บทที่ 111 ศึกสุดท้าย (8)
ได้กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ครั้งแรกในรอบร้อยปีทำให้บรรพชนมนุษย์ตื่นเต้นนัก
ทว่าพลังที่สะสมอยู่ในเลือดหยดหนึ่งมีจำกัด ยิ่งเมื่อมันมาจากเผ่าจิตวิญญาณทมิฬธรรมดา ๆ ตนหนึ่ง ไม่นานมันก็สลายไป
บรรพชนมนุษย์ไม่ทันมีเวลาทำอะไร มันก็หายไปเองแล้ว
กระนั้นบรรพชนมนุษย์ก็ค้นพบสิ่งที่สำคัญไม่น้อย เขาได้รู้ว่าเผ่าจิตวิญญาณทมิฬเป็นชนเผ่าที่เหมาะกับการเปลี่ยนร่างเนื้อให้กลายเป็นร่างวิญญาณมากที่สุด อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับพลังจิตแต่กำเนิด ร่างกายอันเป็นเอกลักษณ์และดวงใจที่หลั่งไหลทำให้พวกเขาได้เปรียบในจุดนี้
หลังจากมั่นใจแล้ว บรรพชนมนุษย์จึงตัดสินใจช่วยเผ่าจิตวิญญาณทมิฬเปลี่ยนร่างเป็นร่างจิต เพื่อที่เขาจะสามารถได้เลือดสดมาได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขาจึงเริ่มออกตามหาวิธีช่วยให้เผ่าจิตวิญญาณทมิฬบ่มเพาะพลัง และหาทางทำให้วิธีการสกัดจิตนั้นง่ายขึ้นด้วย
เป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งทีเดียวที่บรรพชนมนุษย์ได้กลายเป็นบรรพชนเผ่าจิตวิญญาณทมิฬ
เผ่าจิตวิญญาณทมิฬตนแรกนามเทียนซิงซึ่งเป็นคนมอบเลือดหยดแรกให้ จึงได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเผ่าจิตวิญญาณทมิฬตนแรก
ด้วยความช่วยเหลือของบรรพชนมนุษย์และการนำทางของเทียนซิง เผ่าจิตวิญญาณทมิฬจึงพัฒนาพลังจิตขึ้นอย่างรวดเร็ว และละทิ้งกายเนื้อของพวกเขาไป
กายเนื้อของพวกเขาเดิมทีทั้งอ่อนแอและเปราะบาง พลังจิตนั้นสูงส่งไม่ธรรมดา เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการเปลี่ยนวัตถุที่จับต้องได้ให้กลายเป็นจิต ยิ่งทำให้พวกเขากลายเป็นเผ่าที่สามารถเติมเต็มความต้องการของบรรพชนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ช่วงเวลาเหล่านั้นคือวันที่เผ่าจิตวิญญาณทมิฬมีความสุขที่สุดเช่นกัน การได้รับความช่วยเหลือจากบรรพชนมนุษย์ทำให้พวกเขาสามารถตั้งอาณาจักรขึ้นมาได้
เผ่าจิตวิญญาณทมิฬยังคงพัฒนาวิธีสกัดจิตต่อไปจนทำได้ง่ายขึ้น ใกล้ถึงจิตบริสุทธิ์เข้าไปทุกที บรรพชนมนุษย์จึงมีโอกาสมากขึ้นเช่นกัน
วันหนึ่ง เขาก็สะสมเลือดได้มากพอจะลงมาอีกครั้ง
ครั้งนี้เขารั้งอยู่ได้สามวันเต็ม
เขากำลังเดินอยู่ในแดนมนุษย์จริง ๆ
แต่ประสบการณ์ในครั้งนี้ก็ไม่น่าอภิรมย์มากเท่าไหร่
ชีวิตมนุษย์น่าสมเพชเกินทน
มนุษย์ทุกคนต้องต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อหาทางเอาชีวิตรอด
และบรรพชนมนุษย์เป็นคนที่ย่ำแย่ที่สุด
เพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้นานมากขึ้น บรรพชนมนุษย์จึงเลือกลงมาเป็นชายชราร่างกายกะปลกกะเปลี้ย แม้ว่าร่างกายนี้จะอ่อนแอมาก แต่ก็ใช้พลังงานน้อยกว่า ดังนั้นเชิงทฤษฎีแล้วก็ควรจะรั้งอยู่ได้นานกว่า
ทว่าไม่นานบรรพชนมนุษย์ก็พบว่าเขาคิดผิด
เพราะสถานะของเขาอยู่ในระดับต่ำที่สุดในสังคมมนุษย์
หนทางเดียวที่จะทำให้สามารถอยู่รอดได้นานสามวันคือการขอทาน
เขากลายเป็นขอทาน!
