ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 3126

ตอนที่ 3126 สิบสามลัคนา

ไม่…ในเวลานี้ เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นลงสลับไม่ขาดสาย ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนนับไม่ถ้วนต่างร้องเสียงแหลมขึ้นมา ท่ามกลางเสียงร้องที่น่าเวทนาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ท่ามกลางเสียงร้องน่าเวทนาของพวกเขาเปี่ยมด้วยความไม่เต็มใจ

หากจะกล่าวว่าถูกผู้อื่นอาศัยสุดยอดกระบวนท่าบดขยี้จนกลายเป็นกาก และหรือถูกของวิเศษที่ปราศจากผู้ต่อกรยิงถล่มเสียชีวิตไป ชั่วดีอย่างไรพวกเขาก็ยินยอม เพราะอย่างน้อยที่สุดนี่คือพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรที่สุด

แต่ว่า เวลานี้มองดูตัวเองที่ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าทีละน้อยๆ โดยที่ตนเองแม้จะต่อต้านเพียงน้อยนิดก็ทำไม่ได้ เหมือนเป็นเนื้อที่อยู่บนเขียงสุดแล้วแต่ผู้อื่นจะเชือดเฉือนตามอำเภอใจ ความรู้สึกเช่นนี้มันช่างน่าสิ้นหวังอะไรอย่างนั้น ช่างไร้เรี่ยวแรงอะไรอย่างนั้น

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นคงความอมตะตลอดกาลที่ปราศจากผู้เทียบเทียมปานใดก็ตาม ล้วนหนีไม่พ้นการเผาไหม้ตนเอง พวกเขาล้วนถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าทีละน้อยๆ

เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้นับว่าอลังการเหลือเกิน นับว่าน่าสยองขวัญเกินไป ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนนับไม่ถ้วนต่างลุกไหม้ทั่วทั้งตัว และเผาตนเองจนกลายเป็นเถ้าในที่สุด

อีกทั้งในระหว่างขั้นตอนนี้ไม่มีใครคนใดลงมือ เป็นการลุกไหม้ขึ้นมาเองอย่างนี้แหละ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ตายภายใต้เคล็ดวิชาลับของพระอาจารย์จินกวง แต่เป็นการตายภายใต้การกระหายอยากของตนเอง

คำพูดลักษณะเช่นนี้พูดไปแล้วก็ให้รู้สึกประหลาดอย่างยิ่ง ทำให้ผู้ที่ได้ยินไม่สามารถเชื่อได้ แต่ว่า ความจริงเป็นเช่นนี้ นี่เป็นการเผาตัวเองจนตาย ความจริงเช่นนี้ดูจะเหลวไหลยิ่งนัก และแปลกประหลาดอย่างยิ่ง หากไม่ได้ประสบด้วยตนเองก็จะไม่สามารถเชื่อในสิ่งนี้ได้

แต่ ความจริงกลับเป็นเช่นนี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ว่าจะมีความแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ล้วนได้มีประสบการณ์ที่น่าสยองขวัญเช่นนี้ ต่างผ่านประสบการณ์ความรู้สึกที่ตนถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าด้วยตนเอง

ในเวลานี้ ฟ้าดินกลับกลายเป็นเงียบสงัดอย่างยิ่ง เหมือนว่าผู้คนบนโลกล้วนถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าไปแล้วจนหมดสิ้น โลกทั้งโลกตกอยู่ในความเงียบสงัดที่น่ากลัว

ไม่ทราบว่าเวลาแห่งความเงียบสงัดเช่นนี้ผ่านไปนานเท่าไร หลังจากที่ผ่านไปนานมาก เหมือนได้ยินเสียงฟ่าววดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ดูเหมือนทุกคนที่ถูกเผาไหม้จนตายล้วนพลิกตัวทีหนึ่ง

ความรู้สึกลักษณะเช่นนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก เมื่อครู่นี้เองทุกคนล้วนถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าแล้ว แต่ว่า นาทีนี้ทุกคนก็รู้สึกว่าตนเองนั้นเพียงแค่นอนหลับที่ลึกมากๆ มาตื่นหนึ่งเท่านั้นเอง และฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมีการพลิกตัว

“ข้า ข้า ข้า ข้าเป็นอะไรไปแล้วล่ะ? ” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ผู้คนจำนวนมากล้วนตื่นขึ้นและลืมตามองไปรอบๆ พบว่าตนเองยังคงยืนอยู่ที่เดิม ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่ได้บุบสลายแม้แต่น้อย

ทุกสิ่งที่พานพบประสบมาเมื่อครู่เป็นเพียงความฝันเท่านั้นเอง เหมือนว่าเป็นการฝันไปครั้งหนึ่งเท่านั้น

