนาเพียงใดที่จะรั้งตัวมนุษย์ทองแดงนี้เอาไว้ แน่นอน ภายในใจของเขาก็เข้าใจดี อาศัยกำลังความสามารถของเขาไม่สามารถรั้งมนุษย์ทองแดงยักษ์คนนี้เอาไว้ได้อยู่แล้ว
มนุษย์ทองแดงยักษ์นี้สามารถลอยออกมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ ความแข็งแกร่งของมัน ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของมันเป็นสิ่งที่ห่างไกลเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้อยู่แล้ว
สุดท้าย พระอาจารย์จินกวงได้แต่ละสายตากลับมาอย่างอาลัยอาวรณ์ การที่มนุษย์ทองแดงยักษ์แหวกอากาศจากไปเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองก็จนด้วยเกล้า
“ขอบคุณพี่ท่าน” หลังจากที่พระอาจารย์จินกวงได้สติกลับมาแล้วจึงแสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ เพื่อแสดงความขอบคุณ
ถ้าหากไม่ใช่หลี่ชิเย่เขาก็ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมนุษย์ทองแดงยักษ์ แม้ว่าการได้สัมผัสกับมนุษย์ทองแดงยักษ์ในครั้งนี้จะประสบผลจำกัด แต่ว่า กล่าวสำหรับเขาแล้ว ยังคงเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งมาก
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย มองดูท้องฟ้าทีหนึ่งและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ได้เวลาแล้ว ข้าสมควรไปได้แล้ว”
“พี่ท่านจะไปจากแล้วรึ? ” เมื่อพระอาจารย์จินกวงได้ฟังคำนี้แล้วถึงกับหวั่นไหวในใจ
พระอาจารย์จินกวงสามารถฟังออกถึงความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูด หลี่ชิเย่ไม่เพียงต้องการไปจากที่นี่เท่านั้น เกรงว่าจะไปจากแดนสามเซียนแล้ว
“ยังคงรั้งอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง สุดแล้วแต่วาสนาเถิด” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย
พระอาจารย์จินกวงถึงกับใจหาย หลี่ชิเย่ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น การไปจากของหลี่ชิเย่ถือเป็นเรื่องดี จะอย่างไรเสียการที่มีผู้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้กดทับอยู่เหนือศีรษะของตน ไม่ว่าใครก็รู้สึกไม่สบาย
แต่ว่า กล่าวสำหรับพระอาจารย์จินกวงแล้ว การจากไปของหลี่ชิเย่ไม่เพียงเป็นความเสียหายของแดนสามเซียนอย่างหนึ่งเท่านั้น ยังเป็นความเสียหายอย่างหนึ่งของเขาด้วย
การจากไปของหลี่ชิเย่บ่งบอกว่าเขาจะสูญเสียผู้ที่จะเป็นแบบอย่างในการปีนสู่ยอดเขาสูง ผู้ที่จะเป็นเป้าหมายไป และสูญเสียคู่ต่อสู้ที่เป็นทั้งอาจารย์ที่ดีและสหายที่ให้ความช่วยเหลือยามทุกข์ยาก
ยิ่งไปกว่านั้นในทัศนะของพระอาจารย์จินกวงมองว่า เมื่อหลี่ชิเย่จากไปแล้ว มันหาใช่เป็นเรื่องดีสำหรับแดนสามเซียนทั้งหมดโดยรวม พระอาจารย์จินกวงเห็นว่า ขอเพียงหลี่ชิเย่ยังอยู่ในแดนสามเซียน ก็จะมีหลักประกันเพิ่มขึ้นชั้นหนึ่งให้กับแดนสามเซียน
“หวังว่าพี่ท่านยังคงสามารถรั้งอยู่อีกสักระยะหนึ่ง” พระอาจารย์จินกวงแสดงคารวะแบบจีน โค้งคำนับด้วยท่าทีเคารพนับถือ
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา เขาย่อมเข้าใจแนวคิดของพระอาจารย์จินกวง ส่ายหน้าเบาๆ ว่า “เรื่องแบบนี้ปล่อยไปตามวาสนาเถอะ แต่ว่า ตามความเห็นของข้าเกือบได้เวลาที่จะลงมาแล้วล่ะ” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองไปยังทะเลปุ๊ตู้ไห่
พระอาจารย์จินกวงก็มองตามไปยังทะเลปุ๊ตู้ไห่ ในใจของเขารู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี เขาเคยรั้งอยู่ริมทะเลปุ๊ตู้ไห่มาก่อน และเคยคำนวณดูแล้ว รู้ว่าจะต้องมีสิ่งที่ไม่เป็นมงคลลงมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่แน่ รายละเอียดว่าเป็นวันเวลาใดนั้น เขาเองก็ไม่กล้ายืนยัน
เวลานี้เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ พระอาจารย์จินกวงรู้ว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งใดเร็วๆ นี้แล้ว พระอาจารย์จินกวงไม่รู้ว่ามันจะมีผลลัพธ์เช่นใด
แม้ว่าเขาคือระดับปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่งแล้ว ทอดสายตาทั่วทั้งแดนสามเซียนก็นับว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว แต่ว่า การเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่กำลังจะมาเยือนนั้น ภายในใจของพระอาจารย์จินกวงไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย เนื่องนากเขาไม่รู้ว่าที่กำลังจะเผชิญนั้นคืออะไร บางที อาจเป็นสิ่งที่ทั่วทั้งแดนสามเซียนไม่ต้องการเผชิญมากที่สุด
“เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วยัง? ” ขณะที่พระอาจารย์จินกวงมองดูทะเลปุ๊ตู้ไห่และนิ่งเงียบอยู่นานไม่พูดไม่จาอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ
พระอาจารย์จินกวงจ้องมองดูทะเลปุ๊ตู้ไห่ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ! นี่คือหน้าที่ของข้า”
“ผู้คนทั่วหล้าล้วนไม่สามารถผลักภาระนี้ให้ผู้อื่น” หลี่ชิเย่มองดูทะเลปุ๊ตู้ไห่แล้วกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
พระอาจารย์จินกวงจ้องมองดูหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีหนักแน่น เคารพนับถือ และกล่าวว่า “ขอพี่ท่านมีจิตเมตตากรุณา ช่วยเหลือพวกข้าอีกแรง”
เวลานี้ พระอาจารย์จินกวงได้ขอความช่วยเหลือต่อหลี่ชิเย่ เขารู้ว่าหากหลี่ชิเย่ลงมือ กล่าวสำหรับแดนสามเซียนทั้งหมดแล้ว มันจะมีความหวังเพิ่มมากขึ้น
“ข้าเป็นเพียงแขกที่เดินทางผ่านมาเท่านั้น โลกนี้ยังคงต้องอาศัยพวกเจ้าเอง” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นเบาๆ
พระอาจารย์จินกวงจิตหดหู่นิดหนึ่ง เขาถึงกับทอดถอนใจเบาๆ ขึ้นมา เขาสามารถเข้าใจได้ เหมือนที่หลี่ชิเย่พูดไว้อย่างนั้น เขาเป็นเพียงแขกคนหนึ่งที่เดินทางผ่านมาเท่านั้น
แต่ทว่า ช่วงนี้ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายเป็นงานเป็นการสักหน่อย” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “ในช่วงนี้หากมาจริงๆ ข้าก็จะได้อุ่นกายสักหน่อย หลังจากอุ่นกายเสร็จแล้วค่อยออกเดินทางจะได้มีแรงมากขึ้น”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เท่ากับเป็นการตอบตกลงแล้ว พระอาจารย์จินกวงถึงกับดีใจ โค้งคำนับ และแสดงคารวะสูงสุดด้วยท่าทีเคารพนับถือ ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...