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ในสมัยก่อนนั้นไม่ได้มีอายุขัยยืนยาวถึงอายุสามสิบปีด้วยซ้ำ เนื่องจากสภาพการใช้ชีวิตที่ยากลำเค็ญ ดังนั้นในสังคมจึงไม่เหลือพื้นที่ให้กับขอทาน
ดังนั้นในทางทฤษฎีแล้ว บรรพชนมนุษย์อยู่ไม่รอดพ้นถึงวันที่สามด้วยซ้ำ
เขาตายในวันที่สอง
การลงมาครั้งแรกของเขาจบลงด้วยความตายอันน่าสลดใจ ยังไม่ทันทำสิ่งที่มีความสำคัญอย่างแท้จริงได้เลย
นับเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่สำหรับบรรพชนมนุษย์ทีเดียว
แม้จะย่ำแย่มาก แต่มันก็เป็นความจริงมาก
ทว่าอย่างน้อยบทเรียนครั้งนี้ก็ได้แสดงให้บรรพชนมนุษย์รู้ว่าเขาคิดไปถูกทางแล้ว โดยหนทางนี้สามารถหลอกเจ้าแห่งแดนฝันได้สำเร็จ
ดังนั้นการลงมาครั้งที่สองจึงรั้งอยู่ได้นานกว่ามาก
แทนที่จะทำให้สามารถคงอยู่ได้นานที่สุด เขากลับใช้ร่างมนุษย์ที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ไม่อดตายไปโดยง่าย
กระนั้นเขาก็ไม่รู้จักใคร สุดท้ายจึงถูกตัดขาดออกจากสังคมไป
เขาพบว่านอกจากการเป็นขอทานแล้ว ก็ไม่มีตัวตนไหนที่เหมาะสมกับเขาอีก
นับแต่นั้นมา เขาก็ร่อนเร่ไปทั่วแดนมนุษย์ในคราบพระที่ใฝ่หาความเห็นแจ้ง
แต่การเป็นพระก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
เพราะบรรพชนมนุษย์นั้นไร้หนทางแห่งการบ่มเพาะพลังใด
เผ่ามนุษย์ในปัจจุบันสืบเชื้อสายมาจากเทพพิการ ไม่มีใครสามารถบ่มเพาะพลังอมตะได้
บรรพชนมนุษย์ไม่รู้เลยว่าเขาจะรื้อฟื้นการบ่มเพาะพลังนั้นกลับมาอย่างไร
ช่วงเริ่มแรกเขาทำได้เพียงช่วยเหลือเผ่ามนุษย์เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
เขาไม่สามารถเล่าอดีตของเผ่ามนุษย์ให้มนุษย์ทั้งหลายฟังได้ เช่นนั้นจะเป็นการเสี่ยงเกินไป ถ้าหากเอ่ยชื่อที่อ่อนไหวนั่นออกมา เจ้าแห่งแดนฝันก็สามารถใช้แดนฝันล้วงความทรงจำเขาอย่างง่ายดาย และอาจล่วงรู้เรื่องที่เขาทรยศเผ่าเทพได้
ดังนั้นเขาจึงได้แต่ให้ความช่วยเหลือให้มนุษย์จากเงามืดเท่านั้น
ในตอนนี้ เผ่ามนุษย์มีความสามารถในการควบคุมพลังต้นกำเนิดอยู่ในระดับเบื้องต้น ขั้นสุดยังอยู่ที่ด่านก่อเกิดลมปราณเท่านั้น
แต่ด้วยความช่วยเหลือของบรรพชนมนุษย์ เพดานขั้นสูงสุดจึงยกระดับขึ้น มันเป็นการพัฒนาที่ค่อนข้างช้าและยากลำบากไม่น้อย แต่บรรพชนมนุษย์เองก็เริ่มเติบโตเมื่อเวลาผ่านไปด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อบรรพชนมนุษย์ช่วยเหลือมนุษย์ไปเรื่อย เจ้าแห่งแดนฝันก็ค่อย ๆ จับทางเขาได้เช่นกัน
ทว่าเผ่ามนุษย์กลับยังห่างไกลกับสิ่งที่บรรพชนมนุษย์หวังให้เป็นมาก ทำให้เขาวิตกมากทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)