“ข้า ข้า ข้ายังมีชีวิตอยู่ ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ” มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นยิ่งเมื่อได้สติกลับมา หลังจากผ่านประสบการณ์ความตายด้วยความสิ้นหวังมาแล้ว

กล่าวสำหรับใครก็ตาม ตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ล้วนเป็นเรื่องที่ยากและมีค่ายิ่ง ไม่มีเรื่องอะไรคู่ควรให้ดีใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ในเวลานี้ ทุกคนจึงได้พบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกเผาจนตาย พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่ได้ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้า

แต่ทว่า เมื่อครู่นี้ทุกคนต่างมองเห็นตนเองถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าชัดๆ ต่างประสบมาด้วยตนเอง เพราะอะไรในเวลานี้พวกเขาจึงยังคงมีชีวิตอยู่ได้เล่า?

ถ้าหากเป็นความฝัน มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ทุกคนล้วนอยู่ในความฝัน ประสบการณ์เช่นนี้นับว่าแปลกประหลาดเกินไปเหลือเกิน ชั่วร้ายเกินไปแล้ว

“เป็นเพราะจิตเมตตาของพระอาจารย์จินกวง” ระดับคงความอมตะตลอดกาลผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “เขาไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พวกเรา พวกเราที่อยุ่ภายใต้พลังเผาไหม้ของเขาบังเกิดเป็นมโนภาพขึ้นมา”

ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำพุดเช่นนี้ พูดแบบนี้แสดงว่าหากพระอาจารย์จินกวงต้องการเผาพวกเขาก็แค่อาศัยความคิดแวบหนึ่งเท่านั้น แค่ความคิดแวบหนึ่งก็สามารถเผาพวกเขาทั้งหมดจนกลายเป็นเถ้า อีกทั้งยังไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นระดับคงความอมตะสูงสุด หรือจะเป็นราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้เทียบเทียมล้วนหนีเคราะห์กรรมไปไม่พ้น ล้วนแล้วแต่ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าในพริบตาเดียว และการดิ้นรนขัดขืนใดๆ ล้วนไร้ประโยชน์

ทุกคนต่างตกใจจนสั่นเทิ้มทีหนึ่งเมื่อนึกถึงตรงนี้ ความเป็นความตายของตนขึ้นอยู่กับความคิดแวบเดียวของพระอาจารย์จินกวงเท่านั้น

ในเวลานี้ทุกคนต่างแหงนหน้าขึ้นมองดู พระอาจารย์จินกวงได้หายไปแล้ว คงเหลือไว้แต่เพียงแสงสว่างอันน้อยนิดเท่านั้น เสมือนดั่งแสงจากเทียนไขขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองที่โอนเอนไปมาอยู่ตรงนั้น”

‘แสงสุวรรณเรืองรอง’ ในเวลานี้ ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่กำลังพูดเสียงแผ่วเบาสำหรับชื่อนี้ พวกเขาจะไม่มีวันลืมเลือนสำหรับชื่อนี้

ในขณะนี้ ในทัศนะของทุกๆ คนมองว่า ‘แสงสุวรรณเรืองรอง’ ชื่อที่ฟังดูแล้วธรรมดายิ่งนัก เทียบกับชื่อที่พาลและชื่อที่มากด้วยกำลังอำนาจแล้วยังดูสยองขวัญยิ่งกว่า!

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ในเวลานี้ เสียงตูมตามทั่วฟ้าดินได้ทำให้ทุกคนตระหนกตกใจ สั่นคลอนไปทั่วฟ้าดิน

“เป็นคนโหดอันดับหนึ่ง ตัวเขากำลังลุกไหม้อยู่! ” ทุกคนมองออกไป มองเห็นประกายวูบวาบท่ามกลางท้องฟ้าด้านทิศเหนือ พลังอำนาจที่ไม่มีสิ้นสุดแผ่กระจายมาจากตัวของคนโหดอันดับหนึ่งนั่นเอง

เวลานี้ มองเห็นหลี่ชิเย่ลุกไหม้ไปทั้งตัว ตัวของเขาถูกเผาไหม้เป็นเถ้าไปทีละเล็กทีละน้อย ขณะนี้ ทุกคนล้วนมองเห็นได้ว่า หลี่ชิเย่กำลังสำแดงสุดยอดเคล็ดวิชาอยู่ แต่ว่า ไม่ว่าเขาจะอาศัยเคล็ดวิชาใดไปควบคุม ร่างกายของเขายังคงเผาไหม้อยู่ต่อไป

