ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 123

บทที่ 123 โจมตีกลางดึก

เมื่อตกดึก ความมืดมิดก็ได้เข้าปกคลุมพื้นโลกให้ดำสนิท

ค่ำคืนนี้มืดมิดมาก บนท้องฟ้าไม่มีดวงดาวและดวงจันทร์ให้เห็น มีเพียงสีดำไม่มีที่สิ้นสุดราวกับว่าแสงทั้งหมดถูกสัตว์อสูรกลืนไป

แม้ว่ามันจะมืดจนเขามองไม่เห็นอะไร แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับซูเฉิน

ซูเฉินยังคงเดินไปตามเส้นทางบนภูเขา ไม่ต้องพึ่งตา อาศัยเพียงแค่เสียงลมพัดในป่า ราวกับว่าเขาได้กลับไปในวันที่เขาสูญเสียการมองเห็นไปอีกครั้ง

ความมืดที่มืดมิดนี้ไม่ได้ขัดขวางซูเฉินเลย แต่มันกลายเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาแทน ปกปิดร่างกายและซ่อนการกระทำของเขา ทำให้เด็กหนุ่มสามารถผ่านพื้นที่ที่อันตรายและแฝงตัวผ่านไปได้อย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตามความมืดยังคงทำให้เขาสูญเสียสัมผัสด้านทิศทางและไม่สามารถกำหนดตำแหน่งของตนได้ ซูเฉินอดไม่ได้ที่จะนำแผนที่ออกมาตรวจสอบซ้ำ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้เลี้ยวไปผิดที่ผิดทาง

หลังจากเดินไปสักพักซูเฉินก็หยุดลงที่เนินเขาเล็ก ๆ

เด็กหนุ่มดึงแผนที่ออกมาและตั้งใจจะยืนยันตำแหน่งของตัวเองอีกครั้ง

ทันทีที่ตะเกียงผลึกแก้วสว่างขึ้น ทันใดนั้นซูเฉินก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัวอย่างผิดปกติราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัย

ซูเฉินหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณอย่างรวดเร็ว

ฟิ้ว!

แสงเย็นเฉียบตัดผ่านความมืดพุ่งผ่านใบหน้าของซูเฉินไป เขาไม่มีเวลาพอที่จะดูว่าใครกำลังซุ่มโจมตีเขา มือซ้ายของซูเฉินฟาดดาบอัสนีบาตรออกไปโดยไม่ได้หันกลับไป และสกัดกั้นการโจมตีจากใบมีดที่ตามมา จากนั้นเขาก็โยนตะเกียงผลึกแก้วในมือออกไป แล้วใช้โอกาสท่ามกลางความวุ่นวายนี้หันตัวกลับมา

ตะเกียงผลึกแก้วแตกเป็นเสี่ยง ๆ ภายใต้แสงสว่างชั่ววิสุดท้าย ซูเฉินมองเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นมือสังหารสวมชุดสีดำทั้งตัว แม้แต่ใบมีดในมือของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยสสารสีดำบางอย่างที่ไม่สะท้อนแสงเลยแม้แต่น้อย การโจมตีที่ร้ายแรงแทงเข้าอีกครั้งที่บริเวณหน้าท้องของซูเฉินผู้ซึ่งกำลังถอยหนีอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันกับที่ซูเฉินถอยกลับออกไปและสับแขนลงไปที่ข้อมือของมือสังหาร มือสังหารดึงมือกลับไปอย่างรวดเร็ว และปาแสงเย็นเฉียบออกมาจากทางมือซ้ายของเขา ซูเฉินเอียงศีรษะหลบพร้อมเตะออกไปทางอีกฝ่ายในจังหวะเดียวกัน อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามก็พลันพลิกมีดของตนกลับ ซูเฉินบังคับให้ขาของตนถอยมาและทำให้การโจมตีรอบนี้ของทั้ง 2 ต่างก็ไร้ผล

ก่อนที่มือสังหารจะฉวยโอกาสนี้รุกแทงออกมาด้านหน้าอีกครั้ง การแทงแต่ละครั้งของอีกฝ่ายล้วนพุ่งไปที่จุดสำคัญบนร่างจนไม่มีเวลาพอให้หลบหลีก ในช่วงสถานการณ์วิกฤตินี้มือขวาของซูเฉินได้ใช้ออกดาบอัสนีบาต แทงตรงไปยังคอของคู่ต่อสู้

แลกบาดแผล!

มือสังหารเอนหลังหลบจากนั้นก็ใช้มีดในมือขวาสับลงไปที่ข้อมือของซูเฉิน ซูเฉินดึงมือกลับ ทั้ง 2 ถอยออกทันทีที่ปะทะกัน ไม่มีใครได้เปรียบใคร ร่องรอยของความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของทั้ง 2 อย่างพร้อมเพรียงกัน

ทั้งคู่ประหลาดใจกับปฏิกิริยาและความสามารถในการปรับตัวของฝ่ายตรงข้าม

ราวกับสายฟ้าฟาด พวกเขาแลกเปลี่ยนการโจมตีกันไปมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครได้เปรียบ

ปัง!

แสงสว่างหายไป

แสงจากการระเบิดของตะเกียงผลึกแก้วได้หายไปแล้ว ทุกอย่างกลับสู่ความมืด

อย่างไรก็ตามการต่อสู้ไม่ได้หยุดลงเพราะความมืดที่กลับมา

มือสังหารแทงออกไปข้างหน้าอีกครั้งโดยไม่ได้รับผลกระทบจากความมืด และแม้ซูเฉินจะไม่สามารถมองเห็นทิศทางของดาบได้ หากแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เด็กหนุ่มทำการเบี่ยงไหล่หลบ ปล่อยให้ใบมีดเฉียดผ่านไหล่ไปอย่างง่ายดาย ในเวลาเดียวกันเขาก็โต้กลับด้วยการคว้าใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ และเหยียบลงไปที่กระดูกสะบ้าหัวเข่าของคู่ต่อสู้

มือสังหารเองก็มองไม่เห็นการโจมตีของซูเฉินเช่นกัน ทว่าเขาเองก็สามารถเอียงศีรษะและกระโจนถอยหลังหลบ คนผู้นี้หลบหมัดได้อย่างแม่นยำและเตะออกมาสั้น ๆ ก่อนจะเหวี่ยงมีดออกไปอีกครั้ง ……

ทั้ง 2 ยังคงแลกการโจมตีกันอย่างต่อเนื่องในความมืด พวกเขารวดเร็วอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้ใช้ทักษะต้นกำเนิดใด ๆ แต่มันกลับอันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้ครั้งก่อน ๆ ที่ซูเฉินเคยเจอมาเสียอีก ตราบใดที่ปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขาช้าลงแม้แต่นิดเดียว พวกเขาก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที

ความจริงที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือทั้ง 2 คนนั้นกำลังต่อสู้ในความมืดสนิท พวกเขาแลกการโจมตีกันไปนับ 10 รอบในสภาพแวดล้อมที่ปกคลุมด้วยความมืดมิด จนกระทั่งเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องขึ้น ดาบอัสนีบาตรของซูเฉินฟาดลงไปที่แขนของมือสังหาร มีดสั้นของมือสังหารเองก็เฉือนผ่านหน้าอกของซูเฉิน ทั้งคู่ได้รับบาดแผลและผละจากกันในจังหวะเดียวกัน

ในที่สุดการต่อสู้อันดุเดือดก็หยุดลงชั่วคราว แต่ความอันตรายนั้นไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

ทั้ง 2 แฝงตัวเข้าไปในความมืดพร้อมกันอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดและไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจให้ได้ยิน

ในคืนที่เงียบงันเช่นนี้ ใครก็ตามที่พูดก่อนก็เท่ากับเปิดเผยที่อยู่ของตน

ซูเฉินก้าวอย่างระมัดระวังและฟังสายลมอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันเขาก็ดึงมีดเหล็กออกมาจากแหวนของเขา ในที่สุดซูเฉินก็มีเวลาหยิบอาวุธออกมา ในทำนองเดียวกันมือสังหารที่อยู่ในเงามืดก็เดินไปทีละก้าวอย่างระมัดระวัง พลางใช้วิธีการของตนเองเพื่อระบุตำแหน่งของซูเฉิน

พวกเขาค่อย ๆ เดินวนไปมาในความมืด ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเดินไปรอบ ๆ แบบสุ่ม แต่ด้วยความบังเอิญที่น่าทึ่ง ทั้ง 2 จึงเดินเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นทั้งคู่ก็กระโดดขึ้นไปในอากาศพร้อม ๆ กัน แสงสะท้อนมีดสองเส้น หนึ่งเย็นเยียบหนึ่งมืดสนิท พุ่งตรงเข้าหาคู่ต่อสู้ของตน พวกมันปะทะกันเข้าอย่างจังและก่อประกายไฟขึ้น

ปรากฏว่าพวกเขา 2 คนได้หาอีกฝ่ายพบมาสักพักแล้ว

มือสังหารส่งเสียงร้องโหยหวนและตวัดมีดออกไปในแนวทแยง คลื่นความมืดที่น่ากลัวและมืดมนบินตรงออกมาจากใบมีด

ในที่สุดมือพวกเขาก็ใช้ออกทักษะต้นกำเนิดของตน

ตูม!

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้น

“อา!” มือสังหารกรีดร้องขณะที่ถูกคลื่นกระแทกกระเด็นออกไป

จากนั้นลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้าไปหาเขา

หลังจากการปะทะกันในระยะประชิดอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่แต่ละคนต้องแสดงความสามารถของตนออกมา

การตอบสนองของมือสังหารนั้นรวดเร็วอย่างมาก เขาสามารถควบคุมร่างกายของเขาได้แม้ในขณะที่ยังอยู่กลางอากาศ ร่างกายของเขาบิดเบี้ยวเหมือนงู และหลบลูกไฟระเบิดไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาต่อมาหนวดหลายสิบอันก็พุ่งเข้าหามือสังหารชุดดำ คนชุดดำตวัดมีดสีดำซ้ำแล้วซ้ำเล่า คลื่นมีดคมกริบและมืดมนปรากฏขึ้นและตัดหนวดอากาศทิ้งได้อย่างง่ายดาย แต่ในวินาทีต่อมาจู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดศีรษะ เมื่อรู้ว่าสถานการณ์ของตนเริ่มไม่ปกติ ร่างกายเขาก็แข็งทื่อและร่วงหล่นจากอากาศ เขาถูกโจมตีโดยนัยน์ตาวิญญาณ

ซูเฉินเปิดใช้งานก้าวย่างหมอกอสรพิษพุ่งตรงไปข้างหน้า ก่อนจะเหวี่ยงมีดเพื่อสร้างกระแสปราณที่วุ่นวายขึ้น มันส่งเสียงคำรามราวกับเสียงฟ้าร้องเฉือนเข้าหาฝ่ายตรงข้าม

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการโจมตีธรรมดา แต่มีดนี้กลับควบแน่นไปด้วยพลังของวิชากายาเวหาเวียนและเสริมด้วยความสามารถของดาบอัสนีบาตเข้าไป ดังนั้นพลังของมันจึงไม่สามารถประเมินได้ หากมันระเบิดลงมามันก็เกินพอที่จะเชือดคนชุดดำออกเป็นสองส่วน

ทันใดนั้นคนชุดดำก็ส่งเสียงร้องออกมา ก่อนที่ร่างของเขาจะจางหายไป ราวกับว่าเขาหลุดเข้าไปในความมืดอันที่ไม่มีที่สิ้นสุด

มีดของซูเฉินกวาดผ่านไป แต่เด็กหนุ่มกลับฟาดไม่โดนอะไรเลย ราวกับว่าตัดผ่านอากาศว่างเปล่าไป

คนที่สวมชุดดำได้หายตัวไปอย่างสมบูรณ์ และซ่อนตัวอยู่ในความมืด

“พยายามจะหนี?” ซูเฉินเอียงศีรษะและตั้งใจฟังครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดข้อมือออกไป ไหเหล้าอีกไหลอยออกไปและตกลงในความมืดและความว่างเปล่า

เสียงระเบิดที่รุนแรงดังขึ้นอีกครั้งและเปลวไฟก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากนั้นก็มีร่างสีดำปรากฏขึ้นมา

“อ้าก!” นี่เป็นครั้งแรกในระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ที่มือสังหารชุดดำส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เขาพยายามจะบินหนีทันทีที่ลงถึงพื้น

ซูเฉินส่งลูกไฟอีกลูกพุ่งเข้าหาเขา “ทิ้งคะแนนของเจ้าเอาไว้ก่อนจะไปซะ!”

เงาดำหลบอยู่ในอากาศ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้โอกาสคู่ต่อสู้เลย

แต่สิ่งที่รอเขาอยู่คือหนวดอากาศที่ปรากฏออกมาอยู่รอบ ๆ

หลังจากที่มือสังหารตัดหนวดอากาศทิ้งหมดแล้ว เขาได้รับการต้อนรับด้วยใบไม้จำนวนมากที่ถูกเสริมด้วยฝ่ามือดอกไม้บินที่ไม่ได้อ่อนแอเลย เวลานั้นนัยน์ตาวิญญาณของซูเฉินก็เกือบที่จะพร้อมใช้งานอีกครั้ง

เมื่อพูดถึงการต่อสู้กลางคืนและในระยะประชิด ความสามารถในการต่อสู้ของมือสังหารชุดดำผู้นี้ไม่ได้ต่ำไปกว่าซูเฉินอย่างแน่นอน แต่ทันทีที่ซูเฉินทิ้งระยะห่างออกไปและใช้ทักษะต้นกำเนิด ในด้านนี้ฝ่ายตรงข้ามนั้นด้อยกว่าเขาอย่างชัดเจน มือสังหารถูกโจมตีโดยการทิ้งระเบิดของซูเฉิน และในที่สุดก็ทำได้เพียงตะโกนออกมา “นี่ เอาไปซะ!”

เขายกป้ายหยกขึ้น

ซูเฉินใช้ทักษะการปล้นของเขากับป้ายหยก อย่างไรก็ตามทันทีที่เขากดลงบนป้ายหยก แสงคมมีดก็ปรากฏขึ้นในมือของมือสังหารอย่างรวดเร็วและแทงทะลุท้องของซูเฉิน

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันที่สำเร็จนี้ ทำให้มือสังหารชุดดำรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง “ตายไปให้ข้าซะ!”

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาได้ยินกลับเป็นเสียงของโล่แตกภายใต้คมมีดสีดำดังขึ้น และมันมีเสียงมากกว่าหนึ่งเสียง เกราะป้องกันที่ซ้อนทับกันปรากฏอยู่รอบร่างกายของคู่ต่อสู้ และเขาก็ไม่มีทางทำลายมันได้ด้วยการตวัดมีดแทงแค่ครั้งเดียวอย่างแน่นอน

“เป็นไปได้อย่างไร?” มือสังหารชุดดำตกใจ

คำตอบของคำถามนี้คือลูกไฟที่พุ่งตรงเข้าใส่ใบหน้าของเขา

“อ้าก! ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!” มือสังหารชุดดำกรีดร้องอย่างน่าสงสารขณะกระเด็นลอยขึ้นไป ร่างของเขากระพริบซ้ำ ๆ กลางอากาศก่อนที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่เหลืออยู่คือคำพูดอันชั่วร้ายที่สะท้อนอยู่ในความมืด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)