“นี่มันน่าสยองขวัญมากเหลือเกิน” ทุกคนต่างร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นผู้ที่แข็งแกร่งเช่นหลี่ชิเย่ยังคงยับยั้งเชื้อไฟบนตัวของตน ได้แต่มองตาปริบๆ ปล่อยให้ร่างกายของตนถูกเผาไหม้ไปทีละน้อยๆ

ลองนึกภาพดู แม้แต่คนโหดอันดับหนึ่งยังหนีไม่รอด หากตนเองถูกเผาจนกลายเป็นเถ้า ถือว่าตายได้คุ้มค่าแล้ว

“ขอเพียงในใจมีความคาดหวัง ในใจมีความปรารถนาก็ต้องถูกเผาไหม้” ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา เมื่อมองเห็นภพนี้แล้ว

“เป็นไปได้อย่างไร เผาแบบนี้ก็ไม่ตาย? ” แม้แต่บรรดาเหล่าบรรพบุรุษแต่ละคนต่างลืมตากว้างมาก ขณะที่มองเห็นลัคนาแต่ละดวงที่บินออกมา

เนื่องจากพวกเขาต่างประสบด้วยตนเองมาแล้ว ไม่สามารถทำลาย ‘แสงสุวรรณเรืองรอง’ ของพระอาจารย์จินกวงได้อยู่แล้ว แต่ว่า เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งกลับมีลัคนาที่บินออกมา

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวเสียงหนึ่ง ลัคนาเรียงราย สยบเหล่าชั้นฟ้า เคล็ดวิชาลับทุกอย่าง เคล็ดวิชาต้องห้ามทุกอย่าง ล้วนถูกสยบและผนึกปิดเอาไว้ในพริบตาเดียว

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ นี่ นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร! ” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ร้องเสียงแหลมขึ้นมาด้วยความหวาดผวา เมื่อมองเห็นลัคนาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

“สิบ สิบ สิบสามลัคนา นี่ นี่ นี่มันเป็นไปได้รึ? ” ทุกคนต่างมองดูด้วยความงงงัน เมื่อเห็นสิบสามลัคนาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เข้าใจว่าตนเองนั้นตาลาย เข้าใจว่าตนเองนั้นมองผิดไป

“เป็นสิบสามลัคนาจริงๆ ! ” ผู้คนจำนวนมากได้ทำการนับครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้าย ยืนยันว่าไม่ผิดแน่ จึงยืนยันได้อย่างมั่นใจว่าลัคนาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้านั้นคือสิบสามลัคนา

“สิบสามลัคนานี่มันดำรงอยู่จริงๆ รึ? ” นาทีนี้แม้แต่ระดับคงความอมตะตลอดกาลชั้นสูงสุดต่างก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์จริงๆ

วันนี้เพิ่งจะประสบกับความน่าสยองขวัญของ ‘แสงสุวรรณเรืองรอง’ มาหมาดๆ เวลานี้ก็ได้เห็นความมหัศจรรย์เช่นนี้ของสิบสามลัคนา ทำเอาทุกคนตกใจจนเหม่อลอย

ผู้คนบนโลกนี้ต่างรู้ว่าลัคนานั้นมีเพียงสิบสองดวงเท่านั้น ต่อให้ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งมากกว่านี้ ผู้ที่เป็นประเภทปราศจากผู้ต่อกร สูงสุดของพวกเขาก็คือสิบสองลัคนา

นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน เคยปรากฏปฐมบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งมาแล้วจำนวนเท่าไร เกาหยาง ปราชญ์ไกลกันดาร ปฐมบรรพบุรุษห้าธาตุเป็นต้น พวกเขาล้วนแล้วแต่ปราดเปรื่องน่าทึ่งปราศจากผู้เทียบเทียม แต่ว่า สูงสุดของพวกเขาก็คือสิบสองลัคนา

แต่ว่า เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งดันมีสิบสามลัคนาซะงั้น นี่มันคือความมหัศจรรย์ที่เป็นประวัติการณ์

ความรู้ที่ทุกคนทราบอยู่แล้วก็คือ สิบสองลัคนาคือที่สุด ต่อให้เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมกว่านี้ ปราดเปรื่องน่าทึ่งกว่านี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายความรู้เช่นนี้ไปได้ ทำลายขีดสูงสุดนี้ไปได้

แต่ว่าคนโหดอันดับหนึ่งกลับมีสิบสามลัคนาในครอบครอง ปาฏิหาริย์เช่นนี้มันเหลือเชื่อจริงๆ มันเหมือนเป็นเล่าถึงความฝันอย่างนั้น

แต่ว่า นี่หาใช่ความฝัน มันเป็นความจริง สิบสามลัคนาที่จริงแท้อย่างยิ่งได้ลอยอยู่บนท้องฟ้านั่นเอง!

………………………………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล